ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 21 - 27 เมษายน 2560 |
---|---|
คอลัมน์ | ต่างประเทศ |
เผยแพร่ |
ร้อนระอุไปทั้งบาง หลังจากกองทัพสหรัฐอเมริกาส่งกองเรือรบมาประชิดคาบสมุทรเกาหลี จากที่ก่อนหน้าสหรัฐยิงจรวดโทมาฮอว์กถล่มฐานทัพอากาศซีเรีย เป็นการโชว์สั่งสอนรัฐบาลประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด ของซีเรีย ที่บังอาจใช้อาวุธเคมีโจมตีฝ่ายตรงข้ามไปก่อนแล้ว
ความเคลื่อนไหวของสหรัฐยังถูกตีความว่าเป็นการขู่เตือนเกาหลีเหนืออีกทางว่าอย่าทำอะไรยั่วยุ ไม่งั้นอาจเผชิญชะตากรรมเดียวกับซีเรียหรือกองกำลังรัฐอิสลาม (ไอเอส) ที่ถูกสหรัฐทิ้งโคตรระเบิดใส่ที่มั่นในประเทศอัฟกานิสถานไปเมื่อเร็วๆ นี้จนมีสาวกไอเอสล้มตายไปหลายสิบคนได้
การยั่วยุของเกาหลีเหนือที่ถูกหมายหัวคือการดึงดันทดสอบอาวุธในคลังแสงที่เกาหลีเหนือกระทำอยู่เป็นระยะ
และเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเกาหลีเหนือก็ยังไม่วายท้าทายโลกอีกด้วยการทดสอบยิงจรวดลูกหนึ่ง แต่ก็ล้มเหลว เพราะจรวดระเบิดแตกตัวออกเกือบจะในทันทีที่ถูกปล่อยจากฐานยิง
ตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธหลายคนกำลังรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์กันอยู่ว่าจรวดหรือขีปนาวุธที่เกาหลีเหนือใช้ทดสอบครั้งนี้แต่ล้มเหลวไม่เป็นท่าอีกครั้งนั้นเป็นจรวดชนิดใด
หากเปิดคลังแสงในโครงการอาวุธของเกาหลีเหนือ ที่สร้างความประหวั่นพรั่นพรึงให้แก่ชาวโลกอยู่ในเวลานี้ อาจแบ่งได้เป็น 2 ส่วนหลัก คือ โครงการขีปนาวุธ และโครงการนิวเคลียร์
ในส่วนของโครงการขีปนาวุธ แวดวงผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธและการทหารเชื่อว่าเกาหลีเหนือน่าจะมีขีปนาวุธที่มีสมรรถนะหลากหลายอยู่ในครอบครองมากกว่า 1,000 ลูก ซึ่งรวมถึงขีปนาวุธพิสัยไกลที่โจมตีได้ไกลถึงดินแดนสหรัฐ จากที่เกาหลีเหนือเริ่มต้นสร้างจรวดปืนใหญ่ในช่วงทศวรรษ 1960-1970 ก่อนจะพัฒนาโครงการจรวดขีปนาวุธที่มีความก้าวหน้าไปมากในช่วง 2-3 ทศวรรษที่ผ่านมา
ข้อมูลของศูนย์ศึกษาการไม่แพร่ขยายอาวุธของสหรัฐระบุว่า โครงการจรวดยุคใหม่ของเกาหลีเหนือเริ่มต้นขึ้นด้วยการนำเอาขีปนาวุธสกั๊ดเข้ามาจากอียิปต์ในปี 1976 ก่อนจะเอามาพัฒนาเป็นเวอร์ชั่นของตนเองในปี 1984 ได้เป็น ฮวาซอง ขีปนาวุธพิสัยใกล้ที่มีหลายสมรรถนะ ทั้งนี้ สหพันธ์นักวิทยาศาสตร์อเมริกัน (เอฟเอเอส) แบ่งพิสัยการยิงของขีปนาวุธออกเป็น 4 ระดับ คือ ขีปนาวุธพิสัยใกล้ มีอานุภาพยิงโจมตีเป้าหมายได้ในรัศมี 1,000 กิโลเมตรหรือต่ำกว่านั้น ขีปนาวุธพิสัยกลาง ยิงโจมตีได้ในรัศมี 1,000-3,000 กิโลเมตร ขีปนาวุธพิสัยปานกลาง 3,000-5,500 กิโลเมตร และขีปนาวุธแบบยิงโจมตีข้ามทวีป มีพิสัยโจมตีเป้าหมายได้ในรัศมีมากกว่า 5,500 กิโลเมตร
