“วางแผนชิงตัว-แหกคุก” คือคดีครึกโครมโหมข่าวอาชญากรรมให้ขึ้นเรตติ้งอันดับต้นๆ ของข่าวภาคค่ำ และตีพิมพ์ในหน้า 1 แทบทุกฉบับต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ชื่อที่ตีคู่มากับ “พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์” อดีตรัฐมนตรี และผู้ต้องหาร่วมกันกับพวกอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งถูกคุมขังอยู่ภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร คือ “พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช” ผู้บังคับการกองปราบปราม หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษ “หนุมานกองปราบฯ”

พล.ต.ต.จิรภพประกบคดีนี้มาตั้งแต่คดี “พ.ต.ท.บรรยิน” พัวพันการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง ซึ่งคดีนี้ถูกแบ่งออกเป็น 2 คดี ประกอบด้วย คดีปลอมเอกสารโอนหุ้น และคดีฆาตกรรมนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจพันล้าน

“พล.ต.ต.จิรภพ” แถลงถึงกรณีคนร้ายวางแผนชิงตัว “พ.ต.ท.บรรยิน” ว่า มีการจับกุมผู้ต้องหาในคดีอื่นที่ให้การอ้างว่า พ.ต.ท.บรรยินมีแผนการตามที่เป็นข่าวจริง ขณะนี้ตำรวจกองปราบปรามกำลังสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม

ชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมานกองปราบฯ ร่วมปฏิบัติการคดีสำคัญมาแล้วหลายคดี แต่ที่ถูกกล่าวขวัญมากที่สุดเมื่อต้นปี 2563 คือ การลงมือในเหตุการณ์ “จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา” ทหารสังกัดค่ายสุรธรรมพิทักษ์ กราดยิงประชาชนในพื้นที่และหลบหนีเข้าไปในศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 นครราชสีมา ตั้งแต่เวลา 14.35 น. ของวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563 ก่อนถูกวิสามัญฆาตกรรมในช่วงเช้าวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2563

คดีสะเทือนขวัญดังกล่าว “หนุมานกองปราบฯ” ปฏิบัติงานร่วมกับทีม “พล.ต.ต.ต่อศักดิ์ สุขวิมล” รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางและกองบังคับการตำรวจมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 904 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง

ทั้งนี้ “หนุมานกองปราบ” ตั้งขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2562 มีวัตถุประสงค์ให้กองปราบปรามมีชุดปฏิบัติการของหน่วยตัวเอง เพื่อจะได้เรียกใช้สำหรับภารกิจต่างๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ หน่วยคอมมานโดซึ่งเคยสังกัดกองปราบปราม ได้แยกตัวไปอยู่ในสังกัดกองบังคับการตำรวจมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 904

โดย “พล.ต.ต.จิรภพ” และตำรวจกองปราบปราม ได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทเข้ารับพระราชทานตราสัญลักษณ์ประจำชุดปฏิบัติการพิเศษ “หนุมาน” หน้าพระบรมฉายาลักษณ์ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน

และอัญเชิญตราสัญลักษณ์พระราชทาน ไปยังกองบังคับการปราบปราม พร้อมประกอบพิธีประดับเครื่องหมายตราสัญลักษณ์ประจำหน่วยให้แก่ชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมาน

และนำข้าราชการตำรวจในสังกัด ถวายสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2563

ก่อนหน้านั้น “พล.ต.ต.จิรภพ” ร่วมปฏิบัติการในคดีใหญ่ๆ ระดับติดโผข่าว-ดาวเด่นตลอดมา อาทิ คดียักยอกเงินของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง, คดีปล้นรถขนเงิน บริษัท โพรเกรส กันภัย จำกัด คดียิงนายสมยศ สุธางค์กูร เจ้าพ่อพระราม 9 คาเฟ่, คดีจับ “หญิงไก่” แอบอ้างเบื้องสูง, คดีฆ่าโบกปูนชาวอิสราเอล ซุกไว้บ้านพักย่านบางบัวทอง

