พยากรณ์ดวงชะตาโลกและดวงชะตาประเทศไทย เดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2563

ดวงอาทิตย์ยกเข้าสู่ราศีกรกฎ ทางโหราศาสตร์สากลและโหราศาสตร์ยูเรเนียน เป็นโหราศาสตร์ที่อ้างอิงกับฤดูกาล (Tropical Zodiac) ราศีกรกฎถือว่าเป็นราศีลำดับที่ 4 ในจักรราศี เป็นราศีทวาร แม่ธาตุน้ำ ดวงอาทิตย์จะย้ายเข้าสู่ราศีกรกฎประมาณวันที่ 20 หรือ 21 มิถุนายน ของทุกปี ในปีนี้ดวงอาทิตย์ย้ายเข้าสู่ราศีกรกฎวันที่ 21 มิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา เวลา 04.43.33 น. กทม. ตามเวลามาตรฐานประเทศไทย (105E) ตำแหน่งดวงอาทิตย์ 00 องศา 00 ลิปดา 00 ฟิลิปดา ราศีกรกฎ

ดวงชะตารอบนี้ถือว่าสำคัญอย่างมาก เพราะมีเรื่องสำคัญอยู่ 3 อย่างคือ วันที่ดวงอาทิตย์ยกเข้าราศีกรกฎ วันจันทร์ดับ และเกิดปรากฏการณ์สุริยคราสด้วย

วันอมาวสี หรือวันจันทร์ดับ (New Moon) ที่เกิดขึ้นในวันเดียวกับอาทิตย์ย้ายราศี และเกิดปรากฏการณ์สุริยคราส (Solar Eclipse) แต่เกิดต่างช่วงเวลา วันอมาวสีรอบนี้เกิดคราสด้วย ตรงกับวันที่ 21 มิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา เวลา 13.41.18 น. กทม. ไตรมาสนี้เป็นช่วงที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการกำหนดทิศทางเหตุการณ์ที่น่าสนใจและความเปลี่ยนแปลงภายในรอบ 3 เดือนนี้

ในด้านเหตุการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นตามภาพดาวในดวงชะตา จะมีระยะครอบคลุมไปถึงสามเดือนทั้งในด้านดีและร้าย

สิ่งที่จับตามอง

การเกิดระบาดโควิด-19 รอบ 2 เกิดขึ้นได้อีกในหลายประเทศทั่วโลก

ปัญหาด้านการฟื้นฟูเศรษฐกิจด้วยวิธีการต่างๆ เกิดการระดมทุนการใช้เงินมาก ทำให้เกิดภาระหนี้ก้อนใหญ่

การใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ (New Normal) จะส่งผลต่อธุรกิจที่สามารถดำเนินงานเพื่อหาโอกาสใหม่ๆ จากวิกฤตนี้

ความเหลื่อมล้ำทางสังคมระหว่างคนจนกับคนรวยจะเห็นผลชัดเจนยิ่งขึ้น

พยากรณ์ดวงชะตาโลก

ดวงชะตาโลกกับผลของโควิด-19 วิกฤตไวรัสทั่วโลก

สภาพเศรษฐกิจโลกหลังผ่านวิกฤตโควิด-19 ในรอบแรกความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคม การใช้ชีวิตที่แตกต่างไปจากชีวิตเดิมๆ ล้วนเป็นปรากฏการณ์ที่เด่นชัดในโลก คนจนและคนรวยมีสภาพความเป็นอยู่แตกต่างกันอย่างมาก ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตและสภาพทางสังคม ผลนี้จะนำไปสู่ในอนาคตต่อรูปแบบการจัดระเบียบทางวัฒนธรรม สังคม และการปกครอง

ด้านการค้า การลงทุนอิทธิพลของจีนเพิ่มมากขึ้น แต่ภาพลักษณ์ในด้านลบในหลายๆ ประเด็น มีผลต่อความร่วมมือทางการค้าที่เปลี่ยนไปกับนานาประเทศที่จีนเริ่มเข้าได้ทำการค้าร่วมมากขึ้น บทบาทของจีนยิ่งชัดเจนมากขึ้นทุกวัน ประเทศมหาอำนาจ เช่น สหรัฐ หรือประเทศอื่นๆ เริ่มมีท่าทีที่อาจจะเกิดสงครามการค้าขึ้นอีกครั้ง

