“สําหรับผม คาราบาวถือเป็นวงที่มีอิทธิพล แรงบันดาลใจในอาชีพส่วนเยอะๆ เลยมาจากคาราบาว” นี่ปู-พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์ กล่าวไว้

“ตอนผมวัยรุ่น เพลงเพื่อชีวิตจะออกเป็นโฟล์ก เป็นอะไรที่ง่ายๆ กว่านี้ พอมีวงคาราบาวโผล่ขึ้นมา โอ้โห…มันใหม่มาก ดนตรีเป็นเรื่องเป็นราว ไม่แพ้วงดนตรีประเทศอื่น”

“มันโดนใจเรา แล้วก็อยากทำบ้าง”

ด้วยเหตุนี้ “ในวาระที่เหมาะสม ผมก็อยากทำเพลงของคาราบาว เพื่อเป็นการแสดงความคารวะ”

นั่นจึงเป็นที่มาของ “คารวะคาราบาว” ที่เขาเลือก 10 เพลงของวงนี้ที่เขาชอบมาทำใหม่

นอกจากชื่นชมในผลงาน ปู พงษ์สิทธิ์ ยังว่า ตามความเห็นของเขา คาราบาวคือ “ของจริง” และ “ยิ่งใหญ่”

“วงดนตรีวงหนึ่งจะยืนจน 40 ปี แล้วยังเป็นที่นิยม วงก็ยังคงอยู่เป็นวง ไม่ได้แตกสลาย ยังคงทัวร์อยู่เสมอ คงไม่มีแล้วมั้ง นั่นทำให้สิ่งที่ผมเรียนรู้จากวงนี้ในอีกด้านหนึ่งที่ไม่ใช่ดนตรี คือการบริหารจัดการ”

ในประเด็นดังกล่าว เขามองเห็นหลายประการ

“แน่นอนละ สิ่งสำคัญที่พอเป็นวง แล้วมีธุรกิจ ก็จะมีเรื่องรายได้ ผมคิดว่าเขาบริหารกันดี เป็นที่พอใจของทุกคน”

นอกจากนั้น “เขารู้จักที่จะบริหารสถานภาพ เรื่องที่เสียหายต่อชื่อเสียง หลีกเลี่ยงข่าวคราวที่ไม่ดี”

ซึ่งเรื่องนี้เขาเองก็พยายามอยู่เช่นกัน

ทั้งนี้ “เรื่องหลักๆ” ที่ในแวดวงมักเจอ 1.คือผู้หญิง 2.คือยาเสพติด ซึ่งเขาหลีกเลี่ยงมาตลอด

“ความดีเรื่องหนึ่งในชีวิต คือผมไม่เล่นยา จริงๆ อาชีพแบบผมเข้าถึงของง่าย แต่ไม่เคยอยาก”

“ผมว่ามันคล้ายๆ นักกีฬานะฮะ คือต้องมีวินัยกับสิ่งล่อใจที่จะทำให้เราตกต่ำ แม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างการรักษาเวลา การประพฤติต่อผู้อื่นให้เป็นที่เชื่อมั่น”

“อะไรที่จะทำให้ตกต่ำ ก็หลีกเลี่ยงซะ”

หากกระนั้นก็ยอมรับว่า บางคราวความตั้งใจที่จะรักษาวินัยก็มีเหตุให้เพลี่ยงพล้ำ

“ผมจะมีปัญหาเรื่องใจร้อน ซึ่งบางทีก็ทำให้เสีย ร้อนแล้วขาดสติ ผมไม่ค่อยอดทนในเรื่องการยั่วยุ แล้วก็ชอบพลาด เพราะไม่เดินหนี จริงๆ มาคิดทีหลัง แค่เดินหนีก็จบละ”

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ “ก็ดีขึ้นหน่อย อาจจะแก่ตัวลง” คนวัย 53 ปีว่า