โปรไฟล์ของ “พล.ต.ต.จิรภพ” นั้นนับว่าพิเศษอย่างยิ่ง เขาเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 34 นักเรียนนายร้อยรุ่นที่ 50 จบปริญญาโทด้านการบริหารข้อมูลสารสนเทศ จากมหาวิทยาลัยเซ็นทรัลมิชิแกน สหรัฐอเมริกา จบปริญญาเอกวิทยาศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาธุรกิจเทคโนโลยีและการจัดการนวัตกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และจบหลักสูตรเอฟบีไอรุ่นที่ 271 จากสหรัฐอเมริกา

เข้ารับราชการตำแหน่งแรกเป็นรองสารวัตรฝ่ายปฏิบัติการ 3 กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (บก.ปปป.) เป็นรองสารวัตร แผนก 2 กก.1 บก.ป. ก่อนติดยศ พ.ต.ต. เป็นสารวัตรตำรวจท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต

จากนั้นก็ขึ้นเป็นรอง ผกก.ท่องเที่ยวภูเก็ต และได้ขึ้นเป็น ผกก.ท่องเที่ยวภูเก็ต ต่อมาได้ย้ายกลับถิ่นเก่ามาเป็น ผกก.1 บก.ป. เมื่อปี 2557 ขึ้นเป็นรอง ผบก.ป.เมื่อมิถุนายน 2560 จากนั้นขึ้นเป็นผู้บังคับการกองปราบปราม ในวันที่ 18 ตุลาคม 2561

ประวัติในครอบครัว “ภูริเดช” นั้น เขาเป็นบุตรชายคนเล็กของครอบครัว “ข้าราชบริพาร”

บิดาเขาคือ พล.ร.อ.สมภพ ภูริเดช ดำรงตำแหน่งนายทหารราชองครักษ์พิเศษ หลังเกษียณราชการจากกองทัพเรือ ในตำแหน่งผู้บัญชาการกองเรือภาคที่ 3

ฝ่ายมารดาของเขาคือ นางรสสุคนธ์ ภูริเดช อดีตวุฒิสมาชิกผู้ล่วงลับ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชทานเพลิงศพเมื่อ 7 สิงหาคม 2560

เคยทำงานด้านสืบสวนและตรวจสอบภาษี กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง, คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการบริหารงานตำรวจ (กต.ตร.) สภ.บางพลี จ.สมุทรปราการ, อุปนายกสมาคมแม่ดีเด่นและพ่อตัวอย่างแห่งชาติ, กรรมการที่ปรึกษาสโมสรซอนต้าสากล 2 กรุงเทพมหานคร และกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดชลบุรี

“ณัฐภพ ภูริเดช” คือพี่ชายคนโตของครอบครัว เป็นนักธุรกิจ และได้รับการแต่งตั้งจากคณะรัฐมนตรีเมื่อ 20 เมษายน 2554 ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ในรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

“พล.อ.จักรภพ ภูริเดช” คือพี่ชายคนที่ 2 ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ และผู้บัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์

และมีตำแหน่งที่ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ปฏิบัติหน้าที่ในราชการอีก 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย คณะกรรมการทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์, กรรมการมูลนิธิโครงการหลวง, รองประธานกรรมการบริหาร มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์, กรรมการในคณะกรรมการโครงการราชทัณฑ์ปันสุข ทำความดีด้วยหัวใจ, กรรมการในคณะกรรมการมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม

พี่สาวเพียงคนเดียวของ “พล.ต.ต.จิรภพ” คือ รศ.ทพญ.ดร.ภฑิตา ภูริเดช สมรสกับ พล.อ.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ปัจจุบันดำรงตำแหน่งนายทหารราชองครักษ์ และรองผู้บัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ (อัตรา พล.อ.)

“พล.ต.ต.จิรภพ” เคยกล่าวไว้ว่า เหตุที่เลือกเรียนเหล่าตำรวจ เพราะคิดว่าเป็นอาชีพที่ตื่นเต้น ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เขาจึงผาดโผนในคดีที่ฉกาจฉกรรจ์