ขอบคุณข้อมูลจาก | เขย่าสนาม |
---|---|
ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 21 - 27 เมษายน 2560 |
ผู้เขียน | เขย่าสนาม เด็กเก็บบอล [email protected] |
เผยแพร่ |
กระแสวงการฟุตบอลไทยหลังจากที่ “ซิโก้” “เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง” ประกาศยุติบทบาทจากการเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนทัพ “ช้างศึก” ทีมฟุตบอลทีมชาติไทยชุดใหญ่นั้น ยังคงคุกรุ่นอยู่ โดยเฉพาะกระแสจากแฟนบอลที่ตีออกมาเป็นสองฝ่าย ทั้งอยากให้อดีตดาวยิงจอมตีลังกาอยู่ทำทีมต่อ หรือสมควรถึงเวลาเปลี่ยนแปลง
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของการควานหา “ควาญช้างศึก” รายใหม่ ที่มีผู้จัดการทีมชื่อดังมากมาย เสนอตัวเข้ามาพูดคุยกับ “สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ” แบบที่เรียกได้ว่า “หัวกระไดไม่แห้ง” กันเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ถ้าจะเลือกให้ดี และเหมาะสม คงจะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง แต่เชื่อว่าภายในเดือนนี้ คงจะได้ทราบกันว่าใครที่จะมาเป็นเฮดโค้ชใหม่ของทัพช้างศึกกัน
หลังจากที่ได้โค้ชใหม่แล้ว จะมีเวลาในการเตรียมตัวก่อนที่จะต้องเปิดบ้านรับการมาเยือนของ “สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์” และ “อิรัก” ในเดือนมิถุนายน ก็ประมาณ 2 เดือนเป็นอย่างน้อย
สิ่งหนึ่งที่ถือว่าโค้ชใหม่จะต้องทำ นั่นคือการทำการบ้านอย่างหนัก ในการหานักเตะที่จะเข้ากับสไตล์การเล่นของตัวเอง ที่จะนำมาปรับใช้กับทีมชาติไทย ดังนั้น ถือว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญของนักเตะไทยที่เล่นอยู่ในไทยลีกทุกคน จะต้องโชว์ฟอร์มของตัวเอง
ที่ผ่านมาอดีตกุนซือทีมชาติไทย มักจะโดนค่อนขอดจากแฟนบอลอยู่เสมอว่ามักจะเลือกใช้นักเตะที่เป็นหน้าเดิมๆ ทั้ง 23 คน ไม่ว่าจะมีใครที่ฟอร์มดีหรือไม่ก็ตาม และมักจะก่อให้เกิดกระแสว่า ทำไมคนนี้ถึงไม่ติดบ้าง หรือคนนี้เป็นลูกรักบ้าง
ทำให้นักเตะที่มีฟอร์มดีหลายคนตกสำรวจจากทีมชาติไทยไปในช่วงที่ผ่านมา และนี่ถือเป็นโอกาสอันดีที่พวกเขาจะได้มีโอกาสแจ้งเกิดมาติดทีมชาติ หรือคืนชีพกลับมาติดทีมชาติอีกครั้งก็เป็นได้
มาดูกันว่าใครที่ผ่านมานั้นถือเป็นดาราตกสำรวจ และมีลุ้นในการกลับมาติดทีมชาติอีกครั้งบ้าง
เริ่มกันที่คนแรกเลย กับกองหน้ารายนี้ที่มีกระแสมาอย่างต่อเนื่องว่าอยากเห็นเจ้าตัวกลับมาติดทีมชาติอีกครั้ง นั่นก็คือ “ลีซอ” “ธีรเทพ วิโนทัย” ดาวยิงจากทีม “แข้งเทพ” “แบงค็อก ยูไนเต็ด” เพราะว่าผลงานในสโมสรทำได้ดี อีกทั้งยังเป็นกองหน้าที่มีความเฉียบคมและหลากหลาย สามารถทำประตูได้หลายรูปแบบ นอกจากนี้ เรื่องของความมุ่งมั่นเองก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ดาวยิงรายนี้ยังยืนหยัดอยู่ในระดับสูงๆ ของฟุตบอลไทยได้
คนต่อมาขอไปดูกันที่กองกลาง อย่าง “กอล์ฟ” “พิชิต ใจบุญ” กองกลางจอมเก๋าวัย 30 ปีรายนี้ ถือว่าเป็นหนึ่งในกองกลางที่มีฟอร์มสม่ำเสมออย่างต่อเนื่องให้กับ “ค้างคาวไฟ” “สุโขทัย เอฟซี” นอกจากนี้ ยังถือได้ว่าเป็นกองกลางสไตล์ “ฮาร์ดแมน” เข้าบอลแบบถึงลูกถึงคน ซึ่งทีมชาติไทยขาดนักเตะสไตล์แบบนี้มาเป็นเวลานาน