ส่วนหลายประเทศพยายามเข้าสู่ยุคการพึ่งพาตนเองและความร่วมมือกับประเทศที่ไว้วางใจและเป็นมิตรต่อกัน เพื่อเสริมความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจในประเทศ หรือแสวงหาตลาดใหม่มากขึ้นกับประเทศที่มีศักยภาพในการร่วมมือกันเพื่อเกิดธุรกิจใหม่ๆ และแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ทางการค้า การลงทุนร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งทรัพยากรทางธรรมชาติต่างๆ ที่จะนำมาใช้ประโยชน์ทางการค้าระหว่างประเทศ

โควิด-19 ก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจโลกและการเสียชีวิตผู้คนหลายล้านคน ส่งผลให้หลายประเทศปรับทิศทางใหม่ เช่น การเพิ่มกำลังผลิตจากภายในประเทศแทนที่หาแรงงานราคาถูก หรือแนวคิดอื่นๆ ภายใต้ปัญหาโควิด-19 ที่เป็นผลกระทบทั่วโลก การรับมือกับปัญหาเรื่องนี้เป็นผลที่ทำให้เกิดการปรับตัวและเรียนรู้การอยู่รอดในทุกๆ สภาวะ

สภาพเศรษฐกิจโลกจากที่เคยถดถอยก็ต้องพยายามฟื้นฟูเพื่อให้ทุกอย่างกลับมาสู่สภาพปกติ ในระหว่างการเกิดวิกฤตโควิด-19 (COVID-19) จะมีการปิดกิจการต่อเนื่องไปจนถึงขั้นเลิกกิจการ ล้มละลาย การเป็นหนี้ทางธุรกิจ

ส่วนธุรกิจที่รองรับกับสถานการณ์นี้ เป็นโอกาสดีในการขยายผลิตภัณฑ์และช่องทางการตลาดได้กว้างขึ้น

เช่น การค้าขายออนไลน์ ธุรกิจส่งอาหาร และสินค้า ระบบการขนส่งมีทิศทางที่เติบโตเพิ่มขึ้นทั่วโลกอย่างชัดเจน

สภาวะตลาดเงินและตลาดทุนของโลกก็จะขยับตัวและปรับตัวไปในทิศทางที่จะสร้างความมั่นคงต่อระบบการเงินและการคลังของโลก

แต่จะเป็นไปได้อย่างช้าๆ ลักษณะประคองแบบค่อยๆ ฟื้นฟูกลับมาอยู่ในสภาพเดิมก่อน

ปัญหาผู้ลี้ภัยยังคงรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เกิดการลักลอบเข้าเมือง สร้างปัญหาด้านการสาธารณสุข และเป็นแหล่งการเกิดโรคภัยและโรคระบาดร้ายแรงในอนาคต ปัญหาสิ่งแวดล้อมโลกโดยเฉพาะการจัดการกับขยะที่เกิดขึ้นอย่างมากมายในช่วงวิกฤตที่ผ่านมา

อากาศของโลกแปรปรวน น้ำท่วม และพายุลม ฝนในรอบไตรมาสนี้จะเริ่มเห็นปัญหาด้านภัยธรรมชาติทั่วโลกที่เด่นชัดขึ้น

พยากรณ์ดวงชะตาประเทศไทย

วิกฤตโควิด-19 (COVID-19) ต่อดวงชะตาประเทศไทย

สถานการณ์ความรุนแรงของวิกฤตโควิด-19 (COVID-19) จากดวงชะตาโลกและดวงชะตาประเทศไทย มีเรื่องราวเกี่ยวกับการอุบัติของการเกิดโรคระบาด ตามคำพยากรณ์ดวงชะตาโลกและประเทศไทย พ.ศ.2563 ไตรมาสที่ 1 ตีพิมพ์ในมติชนสุดสัปดาห์ https://www.matichonweekly.com/special-report/article_296902 ผลของคำพยากรณ์แม่นยำตรงกับช่วงการปลดล็อกผ่อนคลายตามประกาศของรัฐบาล