กับ 33 ปีที่อยู่ในวงการ แม้จะนาน แต่พอปู พงษ์สิทธิ์ บอกว่าเขายังมีความสุข และตื่นเต้นเหมือนเดิมทุกครั้งเวลาที่ได้ทำงาน

ส่วนการทะเลาะวิวาทที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งระหว่างการแสดง ก็ได้แต่ทำใจ

“ไม่รู้จะทำยังไง ไม่ด่า ไม่ว่า แล้วแต่พี่ก็แล้วกัน”

เพราะที่ผ่านมา “ทั้งพูดดี ทั้งด่า ไม่เกิดอะไรขึ้น เวลาดุก็หยุด ร้องเพลงต่อก็ซัดกันอีกแล้ว”

ตอนนี้เลยเลือกที่จะยืนรอ “รอเจ้าหน้าที่บอกให้เลิกเล่น หรือให้เขาเลิกตีกัน แล้วก็เล่นต่อ อะไรอย่างนั้น”

การต้องเห็นคนดูวิวาทกัน นักร้องคนดังบอกเลยว่า “มันทำให้ความสามารถเราลดลง”

“เราควรจะเล่นได้ดีกว่านั้น ในวันนั้น แต่ต้องมาทุ่มสมาธิให้กับการมองว่าจะมีใครเป็นอะไรหรือเปล่า ก็ทำให้เสียสมาธิ”

แทนที่จะเต็ม 100 จึงเหลือไม่เกิน 70

ส่วนการแสดงอย่างสบายใจ ไม่เครียดหรือกังวล จนเล่นได้เต็มที่ เขาก็ว่ามักจะมีในคอนเสิร์ตใหญ่ที่จัดอย่างจริงจัง กับการแสดงในผับ อาจเพราะคนที่มาโดนสกรีนด้วยวัย จึงไม่ค่อยมีปัญหา

ครั้นถามถึงความฝัน ความหวัง และความอยากที่ยังมีอยู่ ปู พงษ์สิทธิ์ หัวเราะเบาๆ ก่อนบอก “ผมก็อยากทำอย่างที่เป็นอยู่นี่แหละ อย่างน้อยคือสักอายุ 60 รักษาสถานภาพให้มีคุณภาพ ให้เป็นที่ต้องการของผู้ฟัง”

“ดูพี่ๆ สิ พี่หงา (สุรชัย จันทิมาธร-คาราวาน) 72 แล้ว ยังกระตือรือร้นที่จะออกไปเล่น พี่ๆ คาราบาว 65 โดยเฉลี่ย เวลาเจอกันเขายังคึกคัก”

ในส่วนของงาน ถัดจากคารวะคาราบาว เขาบอกจะทำเพลงของหงา คาราวาน ผู้ที่เขาเคารพนับถือ

“อยากทำในวาระ 72 ปี เพื่อเชิดชูครู”

การนำเพลงของ “พี่ๆ” มาทำใหม่ ปู พงษ์สิทธิ์ บอกว่ายากกว่าการทำเพลงของตัวเอง

“จะมีจุดระวังสูงกว่า เพราะเราต้องให้เกียรติงานของพี่เขา ครั้งนี้ผมเอาเพลงคาราบาวมาทำให้ง่ายขึ้น คาราบาวเป็นวงที่รวบรวมนักดนตรีเก่งๆ เพราะฉะนั้น บางเพลงก็ยาก ผมก็ทอนให้ง่าย อยากให้น้องนุ่งที่มีกีตาร์สักตัวก็เล่นได้”

ซึ่งการทำตามเป้าหมายนั้น “ยาก”

“ทำให้ง่ายนี่ยากนะ” บอกพลางหัวเราะร่วน

สำหรับของหงา คาราวาน จะออกมาในรูปไหน เขาบอกให้รอฟังราวเดือนตุลาคมนี้

ขณะที่งานใหม่ของเขา น่าจะเป็นปีหน้า

ก็บอกแล้วไง ว่ามีความสุขกับการทำงานดนตรี จึงมีแผนยาวๆ ไว้อย่างนี้