อีกทั้งเจ้าตัวยังผ่านบททดสอบในระดับเอเชียมาแล้ว และยังสามารถต่อกรกับกองกลางช้างศึกในปัจจุบันทั้ง “สารัช อยู่เย็น” หรือ “ชาริล ชัปปุยส์” ได้เป็นอย่างดี ซึ่งมองว่าการเจอกับยูเออี หรืออิรัก ถ้าหากไทยลองได้มีกองกลางที่คอยไล่เตะคู่แนวรุกคู่ต่อสู้ไว้บ้าง คงดีไม่น้อยทีเดียว
ยังอยู่กันที่ตำแหน่งกองกลาง คนต่อไปที่จะนำเสนอคือ “นะ” “รัชพล นาวันโน” กองกลางซึ่งเคยมีชื่อติดทีมชาติไทยครั้งหนึ่งในยุคของ “โค้ชง้วน” “สุรชัย จตุรภัทรพงศ์” เป็นนักเตะที่ “เมสซี่เจ” “ชนาธิป สรงกระสินธ์” ให้ความเคารพในฝีเท้าเป็นอย่างมาก สไตล์การเล่นที่แน่นอน จ่ายบอลไม่พลาด คือจุดเด่นของเจ้านะ
นอกจากนี้ เจ้าตัวยังโชว์ความสามารถให้เห็นแล้วในเกมเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ว่าสามารถเล่นในระดับเอเชียได้
ไปดูที่กองหลังกันบ้าง หลายคนอาจจะลืมนึกถึงไปว่าประเทศไทยยังมีแบ๊กซ้ายจอมบุก และยังมีทีเด็ดในลูกตั้งเตะอยู่อย่าง “มิ้ง” “กรกช วิริยะอุดมศิริ” จาก “ปราสาทสายฟ้า” “บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด” ส่งเข้าประกวด
ซึ่งจริงๆ แล้วเจ้าตัวเป็นแบ๊กที่มีผลงานเสมอต้นเสมอปลาย ตั้งแต่ที่อยู่กับบีอีซี เทโรศาสน, บางกอกกล๊าส, ชลบุรี เอฟซี จนถึงปัจจุบัน แทบจะยึดตัวจริงได้ตลอดกับทุกสโมสร จึงถึงเวลาเสียทีที่แบ๊กรายนี้จะกลับมามีชื่อติดทีมชาติอีกครั้ง
รายนี้เป็นกองกลางที่ทำผลงานได้เปรี้ยงปร้างตั้งแต่นัดเปิดฤดูกาลไทยลีก 2017 นั่นก็คือ “นิว” “ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์” ซึ่งซัดแฮตทริกให้กับ “เชียงราย ยูไนเต็ด” ตั้งแต่นัดแรกของฤดูกาล จริงๆ แล้วนั้นฐิติพันธ์ เคยถือว่าเป็นหนึ่งในนักเตะที่โค้ชซิโก้นั้นเรียกใช้ตลอด แต่พักหลังหลุดทีมไป
อย่างไรก็ตาม ด้วยฟอร์มตอนนี้กับต้นสังกัด เจ้าตัวถือเป็นมิดฟิลด์ไทยที่ผลงานดี และถ้ารักษาฟอร์มได้ การกลับมาติดทีมชาติอีกครั้งคงไม่น่าเป็นเรื่องยาก
มากันที่ผู้รักษาประตูบ้าง เป็นตำแหน่งเดียวที่เกือบทั้งไทยลีกนั้นมักจะใช้ผู้เล่นไทยทำหน้าที่ ซึ่งถ้าจะให้คัดคนที่ฟอร์มดีที่สุดนอกจาก “กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์” ที่เป็นเบอร์ 1 ของเมืองไทยในตอนนี้แล้ว คงจะต้องยกให้กับ “กฤษณ์” “อุกฤษณ์ วงษ์มีมา” นายทวารหนุ่มวัยเพียง 25 ปีจาก “ราชันมังกร” “ราชบุรี มิตรผล เอฟซี” ที่เป็นผู้พิทักษ์ให้กับทีมมาโดยตลอด ซึ่งเจ้าตัวเคยติดทีมชาติในชุดเล็กมาแล้ว แต่เคยลงชุดใหญ่เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
คนสุดท้ายนี้จัดว่าเป็นดาวรุ่งที่มีผลงานน่าจับตามองที่สุดในตอนนี้อย่าง “เช็ค” “สุภโชค สารชาติ” เจ้าของสถิตินักเตะไทยอายุน้อยที่สุดที่สามารถทำแฮตทริกได้ในโตโยต้า ไทยลีก ด้วยวัยเพียง 18 ปี 9 เดือน กับอีก 17 วันเท่านั้น ซึ่งถึงแม้จะเป็นดาวรุ่งก็ตามที แต่ไทยก็เคยให้โอกาสดาวรุ่งมาแล้วหลายต่อหลายคน ซึ่งถ้าคนจะแจ้งเกิด ก็ไม่ควรไปกั๊กไว้เล่นแต่เพียงตามรุ่นอายุเท่านั้น เพราะทีมชาติควรจะต้องเลือกคนที่ฟอร์มดีที่สุดเข้ามาติดทีมนั่นเอง
สุดท้ายแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดของนักเตะไทยในช่วงนี้ คือการเค้นฟอร์มของตัวเองให้ได้มากที่สุด รักษาความสม่ำเสมอ เพื่อที่จะเข้าตาโค้ชใหม่
และเมื่อนั้นโอกาสสู่ทีมชาติก็จะเปิดให้พวกเขา