ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 14 - 20 เมษายน 2560 |
---|---|
คอลัมน์ | การ์ตูนที่รัก |
ผู้เขียน | นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ |
เผยแพร่ |
การ์ตูนฝรั่งเศส คิริคูและแม่มด Kirikou and the Sorceress โดย Michel Ocelot เรื่องนี้ออกฉายในปี 1998 ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ได้รับคำชื่นชมทั่วไป และมีภาคต่อตามมาอีกหลายตอน
อย่างไรก็ตาม ตอนแรกนี้ดีที่สุด เป็นการ์ตูนสองมิติ หมายถึงสองมิติจริงๆ ภาพแบนราบไม่มีความชัดลึก แต่วิธีเล่าเรื่องน่าสนใจและน่าติดตามอย่างมาก ดูเพลินไม่เบื่อเลย
หนังสร้างจากตำนานพื้นบ้านแอฟริกา เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับชนเผ่าหนึ่ง เป็นวันเวลาที่เราเรียกพวกเขาว่าคนป่า ผู้ชายนุ่งเตี่ยวใช้หอกเป็นอาวุธ ผู้หญิงอยู่บ้านเปลือยท่อนบน จึงเป็นหนังการ์ตูนที่มีฉากเปลือยมากมายทำให้ไม่ได้ฉายในบางประเทศ
เชื่อได้ว่ามีน้อยคนจะได้ดู ดังนั้น จะเล่าเรื่องอย่างละเอียด หากกลัวสปอยล์ให้หยุดอ่านตรงนี้
เปิดฉากที่หมูบ้านแห่งหนึ่งในแอฟริกา หญิงคนหนึ่งท้องแก่นั่งเอนหลังอยู่
“แม่ เกิดผมหน่อยครับ” เสียงทารกดังขึ้น
“เด็กที่พูดได้ตั้งแต่ในท้อง เกิดตัวเองได้เลย” แม่ตอบ
กล้องจับภาพแม่จากด้านข้าง ทารกคนหนึ่งคลานออกมาจากตำแหน่งช่องคลอด ลากสายรกหลุดตามออกมาด้วย ทารกนั้นนั่งลงแล้วหันกลับมาพูดกับแม่ “ผมชื่อคิริคู อาบน้ำให้ผมหน่อยครับ”
“เด็กที่เกิดตัวเองได้ อาบน้ำตัวเองก็ได้” แม่ตอบ
ทารกตัวเล็กจ้อยนั้นคลานต่อไป ละทิ้งสายรกไว้เบื้องหลัง เขาปีนลงไปในชามขนาดใหญ่ที่บรรจุน้ำไว้แล้วเล่นน้ำกระฉอกไปมา แม่ต้องร้องเตือนว่า “ระวังหน่อย อย่าเปลืองน้ำ แม่มดร้ายสาปพวกเราให้น้ำพุแห้งไม่มีน้ำ”
ทารกหยุดเล่นน้ำ แล้วถามว่า “พ่อของผมอยู่ไหนครับ”
“พ่อไปสู้กับแม่มด ถูกแม่มดกินไปแล้ว” แม่ตอบ
เมื่อคิริคูถามถึงผู้ชายคนอื่นๆ ก็ทราบว่าทุกคนถูกแม่มดกินหมดแล้ว แม่มดนั้นชื่อคาราบา ตอนนี้น้าชายคือน้องของแม่เป็นนักรบหนุ่มคนสุดท้ายที่เหลืออยู่
เขากำลังเดินทางไปปราบแม่มด
คิริคูได้ยินดังนั้นก็ปีนออกจากชามวิ่งไปในทันที คิริคูวิ่งเร็วมาก เขาวิ่งทันและแซงหน้าน้าชายในพริบตา ตัวเขามีขนาดเท่าฝ่าเท้าของน้าชายเท่านั้นเอง “ผมชื่อคิริคู เป็นหลานของน้า”
