โยนหินนิรโทษ

เห็นปฏิกิริยาต่อกรณี “แรมโบ้” นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

จัดงานคืนป้ายหมู่บ้านเสื้อแดง

โดยเริ่มคลิกออฟที่ภาคอีสาน

และล่าสุด ไปเป็นประธานรับมอบคืนป้ายหมู่บ้านเสื้อแดง ภาคเหนือ 17 จังหวัด

ดูแล้วห่างไกลจากคำว่า “รวมไทยสร้างชาติ” อยู่มาก

เพราะฝ่ายที่ถูกรื้อถอน “ป้ายแดง” มีทีท่าไม่พึงใจเท่าไหร่นัก

อย่างนายพิพัฒน์ชัย ไพบูลย์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)

บอกว่า การไปรับคืนป้ายหมู่บ้านเสื้อแดง

เป็นการจัดอีเวนต์มากกว่า คนที่มาก็ไม่กี่คน และก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร แค่ทำป้ายชื่อจังหวัดแต่ละจังหวัดมา แล้วจัดคนมาถือป้ายเท่านั้น

ไม่มีน้ำหนักอะไร

แถมที่ภาคเหนือ กลับเจอคนเสื้อแดงกลุ่มหนึ่งออกมาต่อต้านประท้วงเสียอีก

ท่าทีเช่นนี้ ถึงได้บอกว่า แรมโบ้ยังห่างไกลจากการรวมไทยสร้างชาติอยู่หลายลี้

แต่ที่น่าสนใจ และน่าจับตามองกว่า

คือการประชุมวุฒิสภา เมื่อ 14 กรกฎาคม

วาระเพื่อรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติปี 2562 และรายงานของคณะกรรมาธิการติดตาม เสนอแนะ และเร่งรัดการปฏิรูปประเทศ และการจัดทำและดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ

เมื่อนายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.ลุกขึ้นเสนอ

เพื่อให้บรรลุผลตามยุทธศาสตร์ชาติ ถึงเวลาที่รัฐบาลต้องเร่งตรากฎหมายนิรโทษกรรมประชาชน

จากความผิดที่เกิดขึ้นหรือเกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมืองช่วง 15 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2548-2563

“นายกรัฐมนตรีจะรวมไทยสร้างชาติได้อย่างไร เมื่อคนกลุ่มหนึ่งถูกทิ้งให้ขึ้นศาลทุกสัปดาห์ จะไปต่างประเทศต้องรายงานต่อศาล หลายคนถูกยึดทรัพย์ การนิรโทษกรรมไม่ใช่เรื่องใหม่ สมัยสงครามคอมมิวนิสต์ยังจบได้ ด้วยคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 66/2523 ด้วยการนิรโทษกรรมให้อภัย เปิดโอกาสให้พลังทุกภาคส่วนมาร่วมพัฒนาชาติไทย ถึงเวลาต้องมีกฎหมายนิรโทษกรรมประชาชนทุกกลุ่ม ดังนั้น นายกรัฐมนตรีอย่าลังเล” นายคำนูณว่า

ส.ว.คำนูณนั้น ตามโปรไฟล์สีเหลืองจ๋า

แนบแน่นกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน

และไม่เคยตกขบวนรถไฟสายขบวน “สีเขียว” ได้รับบทบาทในทาง “นิติบัญญัติ” มาตั้งแต่หลังรัฐประหาร 2557

นำเสนอวิชั่น และแนวคิด ที่ปูทางให้ฝ่ายที่กุมอำนาจมาโดยตลอด

และครั้งนี้ เสนอให้นายกฯ แสดงเจตจำนงนำเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชน

โดยให้เป็นร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศ ตามมาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่จะต้องนำไปพิจารณาในที่ประชุมรัฐสภา

ซึ่ง ส.ว.คำนูณบอกว่า จะเป็นการสร้างบารมีให้นายกฯ หากรวมใจคนทุกภาคส่วนเข้ามาทำเรื่องนี้

สอดคล้องกับแนวทาง “นิวนอร์มอล” ที่จะรวมไทยสร้างชาติของ พล.อ.ประยุทธ์พอดี

จึงน่าจับตามอง การโยนหิน “ก้อนใหญ่” ถามทางคราวนี้

จะมีอะไรในกอไผ่หรือไม่

แต่แน่นอน มีนัยที่เหนือกว่าปฏิบัติการของแรมโบ้สุภรณ์ อยู่หลายเท่าตัว