คนของโลก : คานเย เวสต์ กับเส้นทางสายการเมือง

คานเย เวสต์ เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะแร็พเปอร์ชื่อดังชาวอเมริกัน สามีของคิม คาดิเชียน ซูเปอร์สตาร์เรียลลิตี้ชื่อดังของสหรัฐอเมริกา รวมไปถึงในฐานะแฟชั่นดีไซเนอร์เบื้องหลังรองเท้าสนีกเกอร์รุ่น Yeezy ของแบรนด์ adidas ที่เขย่าวงการสนีกเกอร์ให้บูมขึ้นมาได้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

เวสต์ผู้เคยถูกจัดอันดับจากนิตยสารฟอร์บส์ให้เป็นศิลปินฮิปฮอปที่ร่ำรวยเป็นอันดับ 4 ของโลก มีชื่อในการสร้างกระแสและตกเป็นข่าวให้เห็นอย่างไม่ว่างเว้น ตั้งแต่การบุกขึ้นไปหักหน้า “เทย์เลอร์ สวิฟต์” ศิลปินคันทรีชาวอเมริกันชื่อดังขณะรับรางวัลเอ็มทีวี มิวสิก อวอร์ดส์ ปี 2009

เรื่อยไปจนถึงใช้บั้นท้ายของภรรยาโปรโมตผลงานรองเท้ารุ่นใหม่

 

ล่าสุดมหาเศรษฐีแห่งวงการบันเทิงอเมริกันวัย 43 ปี ได้ประกาศลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ตรงกับวันชาติสหรัฐอเมริกา แข่งกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน และตัวแทนพรรคเดโมแครตอย่างโจ ไบเดน ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่จะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้

ขณะที่มหาเศรษฐีเจ้าของบริษัทเทสลา และสเปซเอ็กซ์ อย่างอีลอน มัสก์ ก็ออกมาประกาศสนับสนุนความตั้งใจของเวสต์ในทันที นั่นยิ่งทำให้ข่าวของเวสต์กลายเป็นที่ฮือฮามากยิ่งขึ้น

สำหรับเวสต์แล้ว นอกจากความสนใจในเรื่องเสียงเพลงและแฟชั่น เวสต์ยังสนใจในด้านการเมืองมาอย่างยาวนาน เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2005 เวสต์วิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช อย่างตรงไปตรงมาบนเวทีคอนเสิร์ตการกุศลเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเฮอร์ริเคนแคทรีนา

“จอร์จ บุช ไม่สนใจเกี่ยวกับคนดำหรอก” เวสต์วิพากษ์วิจารณ์ถึงชะตากรรมของคนผิวสีที่ต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ในเวลานั้น คำพูดดังกล่าวส่งผลให้เวสต์ถูกตัดเวลาแสดงสดให้สั้นลงในเวลาต่อมา

ขณะที่อดีตประธานาธิบดีบุชระบุถึงคำพูดของเวสต์ ในการให้สัมภาษณ์เมื่อปี 2010 ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็น “หนึ่งในช่วงเวลาที่น่าขยะแขยงที่สุดในการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของผม”

 

ในปี 2015 เวสต์และคิม คาดิเชียน ภรรยา เซลฟี่กับวุฒิสมาชิกฮิลลารี คลินตัน ที่เวลานั้นกำลังรณรงค์หาเสียงเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ โดยคาดิเชียนทวีตข้อความสนับสนุนฮิลลารีอย่างเต็มที่

หลังจากนั้นในปีเดียวกัน เวสต์ขึ้นรับรางวัล Michael Jackson Video Vanguard Award รางวัลเกียรติยศสำหรับศิลปินชาวอเมริกันในงานประกาศผลรางวัลของเอ็มทีวี สร้างกระแสไวรัลอีกครั้งด้วยการประกาศว่าจะลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2020 กลายเป็นต้นกำเนิดของแฮชแท็ก #Kanye2020 ในเวลาต่อมา

หลังจากนั้นเวสต์แสดงออกถึงมุมมองทางการเมืองทั้งเรื่องการปฏิรูปการศึกษา สิทธิผู้หญิง การแต่งงานของกลุ่มคนรักร่วมเพศ เรื่องที่อยู่อาศัย ผู้อพยพ รวมถึงกลยุทธ์ในการหาเสียงผ่านผลงานเพลงหลายๆ เพลง

หลังทรัมป์ชนะเลือกตั้ง ทรัมป์ได้เปิดโอกาสให้เวสต์เข้าพบที่ทรัมป์ทาวเวอร์ ตามคำร้องขอของแร็พเปอร์ชื่อดัง โดยทั้งคู่ได้ถ่ายภาพร่วมกันต่อหน้าสื่อก่อนที่ในปี 2018 เวสต์จะได้พบทรัมป์อีกครั้งที่ห้องทำงานรูปไข่ ในทำเนียบขาว

ทว่าในปี 2019 เวสต์ให้สัมภาษณ์ระบุว่า การประกาศตัวสนับสนุนทรัมป์นั้นเป็นไปเพียงเพื่อหยอกล้อกลุ่มคนที่สนับสนุนพรรคเดโมแครต พร้อมทั้งประกาศแผนที่จะลงชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐอีกครั้ง

“มันจะมีวันที่ผมจะเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐ และผมจะจดจำผู้นำที่ไม่มีความสามารถที่จะเข้าใจในเชิงวัฒนธรรมได้ว่าสิ่งที่เรากำลังจะทำคืออะไร” เวสต์ระบุโดยไม่ได้อธิบายต่อว่าคำพูดดังกล่าวหมายความถึงใคร

ก่อนที่เมื่อเร็วๆ นี้เวสต์เองเคยเปิดเผยถึงอาการป่วยเป็นโรคไบโพลาร์ ระบุว่าตนมีอาการ “เคล็ดที่สมอง” เหมือนๆ กับอาการ “เคล็ดที่ข้อเท้า”

 

สําหรับในเวทีเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐนั้น นักวิเคราะห์มองว่า โอกาสที่เวสต์จะสร้างความเปลี่ยนแปลงในภูมิศาสตร์การเลือกตั้งครั้งนี้นั้นมีน้อยมาก

เนื่องจากหากเวสต์ไม่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคการเมือง การลงชิงชัยในฐานะผู้สมัครอิสระเองก็ต้องใช้เงินและอาสาสมัครจำนวนมหาศาลเพื่อล่ารายชื่อนับหมื่นรายชื่อ เพื่อยื่นเอกสารในหลายๆ รัฐให้ทันเส้นตายที่กำลังจะหมดลงในเดือนสิงหาคมและกันยายน ขณะที่ในอีกหลายรัฐอย่างนิวเม็กซิโก รวมถึงพื้นที่แย่งชิงคะแนนเสียงที่สำคัญอย่างรัฐนอร์ธแคโรไลนา เส้นตายในการยื่นเอกสารได้ผ่านพ้นไปแล้ว

นักวิเคราะห์มองว่า แม้เวสต์จะสามารถผ่านพ้นขั้นตอนของการยื่นเอกสารสมัครเป็นตัวแทนอิสระ เวสต์อาจประสบความสำเร็จในการดึงคะแนนจากทั้งทรัมป์ และไบเดนได้เพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

และนอกเหนือไปจากการหาเสียงแล้ว เวสต์เองก็ต้องใช้เวลาอีกมากที่จะโน้มน้าวประชาชนและแฟนๆ ของตนให้เชื่อได้ว่าตนจริงจังกับเรื่องนี้จริงๆ

ไม่ใช่เพียงการสร้างกระแสอีกครั้งหนึ่งเท่านั้น