แต่น้าชายไม่เชื่อจึงไล่เขากลับ คิริคูวิ่งกลับไปที่หมู่บ้าน ฉวยเอาหมวกของท่านผู้เฒ่าแล้ววิ่งกลับมาทางน้าชายอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อน้าชายเดินต่อไป อกผายไหล่ผึ่งมือถือหอก เขาพบหมวกใบหนึ่งตกอยู่ตรงหน้าจึงหยิบขึ้นมาใส่เพื่อเพิ่มสง่าราศี แล้วเดินต่อไปเผชิญแม่มดคาราบา
แม่มดคาราบามีหุ่นกลเป็นบริวาร เมื่อน้าชายสวมหมวกโดยมีคิริคูซ่อนอยู่บนหัว คิริคูช่วยเป็นตาที่สองให้แก่น้าชาย ทำให้น้าชายสู้กับพวกหุ่นกลได้อย่างสบายๆ แม่มดคาราบาเห็นดังนั้นจึงขอหมวกวิเศษไว้ ต่อไปแม่มดจะไม่ไปรุกรานหมู่บ้านอีก
เมื่อน้าชายวางหมวกลงแล้วกลับไป ไม่ทันที่หุ่นกลจะหยิบหมวกขึ้นมา คิริคูภายในหมวกก็วิ่งหนีกลับหมู่บ้านโดยเร็วพร้อมทั้งนำหมวกกลับไปด้วย ระหว่างทางได้หยุดทำหมวกปลอมใบหนึ่งไว้กลางทางให้หุ่นกลนำกลับไปให้แม่มด
เมื่อน้าชายและคิริคูกลับถึงหมู่บ้านเยี่ยงวีรีบุรุษ กองทัพหุ่นกลก็ติดตามมาเพื่อขอหมวกวิเศษคืน แต่เมื่อได้คืนไปแล้วและพบว่าหมวกไม่วิเศษจึงส่งกองกำลังหุ่นกลกลับมาที่หมู่บ้านอีกเพื่อรีดไถทองคำจากผู้หญิงทุกคนในหมู่บ้าน ครั้นพบว่ามีหญิงคนหนึ่งซ่อนทองคำเอาไว้ใต้ดิน แม่มดคาราบาก็ส่งหุ่นกลพ่นไฟเผาบ้านหญิงคนนั้นทิ้งเสีย
คิริคูไปพบแม่มดคาราบาด้วยตนเอง แม่มดคาราบาเป็นผู้หญิงร่างสูง รูปร่างได้สัดส่วน แต่งกายงดงาม ทรงผมชี้แหลมประหนึ่งปิศาจร้าย คิริคูถามว่าทำไมแม่มดใจร้ายนัก แต่แม่มดไม่ตอบและขับไล่ทารกตัวเท่าฝ่าเท้านั้นกลับไปเสีย
วันถัดมา ในขณะที่พวกเด็กๆ ของหมู่บ้านกำลังเล่นน้ำในลำธารอย่างสนุกสนาน คิริคูเห็นเข้าก็ขอเล่นด้วยแต่กลับถูกรังเกียจอีกทั้งถูกล้อเลียน เวลานั้นแม่มดคาราบาส่งเรือปิศาจมาล่อลวงเด็กๆ ขึ้นเรือแล้วเรือปิศาจบึ่งกลับไปหาแม่มดด้วยความเร็วสูง
แต่คิริคูเร็วยิ่งกว่า เขาคว้ามีดได้วิ่งแซงหน้าแล้วเจาะเรือปิศาจนั้นทะลุจมลง สามารถช่วยเหลือเด็กๆ ตัวโตๆ เหล่านั้นกลับหมู่บ้านได้ เด็กๆ ก็ร้องเพลงสรรเสริญคิริคู
ความนี้รู้ถึงแม่มดคาราบา
วันถัดมา ระหว่างที่เด็กๆ เล่นในป่า คิริคูขอเล่นด้วยแต่เด็กๆ ก็ไม่ให้เล่นด้วยพลางล้อเลียนคิริคูอีก เวลานั้นแม่มดคาราบาส่งต้นไม้ปิศาจมาจับเด็กๆ เหล่านั้น แล้วใช้รากต่างเท้าวิ่งกลับไปหาแม่มดด้วยความเร็วสูง
แต่คิริคูเร็วยิ่งกว่า เขาคว้าขวานได้วิ่งตามจนทันแล้วจามต้นไม้นั้นพลางร้องขอให้เด็กๆ บนต้นไม้ช่วยกันโยกต้นไม้จนหักกลางทันเวลา คิริคูช่วยชีวิตเด็กๆ ได้อีกแล้ว เด็กๆ ร้องเพลงสรรเสริญคิริคู ความนี้รู้ถึงแม่มดคาราบาอีก