ในส่วนขีปนาวุธพิสัยใกล้ ฮวาซองของเกาหลีเหนือ ยังมีรุ่นฮวาซอง-5 และฮวาซอง-6 มีพิสัยยิงในระยะ 300 และ 500 กิโลเมตรตามลำดับ ถูกระบุสามารถติดหัวรบในรูปแบบที่อาจเป็นหัวรบชีวภาพหรือหัวรบเคมีได้ด้วย
เกาหลีเหนือเคยทดสอบขีปนาวุธชนิดนี้มาแล้วหลายครั้งและยังเคยขายฮวาซอง-6 ให้กับอิหร่าน
ในช่วงปลายทศวรรษ 1980 เกาหลีเหนือพัฒนาขีปนาวุธพิสัยกลางรุ่นใหม่ ชื่อโนดอง มีพิสัยยิงโจมตีในรัศมี 1,000 กิโลเมตร โดยยึดดีไซน์มาจากสกั๊ด แต่มีขนาดใหญ่กว่าครึ่งหนึ่งและมีพลานุภาพมากกว่า
ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าเกาหลีเหนือเคยนำโนดองมาทดสอบในปี 2006 ปี 2009 ปี 2014 และปี 2016
ในการทดสอบเหล่านี้ ศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์ระหว่างประเทศได้รวบรวมข้อมูลและนำมาวิเคราะห์ชี้ว่าระบบขีปนาวุธที่เกาหลีเหนือนำมาทดสอบมีสมรรถนะที่ยิงโจมตีชาติเพื่อนบ้านอย่างเกาหลีใต้ได้อย่างราบคาบและโจมตีพื้นที่ส่วนใหญ่ของญี่ปุ่นได้
เกาหลีเหนือยังกำลังพัฒนาขีปนาวุธพิสัยปานกลาง มูซูดาน ซึ่งมีการนำมาทดสอบหลายครั้งในปี 2016 หลายองค์กรที่เฝ้าจับตาประเมินสมรรถนะของขีปนาวุธรุ่นนี้แตกต่างกันไป หน่วยข่าวกรองของอิสราเอลประเมินว่ามูซูดานมีพิสัยยิงในรัศมี 2,500 กิโลเมตร สำนักงานป้องกันขีปนาวุธของสหรัฐประเมินว่ามีพิสัยยิง 3,200 กิโลเมตร และอีกหลายองค์กรประเมินว่ามากกว่านั้น
ว่ากันว่าขีปนาวุธมูซูดานที่มีพิสัยระดับต่ำๆ ก็มีขีดความสามารถที่จะโจมตีเกาหลีใต้และญี่ปุ่นได้ราพณาสูร ขณะที่พิสัยสูงๆ ก็สามารถยิงถล่มฐานทัพสหรัฐที่เกาะกวมได้ นอกจากนี้ เกาหลีเหนือยังพัฒนาขีปนาวุธนำวิถีพิสัยกลางถึงไกล ที่ยิงจากพื้นสู่พื้น หรือพุกกุกซง โดยยิงทดสอบครั้งแรกจากเรือดำน้ำในเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว และครั้งที่ 2 ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาที่ยิงจากพื้นดิน
เกาหลีเหนือยังพัฒนาขีปนาวุธแตโปดอง-1 ที่ถือเป็นขีปนาวุธหลายตอนรุ่นแรกของประเทศ ที่เอฟเอเอสเชื่อว่า ตอนแรกเป็นขีปนาวุธโนดอง ส่วนตอนที่ 2 เป็นฮวาซอง-6 โดยเคยทดสอบในปี 1998 แต่ถูกใช้เป็นจรวดขนส่ง ก่อนจะมีการพัฒนาแตโปดอง-2 ขีปนาวุธนำวิถี 2-3 ตอน ที่มีความก้าวหน้ากว่า เชื่อว่ามีพิสัยยิงในรัศมีระหว่าง 5,000-15,000 กิโลเมตร