สิ่งที่ต้องเฝ้าระวังคือ วิกฤตโควิด-19 (COVID-19) นี้จะมีโอกาสเกิดขึ้นอีกครั้ง ยังไม่น่าไว้วางใจ ด้วยสถานการณ์ต่างๆ ที่เอื้อต่อการติดเชื้อ แม้ว่าในสังคมจะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต (New Normal) ก็ตาม การจัดการด้านการรักษา ยา วัคซีนที่สามารถรักษาโรคนี้ได้อย่างจริงๆ ควบคุมไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดยังไม่สามารถทำได้อย่างเด็ดขาด

การใช้ชีวิตในรูปแบบใหม่ๆ ส่งผลกระทบต่อต้นทุนในการดำเนินธุรกิจต่างๆ แม้ว่าจะเกิดปัญหามากมาย แต่ในช่วงนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีต่อการช่วงชิงโอกาสทางธุรกิจ

สิ่งที่ต้องระวังอย่างมาก คือการเกิดการระบาดโควิด-19 ในระลอกที่ 2 เป็นผลสะสมมาจากครั้งแรก

หากคนไทยประมาทไม่ระวัง ผลจะเกิดการติดเชื้อในระยะที่ 2 เพิ่มมากยิ่งขึ้น สถานการณ์ยังคงน่าเป็นห่วง จากการผ่อนปรนและปลดล็อกแล้ว ขอให้ทุกคนอย่าชะล่าใจ ต้องป้องกันรักษาตัวเอง มาตรการการรักษาและป้องกันยังไม่ครอบคลุมต่อการระงับการเกิดโรคนี้อย่างเด็ดขาด เด็ก และผู้สูงอายุจะมีแนวโน้มเกิดการติดเชื้อมากขึ้น

ในไตรมาสที่ 1 ผ่านมา สภาพเศรษฐกิจยังไม่ค่อยดี เมื่อเกิดวิกฤตโควิด-19 ขึ้น ยิ่งส่งผลต่อเนื่องให้การเติบโตเศรษฐกิจในไตรมาส 2 ลดลงจากเดิม

กว่าจะฟื้นฟูได้จริงๆ จนปรับตัวเข้าสู่สภาพเดิมก็ราวกลางปีหน้า (ไตรมาส 2 ปี พ.ศ.2564) รายได้หลักที่มาจากการท่องเที่ยวลดลงอย่างมาก ภาคธุรกิจควรหาช่องทางการดำเนินธุรกิจในรูปแบบใหม่ ลดต้นทุน หรือการใช้สื่อโซเชียลมากยิ่งขึ้น

ดังจะเห็นว่าพอรัฐบาลปลดล็อกแล้ว มีเพียงบางธุรกิจเท่านั้นที่ยังคงดำเนินต่อไปได้ แต่ภาพรวมของเศรษฐกิจไตรมาส 3 นี้ยังถือว่าอยู่ในช่วงที่ต้องอดทน ปรับตัวเพื่อฟื้นฟูให้ดีกลับมาเหมือนเดิม

แม้ว่ารัฐบาลพยายามกระตุ้นให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจและการลงทุนมากขึ้น รัฐบาลใช้เงินไปอย่างมากมายมหาศาล จะส่งผลต่อภาระหนี้ก้อนใหญ่ ในอนาคตแล้วต้องหาหน่วยงานมารับผิดชอบในการคืนเงิน ประชาชนอาจจะได้รับความเดือดร้อนอีกครั้งจากการเรียกเก็บภาษี หรือนโยบายอื่นๆ ที่จะได้เงินกลับคืนชดใช้หนี้ ถึงจุดนั้นจะเห็นความเหลื่อมล้ำทางสังคมระหว่างชนชั้นมากยิ่งขึ้น

สถานการณ์ด้านการเมือง แม้ว่าช่วงเกิดโควิด-19 ทั้งนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลต่างใช้อำนาจหน้าที่ในการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค นับว่าเป็นโอกาสและช่องทางที่ดีในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับทีมงานที่เกี่ยวข้อง

