“พริสซั่นเบรก ไทยแลนด์” ข่าวรั่ว แผนแหก (ไม่พ้น) คุก อดีต รมต.สู่ผู้ต้องหา 4 คดี

กลการสุดแยบยลจากซีรี่ส์แหกคุกชื่อดัง “พริสซั่น เบรก” จำต้องหลบให้ “พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์” อดีต รมช.พาณิชย์ ผู้ต้องหาคดีร่วมกันอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ อดีตผู้กุมสำนวนคดีโอนหุ้นนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง หรือเสี่ยจืด เมื่อได้ยินแผนปฏิบัติการชิงตัว “จำเลยบรรยิน” ระหว่างไปตรวจพยานที่ศาลพระโขนง

แต่ความดันแตกด้วยเหตุบังเอิญแท้ๆ หลังตำรวจตามรวบตัวสมุนและยอมคายความลับออกหมดเปลือก

ย้อนประวัติ พ.ต.ท.บรรยินจบการ นรต. รุ่นที่ 39 มีเพื่อนร่วมรุ่น อาทิ พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง ผบช.สยศ.ตร., พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5,พล.ต.ต.สามารถ ศรีสิริวิบูลย์ชัย ผบก.น.5, พ.ต.อ.มานะ กลีบสัตบุศย์ รอง ผบก.ปคม. เป็นต้น

ปลายชีวิตราชการ ก่อน พ.ต.ท.บรรยินผันตัวสู่แวดวงการเมือง ขณะยังรับราชการตำรวจในตำแหน่ง สว.จราจร ใน จ.นครสวรรค์

เมื่อปี 2534 ก็มีคดีอุบัติเหตุปริศนาที่อดีตภรรยา พ.ต.ท.บรรยินเสียชีวิตขณะนั่งรถไปด้วยกัน ในพื้นที่ สภ.พยุหะคีรี

เรื่องราวยังเป็นที่โจษจันทิ้งร้างให้สงสัยกันจนทุกวันนี้

พอปี 2558 พ.ต.ท.บรรยินกลับมาเป็นที่รู้จักในคดีโอนหุ้นเกือบ 300 ล้านบาทของเสี่ยจืด ที่เป็นคดีฆาตกรรมฆ่าอำพราง ขณะเสี่ยจืดนั่งรถยนต์ของ พ.ต.ท.บรรยินแล้วประสบอุบัติเหตุรถยนต์พุ่งชนต้นไม้จนเสียชีวิต แต่มีผลพิสูจน์ภายหลังพบว่ามีรอยกระแทกจากของแข็งจนกระดูกคอหัก ลำคอมีรอยคล้ายถูกรัด ก่อนแผนจำลองเหตุการณ์ชี้ว่ารถยนต์ได้พุ่งชนต้นไม้ด้วยความเร็วเพียง 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่น่าทำให้กระดูกหักจนเสียชีวิตได้

ครอบครัวเสี่ยจืดยังพบหนังสือแจ้งรายงานการซื้อ-ขายหุ้นบริษัทหลักทรัพย์ AECS และมีรายงานการขายหุ้นจำนวนมากไปให้บุคคลอื่นคือ น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล หรือพริตตี้น้ำตาล, น.ส.อุรชา วชิรกุลฑล หรือป้อนข้าว อดีตโบรกเกอร์ (ปัจจุบันชื่อ น.ส.วัชรียา หรือน้ำมนต์ วัชรประยงค์วุฒิ) รวมถึง พ.ต.ท.บรรยิน

โดยมีหลักฐานเอกสารปลอมการขายหุ้น และทรัพย์สินจากหุ้นของเสี่ยจืดร่วมนับร้อยล้าน

เมื่อเป็นที่แน่ชัด จึงมีการออกหมายจับ พ.ต.ท.บรรยินในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันลักทรัพย์, ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิ์ปลอมหรือรับของโจร ส่วนพริตตี้น้ำตาลและป้อนข้าวถูกจับในสองข้อหาหลัง ซึ่งศาลอาญากรุงเทพใต้สั่งจำคุก พ.ต.ท.บรรยิน 8 ปี ในคดีโอนหุ้น ส่วนคดีฆาตกรรม “เสี่ยจืด” ศาลอาญาพระโขนงอยู่ระหว่างขั้นตอนสืบพยาน

นั่นทำให้คดีโอนหุ้นพลิกเป็นปมสังหาร “นายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ” พี่ชายผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนคดี เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พ.ต.ท.บรรยินพร้อมพวกรวม 6 คนลักพาตัวนายวีรชัยจากหน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ และโทรศัพท์ข่มขู่ให้ผู้พิพากษาตัดสินคดีให้เป็นคุณต่อ พ.ต.ท.บรรยิน แต่ถูกปฏิเสธ จึงฆ่าอำพรางเผานั่งยางศพและทิ้งชิ้นส่วนลงแม่น้ำทำลายหลักฐาน

