เผยแพร่ |
---|
ไม่ว่ากรณีการแพร่เข้ามาของไวรัส เชื้อพันธุ์ VIP อันหนักหนาสาหัส ยิ่งกว่า โควิด-19 ไม่ว่ากรณีการค้นหาสมุหฐานแห่งอาการ PANIC รอบใหม่ที่ระยอง
มีความจำเป็นต้องนำเอาหลักการแห่ง “อริยสัจ” ความจริงอันประเสริฐเข้ามาเป็นเครื่องมือ
มองให้ออกว่าอะไรคือต้นตอแห่งทุกข์ แห่งปัญหา
เป็นเพราะการกระพือข่าวของ “สื่อ” ไม่ว่าจะเป็นสื่อแบบเก่าอย่างหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ ไม่ว่าจะเป็นสื่อแบบใหม่อย่างที่แพร่ กระจายผ่านโลกออนไลน์
คำถามที่ตามมาอย่างฉับพลันทันใดก็คือ สื่อสร้างหรือนิมิตข่าวขึ้นเองอย่างนั้นหรือ
การเข้ามาของทูตทหารอียิปต์ การเข้ามาของครอบครัวนักการทูตจากซูดาน ดำเนินไปโดยความรับผิดชอบของสื่อตั้งแต่ต้นจนจบกระนั้นหรือ
ชาวระยองย่อมทราบดีว่าไม่ใช่ ยิ่งคนไทยที่ติดตามเรื่องราวเหล่านี้ตั้งแต่ต้นย่อมทราบดีว่าไม่ใช่
เพราะทุกอย่างมาจากการแถลงของ”ศบค.”
การแถลงของ”ศบค.”ไม่เพียงแต่แจ้งให้รู้ว่ามีเรื่องราวของเจ้าหน้าที่ทหารจากอียิปต์ได้เอกสิทธิ์ทางการทูต หากแต่ยังแจ้งด้วยว่ายังมีกร ณีครอบครัวนักการทูตจากซูดานอีกรายหนึ่ง
หากไม่มีเรื่องน่ากลัวเหล่านี้เกิดขึ้นเราคงไม่ได้ยินคำขออภัยจากโฆษกศบค.อย่างชัดถ้อยชัดคำ
ยิ่งการแสดงความรับผิดชอบจากทำเนียบรัฐบาลยิ่งดังก้อง
เป็นเสียงดังก้องไปไม่เพียงแต่ภายในประเทศ หากแต่ในขอบเขตทั่วโลก และรูปธรรมก็คือการเดินทางไปยังจังหวัดระยองโดยทันทีทันควันของนายกรัฐมนตรี
หากสรุปตามสำนวนของ”มติชน”ก็ต้องว่า สื่อทำหน้าที่เพียง แสวงหา”ความจริง” และทำความจริงให้เป็นที่ปรากฏ ณ เบื้องหน้า ประชาชนเท่านั้นเอง
หากไม่เข้าใจในหลักแห่ง”อริยสัจ”ซึ่งเป็นความจริงอันประเสริฐ ก็ไม่เข้าใจในตัวทุกข์อันเป็นปัญหา
ก็ไม่สามารถหา”สมุทัย”อะไรทำให้เกิดปัญหา เกิดทุกข์
เท่ากับเป็นการตัดหนทางในการเลือกหา”มรรค”หรือหนทางในการดับทุกข์เพื่อยัง “นิโรธ”ให้บังเกิดในทางเป็นจริง
ก็จะวนเวียนอยู่กับตัวทุกข์ ตัวปัญหาไม่มีวันสิ้นสุด