ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 24 - 30 กรกฎาคม 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | ขอแสดงความนับถือ |
เผยแพร่ |
ขอแสดงความนับถือ
นิตยา กาญจนะวรรณ แห่งคอลัมน์มองไทยใหม่
ว่าด้วย “ภาษาต่างเจน” มาแล้ว 4 ตอน
ฉบับนี้เป็นตอนที่ 5
ผู้ที่ไม่ได้ติดตามต่อเนื่อง
ขอทบทวนความจำให้เล็กน้อย
“เจน” ที่หมายถึง generation — “ช่วงวัยของประชากร”
แบ่งเป็นช่วงต่างๆ 5 ช่วง ดังนี้
Generation T (Traditionalist)
คือประชากรที่เกิดก่อน พ.ศ.2489
มีลักษณะยึดมั่นขนบธรรมเนียมประเพณี เน้นค่านิยมไทย
เป็นคนที่มีประสบการณ์ในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ของโลก
ถ้าเทียบกับไทยจะราวๆ รัชกาลที่ 7
ผ่านยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 จนถึงต้นยุคสงครามเย็น
มีลักษณะไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง
อยากให้โลกหมุนกลับมาหาคืนวันเก่าๆ
อายุ 75 ปีขึ้นไป มีจำนวนราว 2,902,993 คน
Generation B (Baby boomer) หรือเจนบี
คือประชากรที่เกิดช่วง พ.ศ.2489-2507
มีลักษณะอนุรักษนิยมกึ่งสมัยใหม่
มีความอดทน อุตสาหะ มีมานะ พยายาม และภักดีต่อองค์กร
คนรุ่นนี้มีประสบการณ์ยุคสงครามเย็น เผด็จการทหาร ตั้งแต่สมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม, จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ และจอมพลถนอม กิตติขจร
ในด้านเทคโนโลยีจะเริ่มมีโทรทัศน์ขาว-ดำ วิทยุทรานซิสเตอร์
คนรุ่นนี้มีความอดทน ใจเย็น รอคอยได้ ไม่รีบร้อน และไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง
นิสัยที่โดดเด่นคือ ทำงานหนัก ยอมตายในหน้าที่เพื่องาน มัธยัสถ์ รู้จักใช้จ่าย และเป็นผู้นำทางความคิด
อยู่ในวัยตั้งแต่ 56-74 ปี มีจำนวน 11,761,758 คน
Generation X หรือเจนเอ็กซ์ คือประชากรที่เกิดระหว่าง พ.ศ.2508-2523
เอ็กซ์ (X) มาจากเครื่องหมาย “กากบาท” ซึ่งสะท้อนว่าพ่อ-แม่ยุคนี้มีลูกน้อย
เนื่องจากทั้งพ่อและแม่ออกไปทำงานทั้งสองคน
บางครอบครัวมีการหย่าร้าง
คนรุ่นนี้มีวิญญาณขบถ เป็นนักปฏิวัติ หรือหัวรุนแรง หัวก้าวหน้า ชอบความท้าทาย
ทั้งนี้ อาจมาจากการอยู่บ้านคนเดียวหลังเลิกเรียน เพราะพ่อ-แม่ยังไม่กลับ (Latchkey kid)
ลักษณะที่โดดเด่นคือ มีความมั่นใจในตนเองสูงมาก ชอบทำงานแบบ Work smart, not harder
จึงทำให้พวกเขาชอบการเปลี่ยนแปลง ไม่อยู่นิ่ง ชอบพัฒนางาน
แต่มีชีวิตที่สมดุลระหว่างงานกับชีวิต