แต่ผลการทำงานนี้ส่งผลให้กับกลุ่มที่คิดต่าง เห็นต่าง หรือไม่ได้รับผลประโยชน์ออกมาเรียกร้องด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การนัดชุมนุมกลุ่มที่มีความคิดแนวทางเดียวกัน อันนำไปสู่จุดเล็กๆ ที่คอยทิ่มแทงเสถียรภาพของรัฐบาล

อย่าประมาทกับปลายเข็มเล็กๆ อาจจะนำไปสู่การทำลายให้เกิดความมั่นคงได้เช่นกัน

เสถียรภาพของรัฐบาลสร้างความไม่แน่นอนให้กับความเชื่อมั่นในหลายๆ ด้าน

ปัญหาภายในพรรคการเมือง พรรคเล็ก พรรคใหญ่ ตลอดจนการเปลี่ยนขั้วทางการเมืองและการรวมกลุ่มกันใหม่เพื่อแลกผลประโยชน์ต่างๆ ยังเป็นคลื่นใต้น้ำที่รอให้เกิดขึ้นอย่างคาดการณ์ไม่ถึง

มีแนวคิดใหม่ๆ เกิดอยู่ยังไม่ลงตัวแน่นอน ส่งผลให้การแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจและปัญหาใหญ่ๆ ของประเทศที่ต้องทำก่อให้เกิดความล่าช้าในการดำเนินงาน

หลายฝ่ายต่างวิตกกังวลกับการใช้เงินอย่างมหาศาลของรัฐบาลที่จะก่อให้เกิดภาระหนี้ก้อนใหญ่ แต่ผู้ที่ไม่มีอำนาจก็ไม่อาจขัดแย้งได้ แม้ว่าจะหาวิธีการต่างๆ ก็ตาม

ผู้มีอำนาจหรือผู้นำจะถูกลดทอนบทบาทลงด้วยวิธีการต่างๆ ฝ่ายตรงข้ามพยายามโจมตีเพื่อให้เกิดการถ่ายเทขั้วอำนาจไปยังฝ่ายตรงกันข้าม ภาระรับผิดชอบของรัฐบาลถือว่าหนักมากจากผลของเศรษฐกิจที่มีปัญหาฝืดเคือง และถูกกระทบซ้ำอีกระลอกจากการระบาดของโควิด-19

สภาวะเศรษฐกิจส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนทั่วประเทศ เกิดการว่างงานและต้องแบกรับค่าใช้จ่ายมาก แม้ว่ารัฐบาลจะพยายามใช้วิธีการแจกเงินเพื่อเยียวยาช่วยเหลือ ให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผลที่ได้รับจะไม่คุ้มค่า ทุกคนที่ไม่ได้รับจะเกิดความเหลื่อมล้ำ

ความแปรปรวนของสภาพดินฟ้าอากาศ ส่งผลให้เกิดน้ำท่วม พายุฝน ไฟไหม้ ความเสียหายด้านอุบัติภัยต่างๆ ทำให้เกิดการสูญเสีย ประชาชนเดือดร้อน กระหน่ำซ้ำเติมจากภัยธรรมชาติ ช่วงรอบไตรมาสนี้ เข้าหน้าฝนและมีพายุฝนกระหน่ำ ทำให้เกิดน้ำท่วมกรุงเทพฯ และจังหวัดที่ลุ่มพื้นที่ต่ำ จากฝนตกหนักและการระบายน้ำไม่ทัน ต้องเตรียมการป้องกันด่วน ปัญหาเดิมๆ นี้ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง

สิ่งที่ต้องระวังคือ การดูแลป้องกันการเกิดวิกฤตโควิด-19 ในรอบที่ 2 ซึ่งมีแนวโน้มอย่างมาก แต่การรับมือกับปัญหาจะสามารถทำได้ดีกว่าเดิม แต่จะทำให้เกิดการสูญเสียทรัพยากรทั้งเงิน ชีวิต และการพัฒนาฟื้นฟูประเทศกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ทั้งในด้านเศรษฐกิจและการเมือง

หมายเหตุ – ภาพดวงชะตานำมาจากโปรแกรม Solar Fire