บทความพิเศษ/นงนุช สิงหเดชะ/ เมื่อจีนไม่กลัวคำขู่ฝรั่ง ลุยใช้ ‘กม.มั่นคง’ ในฮ่องกง

บทความพิเศษ/นงนุช สิงหเดชะ

เมื่อจีนไม่กลัวคำขู่ฝรั่ง

ลุยใช้ ‘กม.มั่นคง’ ในฮ่องกง

 

ในที่สุดคนฮ่องกงก็ต้องเจอกับกฎหมายที่หนักกว่า “กฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนไปจีน” เมื่อประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ลงนามบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ในฮ่องกงไปเมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อป้องกันและป้องปรามไม่ให้มีการกระทำใดๆ ที่จะนำไปสู่การแยกฮ่องกงเป็นเอกราชจากจีน

กฎหมายมั่นคงฉบับใหม่นี้ ระบุถึงการกระทำ 4 อย่างที่จะถือว่าเป็นความผิดอาญา ได้แก่ การเรียกร้องเพื่อแยกตัวเป็นเอกราช การล้มล้างการปกครอง การก่อการร้ายและการสมคบคิดกับกองกำลังต่างชาติ หากฝ่าฝืนจะมีโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปี จนถึงตลอดชีวิต

การตีความว่าการกระทำใดเข้าข่ายความผิด 4 ข้อ เป็นอำนาจของรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่

นอกจากนั้น จีนยังเข้ามาตั้งสำนักงานเพื่อดูแลการบังคับใช้กฎหมายนี้ในฮ่องกงอีกด้วย

เรียกว่าหนักกว่ากฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ที่ชาวฮ่องกงเคยประท้วงอย่างหนักเมื่อปีที่แล้ว

 

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการประท้วงของชาวฮ่องกงที่ต่อต้านจีนแผ่นดินใหญ่เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งยกระดับเป็นความรุนแรง มีการทำลายทรัพย์สินสาธารณะ ขัดขวางการเดินทาง เผาทำลายร้านค้าและบริษัทของคนจีนแผ่นดินใหญ่ ทำร้ายร่างกาย ตลอดจนฆ่าชาวฮ่องกงที่มีความเห็นตรงข้ามกับผู้ประท้วง กระทั่งสร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับเศรษฐกิจฮ่องกง

คือชนวนที่เร่งให้จีนแผ่นดินใหญ่ต้องใช้มาตรการเด็ดขาด นำมาสู่การบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ในฮ่องกงเร็วกว่าที่ควรจะเป็น

ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า การกระทำของผู้ประท้วงที่ใช้ความรุนแรงเกินขอบเขต ย่ามใจ ไม่มีลิมิต สุดท้ายแล้วก็ส่งผลเสียสะท้อนกลับมา และสร้างความชอบธรรมให้กับรัฐบาลจีนในการจัดการขั้นเด็ดขาด

โดยเฉพาะเมื่อมีความแน่ชัดว่าชาติตะวันตก โดยเฉพาะอเมริกาชักใยหนุนหลัง

จีนเดินหน้านำกฎหมายนี้มาใช้ ทั้งที่อเมริกาและตะวันตกบางชาติขู่มาโดยตลอดว่า จะตอบโต้ ซึ่งหลังจากจีนลงนามบังคับใช้กฎหมาย

ทางอเมริกาก็ตอบโต้ด้วยการยกเลิกสถานะพิเศษทางการค้าที่เคยให้กับฮ่องกง และอีกหลายมาตรการ

อันที่จริงจีนน่าจะคาดหมายได้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าชาติตะวันตกจะมีปฏิกิริยาหรือตอบโต้อย่างไร แต่จีนก็ไม่กลัว

ซึ่งการไม่กลัวก็น่าจะผ่านการคิดคำนวณมาแล้วอย่างดี เพราะถ้าหากอ่อนข้อในประเด็นของฮ่องกง ก็จะเป็นเยี่ยงอย่างให้กับดินแดนอื่นๆ ของจีนเอาอย่างตาม