วันหนึ่ง คิริคูเดินทางไปสำรวจตาน้ำที่เหือดแห้ง เพราะเขาตัวเล็กมากจึงคลานลอดไปตามช่องแคบระหว่างหินเข้าไปจนถึงถ้ำแห่งหนึ่ง ที่นั่นคิริคูพบสัตว์ประหลาดตัวใหญ่ยักษ์กำลังดูดน้ำจนตัวบวมเต่งดึ๋งดั๋งๆ คิริคูคลานกลับออกมาหาเหล็กแหลมลนไฟกลับเข้าไปแทงลูกโป่งน้ำใหญ่ยักษ์ที่เห็นแตก น้ำมหาศาลไหลทะลักออกมาให้ชาวบ้านได้ดื่มกินอีกครั้งหนึ่ง
แต่ครั้งนี้ได้พัดเอาร่างไม่ไหวติงของคิริคูออกมาด้วย
แต่คิริคูยังไม่ตาย เขายังสงสัยทำไมแม่มดคาราบาใจร้ายนัก จึงเดินทางไกลไปพบปู่ของเขาที่จอมปลวกสุดขอบฟ้าเพื่อถามคำถามนี้ ปู่เล่าให้ฟังว่าแม่มดคาราบามิได้มีเวทมนตร์อะไร เป็นคนในหมู่บ้านคิดเอาเองแล้วหล่อนก็ปล่อยไปตามนั้น แม่มดคาราบามิได้กินคน หล่อนกินอาหารเหมือนที่คิริคูชอบกินนั่นแหละ
คิริคูถามต่อไปว่า ถ้าเช่นนั้นแม่มดเอาผู้ชายไปทำไม แล้วปล่อยสัตว์ประหลาดมาดูดน้ำจากตาน้ำของหมู่บ้านไปหมดทำไม ปู่ก็ว่าเปล่า ไม่ใช่แม่มดคาราบาที่ทำ ลองหาหนังมาดูเถิดว่าแล้วใครทำ ผู้ชายทั้งหมู่บ้านหายไปไหน และที่แม่มดคาราบาใจร้ายนักเพราะอะไร
หนังพลิกผันชวนตะลึงอีกครั้งในตอนจบเมื่อคิริคูช่วยเหลือแม่มดคาราบาให้พ้นจากทุกข์ทรมานเป็นผลสำเร็จ แม่มดจุมพิตเด็กน้อยตัวเท่าฝ่าเท้า ทันใดนั้นเด็กน้อยกลายเป็นหนุ่มใหญ่ร่างงดงามในชั่วพริบตา แล้วครองรักกับคาราบาสืบมา
รักพลิกล็อกจริงๆ
ส่วนที่ว่าด้วยการจุมพิตในตอนจบนี้เหมือนเจ้าชายกบและเจ้าหญิงนิทรา เป็นคติความเชื่อของยุโรปมากกว่าที่จะเป็นนิทานพื้นบ้านแอฟริกาในตอนแรก แต่ก็สะท้อนเนื้อหาที่ซ่อนไว้เป็นอย่างดี
ตลอดทั้งเรื่อง คิริคูเป็นแก้วตาดวงใจของแม่มาโดยตลอด แม้เขาจะฉลาดปราดเปรียวและกล้าหาญเพียงใด แต่เพราะตัวเล็กจนพิกลจึงถูกล้อเลียนและเยาะเย้ยถากถางจากทุกคนในหมู่บ้านไม่ว่าเขาจะช่วยเหลือหมู่บ้านมากเพียงใด ฉากที่คิริคูจมน้ำเกือบตายแล้วแม่ช้อนร่างของเขาบนฝ่ามือมาประทับทรวงอกอวบอิ่มนั้นดูอบอุ่นจนรู้สึกไม่อยากโตอีกเลย
แต่คิริคูต้องการจะโต เขาไม่เพียงปราบแม่มดคาราบาผู้ทรงอำนาจ แต่เขาได้ช่วยชีวิตเธอและเอาชนะใจเธอได้อีกด้วย เมื่อคาราบาจุมพิตเขาจึงเป็นสิ่งที่เขาพึงใจมากที่สุดและทำให้เขากลายเป็นหนุ่มรวดเร็วเสมือนครั้งที่คลานออกมาจากครรภ์มารดาด้วยตนเอง
เป็นการ์ตูนสองมิติจากผู้กำกับฯ ฝรั่งเศสที่สนุกมาก