พลันที่ กลุ่ม CARE ก้าวเข้าสู่มิติแห่ง DARE TO CARE ภายใต้หัวข้อ “ทางรอดจาก”ตุลามหาวิกฤต” 150 วัน อันตรายทาง เศรษฐกิจ”

รูปแห่งการทะยานเข้าสู่การเมืองใหม่ เศรษฐกิจใหม่ของกลุ่ม CARE ก็มีความแจ่มชัด

แม้ว่าวิทยากรที่เรียงแถวกันมาบรรยาย ไม่ว่าจะเป็น นายศุภวุฒิ สายเชื้อ ไม่ว่าจะเป็น นายดวงฤทธิ์ บุนนาค ไม่ว่าจะเป็น นพ.สุร พงษ์ สืบวงศ์ลี จะเป็นคนหน้าเก่า

แต่เมื่อคนที่ดำเนินการในฐานะพิธีกรเป็น น.ส.ลักขณา ปันวิชัย ในมาดของ คำ ผกา

โฉมแห่ง CARE คิด เคลื่อนไทย ก็สำแดงตัวตนออกมาตั้งแต่การเปิดรายการ เพลงประกอบผ่านซาวนด์เทคโน และตัวอักษรด้วยฟอนท์อันคิดประดิษฐ์สร้างอย่างแยบยล

หากมองแต่ละภาพของ CARE ไปยังทิพยรูปแห่งไทยรักไทยก็มีความเด่นชัดในการหวนฟื้นคืนชีพของนกฟินิกส์เด่นชัด แกร่งกล้า

นี่คือการคิดใหม่ทำใหม่ ในห้วงแห่ง POST โควิด

 

มีการตั้งข้อกังขาจากบางสำนักข่าวว่า ปรากฏการณ์แห่ง CARE คิด เคลื่อนไทย คือเงาสะท้อนแห่งความขัดแย้ง แย่งชิงกันอันเกิดขึ้น และดำรงอยู่ภายในพรรคเพื่อไทย

โดยมองภาพการเบียดขัดระหว่าง คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ กับ นายภูมิธรรม เวชยชัย อย่างใจจดใจจ่อ

เนื่องจากการเข้ามาของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ พร้อมกับความต้องการยึดกุมพรรคทำให้ นายภูมิธรรม เวชยชัย ต้องอำลาจากตำแหน่งเลขาธิการพรรค

กระทั่งมองข้ามความเป็นจริงที่แม้กระทั่ง นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล ก็ประกาศวางมือในห้วงเวลาเดียวกัน

กระทั่งมองข้ามบทบาทและความเป็นจริงที่ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ดำรงอยู่ตั้งแต่ยุคพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน หรือแม้กระทั่งพรรคเพื่อไทย

 

เมื่อ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช แตะมือกับ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี และ นายภูมิธรรม เวชยชัย โดยมีมือของ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล ดำรงอยู่อย่างมั่นคง

บทสรุปร่วมกันไม่ว่ามิตร ไม่ว่าศัตรู ย่อมยอมรับว่า นี่คือสายตรงทางการเมือง

การเมืองอันมีจุดเริ่มจากพรรคไทยรักไทยเมื่อปี 2541

เหล่านี้ล้วนคือ”ทิพยรูป”ในทางการเมืองอันเกิดใหม่อีกครั้งผ่านปฏิมาแห่ง CARE คิด เคลื่อนไทย