และเชื่อว่า การทำงานหนักเพื่อการหาเงินและนำเงินที่ได้ไปใช้ในการพักผ่อน
คนรุ่นนี้มีประสบการณ์ช่วงประชาธิปไตยเบ่งบานในยุคตุลาคม 2516 จนถึงยุค พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
เริ่มมีวิดีโอ เกมคอมพิวเตอร์ โซนี่วอล์กแมน
คนรุ่นนี้จึงรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีได้เร็วกว่าเจนบี
อยู่ในวัยตั้งแต่ 40 ถึง 55 ปี มีจำนวน 16,267,720 คน
Generation Y (The Millennial) หรือเจนวาย
คือผู้ที่เกิดในยุคที่มีโทรศัพท์เคลื่อนที่ คอมพิวเตอร์ และอินเตอร์เน็ต
เกิดระหว่าง พ.ศ.2524-2543
เป็นคนที่ชอบเทคโนโลยี ชอบความเร็ว ทันทีทันใด ไม่ชอบรอนาน
ชอบสีสันสดใส บรรยากาศสนุกสนาน ชอบให้เอาอกเอาใจ
มีลักษณะการใช้ภาษาที่ไม่เป็นทางการ
ไม่ชื่นชอบความเป็นทางการ
มองโลกในแง่ดี มองทุกอย่างแบบสดใส และโลกสวย
นี่คือประชากรในวัยตั้งแต่ 20 ถึง 39 ปี มีจำนวน 18,901,346 คน
Generation Z หรือเจนแซด หรือ Silent Generation
ปัจจุบันถือเอาช่วงหลัง พ.ศ.2543 (ค.ศ.2000) เป็นจุดเริ่มต้นของช่วงวัยนี้
เป็นกลุ่มคนที่เกิดมาพร้อม Digital และ Social Network
เป็นช่วงวัยที่ความหลากหลายทางสังคมมีมาก
ทั้งเรื่องเพศวิถี ที่มีความแตกต่าง และให้การยอมรับเพศทางเลือกมากขึ้น
มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์
มีความหลากหลายทางเทคโนโลยีทุกด้าน เช่น การแพทย์ วิศวกรรม วิทยาศาสตร์
รวมทั้งเทคโนโลยีการสื่อสารโทรคมนาคม ที่เป็น Fully Digitalization
คนรุ่นนี้จะเป็นช่วงวัยที่เงียบ
อาจเป็นเพราะการอยู่ในยุคที่มีอุปกรณ์การสื่อสารและบันเทิงอย่างครบถ้วนในอุปกรณ์เดียว
จึงเป็นการง่ายที่จะปลีกตัวเองจากสังคมจริง (Real community) เข้าสู่สังคมเสมือน (Virtual community)
อยู่ในวัยต่ำกว่า 20 ปี ช่วงวัยนี้มีจำนวน 14,872,336 คน
ในฐานะภาษาศาสตร์ อาจารย์นิตยาจับตามองประชากรใน Generation Y, Z ในปัจจุบันเป็นพิเศษ
เพราะคาดการณ์ว่าจะเป็นผู้กำหนดอนาคตภาษาในอีก 20 ปีข้างหน้า
โดยคนรุ่น Y, Z นี้มีเอกลักษณ์ทางการใช้ภาษาแบบสร้างสรรค์ ฉีกกฎเกณฑ์
จึงทำให้เกิดภาษาปาก (Slang) มากมาย
จนทำให้กลุ่มขนบนิยมมองว่าเป็นการสร้างภาษาวิบัติ
แต่ถ้ามองด้วยมุมมองที่ยอมรับความแตกต่างได้
จะเห็นว่าเป็นวิวัฒนาการของภาษาที่ยังมีชีวิตอยู่ เช่น ภาษาไทยของเรา
ที่ชี้ชวนให้อ่านบทความชุด “ภาษาต่างเจน” ในคอลัมน์มองไทยใหม่ ของนิตยา กาญจนะวรรณ
เผื่อใครติดตามการชุมนุมของคนรุ่น Y, Z ตอนนี้
เจอภาษาวิบัติ แปลกๆ รุนแรง หยาบ
จะได้เข้าใจ
และไม่ตื่นตกใจเกินเหตุ