ผู้เชี่ยวชาญยังเชื่อว่าเกาหลีเหนือกำลังพัฒนาขีปนาวุธนำวิถียิงโจมตีข้ามทวีป ที่เรียกขานว่า เคเอ็น-08 หรือ ฮวาซอง-13 โดยเห็นสัญญาณแรกของการพัฒนาขีปนาวุธรุ่นนี้เมื่อเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา
ในส่วนโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือที่สร้างความหวั่นวิตกให้กับประชาคมโลก มีคำถามว่าเกาหลีเหนือมีระเบิดนิวเคลียร์หรือไม่
ในทางเทคนิคแล้วผู้เชี่ยวชาญบอกว่าเกาหลีเหนือทดสอบระเบิดนิวเคลียร์มาแล้วหลายครั้ง แต่หากจะใช้นิวเคลียร์โจมตีเพื่อนบ้าน เกาหลีเหนือจะต้องพัฒนาหัวรบนิวเคลียร์ที่มีขนาดเล็กพอเหมาะที่จะติดตั้งบนขีปนาวุธที่ใช้ยิงโจมตีให้ได้ ซึ่งเกาหลีเหนือก็เคยออกมาอ้างว่าประสบความสำเร็จในการพัฒนาหัวรบนิวเคลียร์ขนาดเล็ก แต่ก็ยังไม่มีใครพิสูจน์คำกล่าวอ้างนี้ได้ เกาหลีเหนือยังอ้างความสำเร็จในการทดสอบระเบิดนิวเคลียร์มาแล้ว 5 ครั้ง คือในปี 2006 ปี 2009 ปี 2013 และในเดือนมกราคมและกันยายนปี 2016
ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่าระเบิดนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือมีอานุภาพรุนแรงแค่ไหน…เป็นระเบิดปรมาณู หรือระเบิดไฮโดรเจน (เอช-บอมบ์) ที่ทรงอานุภาพมากกว่า
โดยการทดสอบนิวเคลียร์ในปี 2006 ปี 2009 และ 2013 ของเกาหลีเหนือถูกระบุว่าเป็นระเบิดปรมาณู แต่ในการทดสอบเดือนมกราคมปี 2016 เกาหลีเหนืออ้างว่าเป็น เอช-บอมบ์
มีคำถามอีกว่า วัสดุตั้งต้นที่ใช้ในการทำระเบิดนิวเคลียร์ เป็นพลูโตเนียม หรือยูเรเนียม ที่ยังเป็นการเสริมสมรรถนะของระเบิดนิวเคลียร์ให้ทรงอานุภาพมากขึ้น
นักวิเคราะห์เชื่อว่าการทดสอบนิวเคลียร์ 2 ครั้งแรกของเกาหลีเหนือมีวัสดุตั้งต้นเป็นพลูโตเนียม
ส่วนเกาหลีเหนือจะใช้พลูโตเนียมหรือยูเรเนียมในการทดสอบนิวเคลียร์ในปี 2013 ยังไม่เป็นที่รับรู้
แต่ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าหากเกาหลีเหนือทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ที่ใช้แร่ยูเรเนียมเป็นวัสดุตั้งต้นจริง ก็จะถือเป็นการพัฒนาที่ก้าวกระโดดของเกาหลีเหนือในโครงการอาวุธ
การทดสอบอาวุธทั้งหลายทั้งปวงที่ผ่านมาของเกาหลีเหนือมีทั้งสำเร็จและล้มเหลว ทั้งที่โลกเราได้เห็นเป็นประจักษ์พยานและที่ไม่ได้รับรู้ จนถึงการทดสอบครั้งล่าสุดเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่แม้จะล้มเหลว
แต่เป็นการตอกย้ำให้เราตระหนักได้ชัดเจนอีกครั้งว่าเกาหลีเหนือเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงโลกอย่างแท้จริง