จับตา “ช้างศึก” หน้าใหม่ รอวันสู่ทีมชาติชุดใหญ่

กระแสวงการฟุตบอลไทยหลังจากที่ “ซิโก้” “เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง” ประกาศยุติบทบาทจากการเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนทัพ “ช้างศึก” ทีมฟุตบอลทีมชาติไทยชุดใหญ่นั้น ยังคงคุกรุ่นอยู่ โดยเฉพาะกระแสจากแฟนบอลที่ตีออกมาเป็นสองฝ่าย ทั้งอยากให้อดีตดาวยิงจอมตีลังกาอยู่ทำทีมต่อ หรือสมควรถึงเวลาเปลี่ยนแปลง

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของการควานหา “ควาญช้างศึก” รายใหม่ ที่มีผู้จัดการทีมชื่อดังมากมาย เสนอตัวเข้ามาพูดคุยกับ “สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ” แบบที่เรียกได้ว่า “หัวกระไดไม่แห้ง” กันเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม ถ้าจะเลือกให้ดี และเหมาะสม คงจะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง แต่เชื่อว่าภายในเดือนนี้ คงจะได้ทราบกันว่าใครที่จะมาเป็นเฮดโค้ชใหม่ของทัพช้างศึกกัน

หลังจากที่ได้โค้ชใหม่แล้ว จะมีเวลาในการเตรียมตัวก่อนที่จะต้องเปิดบ้านรับการมาเยือนของ “สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์” และ “อิรัก” ในเดือนมิถุนายน ก็ประมาณ 2 เดือนเป็นอย่างน้อย

สิ่งหนึ่งที่ถือว่าโค้ชใหม่จะต้องทำ นั่นคือการทำการบ้านอย่างหนัก ในการหานักเตะที่จะเข้ากับสไตล์การเล่นของตัวเอง ที่จะนำมาปรับใช้กับทีมชาติไทย ดังนั้น ถือว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญของนักเตะไทยที่เล่นอยู่ในไทยลีกทุกคน จะต้องโชว์ฟอร์มของตัวเอง

ที่ผ่านมาอดีตกุนซือทีมชาติไทย มักจะโดนค่อนขอดจากแฟนบอลอยู่เสมอว่ามักจะเลือกใช้นักเตะที่เป็นหน้าเดิมๆ ทั้ง 23 คน ไม่ว่าจะมีใครที่ฟอร์มดีหรือไม่ก็ตาม และมักจะก่อให้เกิดกระแสว่า ทำไมคนนี้ถึงไม่ติดบ้าง หรือคนนี้เป็นลูกรักบ้าง

ทำให้นักเตะที่มีฟอร์มดีหลายคนตกสำรวจจากทีมชาติไทยไปในช่วงที่ผ่านมา และนี่ถือเป็นโอกาสอันดีที่พวกเขาจะได้มีโอกาสแจ้งเกิดมาติดทีมชาติ หรือคืนชีพกลับมาติดทีมชาติอีกครั้งก็เป็นได้

มาดูกันว่าใครที่ผ่านมานั้นถือเป็นดาราตกสำรวจ และมีลุ้นในการกลับมาติดทีมชาติอีกครั้งบ้าง

 

เริ่มกันที่คนแรกเลย กับกองหน้ารายนี้ที่มีกระแสมาอย่างต่อเนื่องว่าอยากเห็นเจ้าตัวกลับมาติดทีมชาติอีกครั้ง นั่นก็คือ “ลีซอ” “ธีรเทพ วิโนทัย” ดาวยิงจากทีม “แข้งเทพ” “แบงค็อก ยูไนเต็ด” เพราะว่าผลงานในสโมสรทำได้ดี อีกทั้งยังเป็นกองหน้าที่มีความเฉียบคมและหลากหลาย สามารถทำประตูได้หลายรูปแบบ นอกจากนี้ เรื่องของความมุ่งมั่นเองก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ดาวยิงรายนี้ยังยืนหยัดอยู่ในระดับสูงๆ ของฟุตบอลไทยได้

คนต่อมาขอไปดูกันที่กองกลาง อย่าง “กอล์ฟ” “พิชิต ใจบุญ” กองกลางจอมเก๋าวัย 30 ปีรายนี้ ถือว่าเป็นหนึ่งในกองกลางที่มีฟอร์มสม่ำเสมออย่างต่อเนื่องให้กับ “ค้างคาวไฟ” “สุโขทัย เอฟซี” นอกจากนี้ ยังถือได้ว่าเป็นกองกลางสไตล์ “ฮาร์ดแมน” เข้าบอลแบบถึงลูกถึงคน ซึ่งทีมชาติไทยขาดนักเตะสไตล์แบบนี้มาเป็นเวลานาน

อีกทั้งเจ้าตัวยังผ่านบททดสอบในระดับเอเชียมาแล้ว และยังสามารถต่อกรกับกองกลางช้างศึกในปัจจุบันทั้ง “สารัช อยู่เย็น” หรือ “ชาริล ชัปปุยส์” ได้เป็นอย่างดี ซึ่งมองว่าการเจอกับยูเออี หรืออิรัก ถ้าหากไทยลองได้มีกองกลางที่คอยไล่เตะคู่แนวรุกคู่ต่อสู้ไว้บ้าง คงดีไม่น้อยทีเดียว