อีกอย่างหนึ่ง จีนในปัจจุบัน ไม่ใช่จีนที่อ่อนแอเหมือนในอดีตที่จะปล่อยให้ชาติตะวันตกมาข่มเหงเอาง่ายๆ หากแต่เป็นเบอร์ 2 ของโลกในแง่เศรษฐกิจ

พฤติกรรมของอเมริกา อังกฤษ ที่เข้ามาแทรกแซงและยุยงชาวฮ่องกงให้ประท้วงเมื่อปีที่แล้ว กระตุ้นความกลัวของจีนว่าจะสูญเสียการควบคุมฮ่องกงไปจริงๆ

 

แน่นอนว่าความคิดกระแสหลักส่วนใหญ่ของนักวิเคราะห์ตะวันตก มองว่ากฎหมายความมั่นคงดังกล่าว จะทำให้นักลงทุนต่างชาติที่เคยใช้ฮ่องกงเป็นฐานการลงทุนอยู่จำนวนมาก โยกย้ายหนีไปที่อื่นเพราะเห็นว่าความเป็น “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ไม่มีในฮ่องกงต่อไปแล้ว

ส่วนใหญ่แล้วนักลงทุนต่างชาติก็เกรงว่า จะไม่สามารถวางใจหรือเอาแน่เอานอนกับกระบวนการยุติธรรมของจีน แต่เรื่องนี้ยังต้องรอเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ เพราะกฎหมายฉบับใหม่จำกัดความผิดไว้แค่ 4 เรื่อง ถ้าไม่ได้ทำ 4 เรื่องนี้ ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกลงโทษ ส่วนเสรีภาพการแสดงความคิดเห็นด้านอื่นยังคงมีอยู่

ทั้งรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ และผู้บริหารฮ่องกงต่างพากันออกมายืนยันรับปากว่าฮ่องกงจะอยู่ภายใต้ หนึ่งประเทศ สองระบบต่อไป อีกทั้งยังสนับสนุนความเป็นศูนย์กลางการเงินเสรีของฮ่องกงเช่นเดิม

ในประเด็นที่เกรงกันว่านักลงทุนต่างชาติจะหนีหาย ขายหุ้นหรือสินทรัพย์ในฮ่องกงทิ้งไปนั้น มีความเป็นไปได้ที่นักลงทุนจากจีนแผ่นดินใหญ่พร้อมจะเข้ามาซื้อหรือลงทุนแทนที่โดยเฉพาะเมื่อราคาหุ้นหรือสินทรัพย์ต่ำลง

อีกประการหนึ่ง ถึงอย่างไรฮ่องกงก็ยังเป็นจุดเชื่อมโยงหรือประตูที่ดีที่สุดสำหรับนักลงทุนต่างชาติที่อยากเข้าไปเจาะตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ที่มีขนาดมหาศาล

 

การมีกฎหมายความมั่นคง แน่นอนว่าถูกมองว่าเป็นการควบคุมเสรีภาพ แต่อีกแง่หนึ่งมันช่วยสร้างเสถียรภาพและความมั่นคง ซึ่งสำหรับภาคธุรกิจแล้ว เสถียรภาพและความมั่นคงช่วยให้เกิดความมั่นใจในการดำเนินธุรกิจ ถ้าไม่มีสิ่งนี้ ธุรกิจก็หยุดชะงัก

หากดูความเคลื่อนไหวของจีนที่ผ่านมา น่าจะบ่งชี้ว่าได้เตรียมแผนรองรับหรือทางหนีทีไล่เอาไว้นานแล้วเป็นระยะ ด้วยการสร้างเมืองเศรษฐกิจเสรีเอาไว้หลายแห่งทดแทนหรือคู่ขนานฮ่องกงเพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ เช่นล่าสุดการจะยกระดับไห่หนาน มณฑลทางใต้ เป็นเขตการค้าเสรี ที่ให้สิทธิพิเศษต่างชาติมากมาย

กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกาตึงเครียดกว่าเดิม เพิ่มเติมไปจากศึกการค้าที่หนักหน่วงอยู่แล้ว ส่วนสถานการณ์จะพัฒนาไปอย่างไร ขึ้นอยู่กับว่าสหรัฐจะออกมาตรการอะไรออกมาเพิ่มเติม และจีนจะตอบโต้อย่างไร

ส่วนชาติยุโรปส่วนใหญ่ ไม่ได้มีปฏิกิริยารุนแรงต่อจีน เพียงแค่แสดงความกังวลต่อกฎหมายดังกล่าวเท่านั้น

ทางด้านแกนนำเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง ไม่ว่าจะเป็นโจชัว หว่อง หรือคนอื่นๆ ต่างประกาศวางมือ บางคนก็เผ่นหนีไปที่อื่นแล้ว

คนหนุ่มสาวเหล่านี้เรียกร้องให้นานาชาติช่วยพวกเขากดดันจีน บอกว่าขอให้ชาติตะวันตกเห็นแก่เสรีภาพและสิทธิมนุษยชนมากกว่าการค้า (เงิน)

นั่นเป็นมุมมองไร้เดียงสาของคนหนุ่มสาว ที่ยังไม่ได้สัมผัสโลก (การเมือง) แห่งความจริง เพราะถ้าชาติตะวันตกเห็นแก่เสรีภาพมากกว่าการค้าจริง ป่านนี้คงสามารถกำจัดจีนและรัสเซียออกไปจากแผนที่โลกได้นานแล้ว

 

สําหรับจีนเอง หลังจากนี้ก็คงรู้ว่าจะทำอย่างไรกับฮ่องกงจึงจะไม่ทำให้ต่างชาติแตกตื่นหนีออกไป โดยในสัปดาห์เดียวกับที่มีการใช้กฎหมายมั่นคงฉบับใหม่ในฮ่องกงนั้น ธนาคารกลางของจีนได้ออกโครงการ Wealth Management Connect ที่อนุญาตให้นักลงทุนจากจีนแผ่นดินใหญ่ซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเงินในฮ่องกง และมาเก๊า และในทางกลับกันก็ให้นักลงทุนจากฮ่องกงและมาเก๊า ซื้อผลิตภัณฑ์การเงินในจีนได้ด้วย

โครงการดังกล่าวเท่ากับว่าจีนส่งสัญญาณในการเปิดตลาดการเงินแก่ต่างชาติมากขึ้นตามสัญญาที่ให้ไว้ซึ่งต่างชาติรอคอยมาโดยตลอด โครงการนี้ไม่เพียงแต่ดึงดูดนักลงทุนจากจีนและดินแดนภายใต้จีนเท่านั้น แต่ดึงดูดนักลงทุนทุกชาติได้ด้วย

ตามรายงานที่เปิดเผยออกมา พบว่าสัปดาห์ก่อน มีเงินลงทุนไหลเข้าฮ่องกงค่อนข้างมาก ดังนั้น นักวิเคราะห์บางคนจึงเชื่อว่าในเมื่อคลื่นเงินลงทุนกำลังไหลเข้าฮ่องกงมากอย่างนี้ คงไม่มีนักลงทุนรายใดอยากทิ้งฮ่องกงไป

ถ้าจีนสามารถสร้างความมั่นใจต่างชาติว่า หากไม่ได้ทำความผิด 4 เรื่องนี้ก็ไม่ต้องกลัว เชื่อว่าเมื่อผ่านไประยะหนึ่ง และเศรษฐกิจ-ตลาดหุ้นฮ่องกงคึกคัก นักลงทุนไม่ว่าชาติตะวันตกหรือชาติไหน ก็น่าจะลืมเรื่องเสรีภาพไปเลย

หลายครั้งฝรั่งนั้นไว้ใจไม่ได้ ความเห็นแก่ตัว ความโลภของพวกเขาแรงกล้าเป็นที่หนึ่งของโลก ที่ใดมีกำไรและผลประโยชน์ พวกเขาจะแห่ไปที่นั่น