กระนั้นก็ไม่พ้นมือตำรวจ ถูกจับกุมได้ทั้งหมด ถูกแจ้งข้อหารุนแรงสูงสุดต้องโทษประหารชีวิต โดยศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีนัดตรวจพยานวันที่ 22 กับ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา

พ.ต.ท.บรรยินแถลงต่อศาลโดยปฏิเสธเรื่องแหกคุกเพราะอยู่แต่ในเรือนจำ ถูกพันธนาการตลอด

แผนแหกคุกที่เกริ่นแต่ต้นนั้น พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. เผยมีรายงานว่า เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ชุดสืบสวนกองปราบปราม ได้จับกุมนายโจ หลังได้รับการประกันตัวออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แต่มีหมายจับเก่าคดีลักทรัพย์ติดตัว 1 หมาย

พอสอบปากคำนายโจก็รับว่า พ.ต.ท.บรรยินให้ทนายความส่วนตัวติดต่อทนายความอีกคนมาประกันตัวออกจากเรือนจำ เพื่อให้หาทางชิงตัว พ.ต.ท.บรรยินระหว่างนั่งรถบนทางด่วนมุ่งหน้าไปศาล

หากไม่สำเร็จให้ลักพาตัวภรรยาของ ผบ.เรือนจำ มาต่อรองออกจากเรือนจำ โดยให้โทร.ประสานอดีต ส.ส.นครสวรรค์ มาร่วมวางแผน แต่เจ้าตัวไม่เล่นด้วย

สำหรับนายโจ เคยต้องคดีปล้นฆ่า ก่อนถูกศาลสั่งจำคุกแล้วออกมาก่อเหตุลักทรัพย์ไปเรื่อย กระทั่งพบพานกับ พ.ต.ท.บรรยินในเรือนจำ ด้วยมาดนักเลง จึงถูกเชิญมาร่วมแผนครั้งนี้

พ.ต.อ.เอนกบอกต่อ พ.ต.ท.บรรยินยังสั่งให้นายท็อป อายุ 30 ปี ผู้ต้องหากรรโชกทรัพย์ ที่ได้รับการประกันตัวออกมาร่วมทำแผน แต่แล้วก็ถูกจับก่อนรับสารภาพว่ามีญาติหาเงินมาประกันตัวออกมา

โดย พ.ต.ท.บรรยินเล่าแผนว่าจะมีคนมาวางระเบิดข้างเรือนจำให้คนแตกตื่น แล้วจะล้มเสาธงชาติกลางลานสนามหญ้าเพื่อพาดกำแพงปีนหนี

เมื่อออกมาได้จะมีเฮลิคอปเตอร์มารับตัวอีกที

แผนแหกคุกจึงเป็นคดีอาญาที่ 4 ของ พ.ต.ท.บรรยิน ที่ตำรวจฟัน 4 ข้อหา ฐาน “เป็นผู้ใช้ จ้างวาน สนับสนุนผู้อื่นให้กระทำผิด, กระทำให้ผู้ถูกคุมขังตามอำนาจศาล หลุดพ้นจากการคุมขัง, ข่มขืนใจเจ้าพนักงานและหน่วงเหนี่ยวกักขัง” ก่อนเรียกสอบพยานใกล้ชิด 3 ปาก ทั้งนายวรภรณ์ ตั้งภากรณ์ ลูกชาย พ.ต.ท.บรรยิน ในฐานะเพื่อนนายท็อป, อดีต ส.ส. และทนายความ

ทั้งนี้ ฝั่งตำรวจก็ไม่ให้ค่ากับแผนบันลือโลก ลำพังพกระเบิดผ่านปราการด่านตรวจก็ว่ายากแล้ว อีกทั้งเสาธงในคุกไม่ใช่ต้นเล็กๆ จะล้มต้องใช้กำลังคนมากมาย

อีกทั้งกำแพงคุกยังมีรั้วลวดหนาม รั้วไฟฟ้าแรงสูงกั้น

กระนั้นยังเป็นไปได้หรือที่ พ.ต.ท.บรรยินจะยอมจบชีวิตตัวเองง่ายๆ

ถ้าวิเคราะห์พฤติกรรมของ พ.ต.ท.บรรยินระหว่างถูกคุมขังในเรือนจำ ผู้เกี่ยวข้องให้ข้อมูลว่าเจ้าตัวแกล้งเพี้ยน แสร้งถามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ ซ้ำยังพยายามผูกคอตาย นั่นเป็นการหาทางออกจากเรือนจำเพื่อไปโรงพยาบาลแล้วค่อยหลบหนีเหมือนที่เคยเกิดขึ้นหลายครั้ง

แม้ พ.ต.ท.บรรยินไม่อาจหนีได้แล้ว แต่ในสภาพสิ้นหนทาง จะบีบเป็นแรงขับเคลื่อนได้แค่ไหน


พิเศษ! สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์, ศิลปวัฒนธรรม และเทคโนโลยีชาวบ้าน ลดราคาทันที 40% ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิ.ย. 63 เท่านั้น! คลิกดูรายละเอียดที่นี่