ยังอยู่กันที่ตำแหน่งกองกลาง คนต่อไปที่จะนำเสนอคือ “นะ” “รัชพล นาวันโน” กองกลางซึ่งเคยมีชื่อติดทีมชาติไทยครั้งหนึ่งในยุคของ “โค้ชง้วน” “สุรชัย จตุรภัทรพงศ์” เป็นนักเตะที่ “เมสซี่เจ” “ชนาธิป สรงกระสินธ์” ให้ความเคารพในฝีเท้าเป็นอย่างมาก สไตล์การเล่นที่แน่นอน จ่ายบอลไม่พลาด คือจุดเด่นของเจ้านะ

นอกจากนี้ เจ้าตัวยังโชว์ความสามารถให้เห็นแล้วในเกมเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ว่าสามารถเล่นในระดับเอเชียได้

 

ไปดูที่กองหลังกันบ้าง หลายคนอาจจะลืมนึกถึงไปว่าประเทศไทยยังมีแบ๊กซ้ายจอมบุก และยังมีทีเด็ดในลูกตั้งเตะอยู่อย่าง “มิ้ง” “กรกช วิริยะอุดมศิริ” จาก “ปราสาทสายฟ้า” “บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด” ส่งเข้าประกวด

ซึ่งจริงๆ แล้วเจ้าตัวเป็นแบ๊กที่มีผลงานเสมอต้นเสมอปลาย ตั้งแต่ที่อยู่กับบีอีซี เทโรศาสน, บางกอกกล๊าส, ชลบุรี เอฟซี จนถึงปัจจุบัน แทบจะยึดตัวจริงได้ตลอดกับทุกสโมสร จึงถึงเวลาเสียทีที่แบ๊กรายนี้จะกลับมามีชื่อติดทีมชาติอีกครั้ง

รายนี้เป็นกองกลางที่ทำผลงานได้เปรี้ยงปร้างตั้งแต่นัดเปิดฤดูกาลไทยลีก 2017 นั่นก็คือ “นิว” “ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์” ซึ่งซัดแฮตทริกให้กับ “เชียงราย ยูไนเต็ด” ตั้งแต่นัดแรกของฤดูกาล จริงๆ แล้วนั้นฐิติพันธ์ เคยถือว่าเป็นหนึ่งในนักเตะที่โค้ชซิโก้นั้นเรียกใช้ตลอด แต่พักหลังหลุดทีมไป

อย่างไรก็ตาม ด้วยฟอร์มตอนนี้กับต้นสังกัด เจ้าตัวถือเป็นมิดฟิลด์ไทยที่ผลงานดี และถ้ารักษาฟอร์มได้ การกลับมาติดทีมชาติอีกครั้งคงไม่น่าเป็นเรื่องยาก

มากันที่ผู้รักษาประตูบ้าง เป็นตำแหน่งเดียวที่เกือบทั้งไทยลีกนั้นมักจะใช้ผู้เล่นไทยทำหน้าที่ ซึ่งถ้าจะให้คัดคนที่ฟอร์มดีที่สุดนอกจาก “กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์” ที่เป็นเบอร์ 1 ของเมืองไทยในตอนนี้แล้ว คงจะต้องยกให้กับ “กฤษณ์” “อุกฤษณ์ วงษ์มีมา” นายทวารหนุ่มวัยเพียง 25 ปีจาก “ราชันมังกร” “ราชบุรี มิตรผล เอฟซี” ที่เป็นผู้พิทักษ์ให้กับทีมมาโดยตลอด ซึ่งเจ้าตัวเคยติดทีมชาติในชุดเล็กมาแล้ว แต่เคยลงชุดใหญ่เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น

คนสุดท้ายนี้จัดว่าเป็นดาวรุ่งที่มีผลงานน่าจับตามองที่สุดในตอนนี้อย่าง “เช็ค” “สุภโชค สารชาติ” เจ้าของสถิตินักเตะไทยอายุน้อยที่สุดที่สามารถทำแฮตทริกได้ในโตโยต้า ไทยลีก ด้วยวัยเพียง 18 ปี 9 เดือน กับอีก 17 วันเท่านั้น ซึ่งถึงแม้จะเป็นดาวรุ่งก็ตามที แต่ไทยก็เคยให้โอกาสดาวรุ่งมาแล้วหลายต่อหลายคน ซึ่งถ้าคนจะแจ้งเกิด ก็ไม่ควรไปกั๊กไว้เล่นแต่เพียงตามรุ่นอายุเท่านั้น เพราะทีมชาติควรจะต้องเลือกคนที่ฟอร์มดีที่สุดเข้ามาติดทีมนั่นเอง

สุดท้ายแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดของนักเตะไทยในช่วงนี้ คือการเค้นฟอร์มของตัวเองให้ได้มากที่สุด รักษาความสม่ำเสมอ เพื่อที่จะเข้าตาโค้ชใหม่

และเมื่อนั้นโอกาสสู่ทีมชาติก็จะเปิดให้พวกเขา