พิศณุ นิลกลัด : ขึ้นเครื่องบินแบบไม่กลัวโควิด-19 แบบฟลอยด์ เมย์เวตเธอร์ จูเนียร์

พิศณุ นิลกลัด

ตอนนี้สายการบินต่างๆ เริ่มทยอยเปิดให้บริการ แต่คนจำนวนไม่น้อยก็ยังไม่รู้สึกปลอดภัยกับการเดินทางด้วยเครื่องบินที่ต้องนั่งติดกับคนอื่น ด้วยไม่มั่นใจว่าจะติดเชื้อโควิด-19 หรือเปล่า

แต่มียอดนักกีฬาคนหนึ่งที่ไม่กังวลกับการเดินทางโดยเครื่องบิน เพราะเขาบินด้วยเครื่องบินเจ๊ตส่วนตัวตลอด

เขาคนนั้นคือ ฟลอยด์ เมย์เวตเธอร์ จูเนียร์ (Floyd Mayweather Jr.) ยอดนักมวยที่ร่ำรวยเป็นอันดับต้นๆ ของบรรดานักกีฬาอาชีพ

 

ฟลอยด์วันนี้อายุ 43 ปี มีสถิติชก 50 ครั้ง ชนะรวดทั้ง 50 ครั้ง ข้อมูลของนิตยสารฟอร์บส์ (Forbes) บันทึกว่าปี 2015 ปีเดียวฟลอยด์สามารถทำเงินจากการชกมวยอย่างเดียวได้ถึง 300 ล้านดอลลาร์ (9,300 ล้านบาท) นับเป็นนักกีฬาชายที่ทำรายได้สูงที่สุดในปี 2015

จากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บส์ ปี 2018 ที่เขามีรายได้รวม 285 ล้านดอลลาร์ (8,800 ล้านบาท) ก็สูงที่สุดเป็นอันดับ 1ในบรรดานักกีฬาชาย

ปัจจุบันนี้ฟลอยด์ซึ่งประกาศเลิกชกแล้ว มีรายได้มาจากบริษัท Mayweather Promotions และการลงทุนในธุรกิจแฟชั่น ทั้ง Mayweather Sports และ The Money Team (TMT)

ซึ่งประมาณการกันว่า ฟลอยด์ เมย์เวตเธอร์ จูเนียร์ มีทรัพย์สินอย่างน้อย 565 ล้านดอลลาร์ (17,500 ล้านบาท)

 

มีคนไม่มากที่ทราบตัวเลขจำนวนทรัพย์สินที่แน่นอนของฟลอยด์ แต่ถ้าติดตามอินสตาแกรมของเขาก็พอจะเดาได้ว่า มีเงินเหลือกินเหลือใช้ทั้งชีวิต

เพราะฟลอยด์ชอบประกาศให้โลกทราบว่าเขาคือสายเปย์ตัวจริง

ด้วยการโพสต์รูปอวดชีวิตฟุ้งเฟ้อเป็นประจำ ทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับราคาแพง รถยนต์สุดหรู และถ่ายกับเงินเป็นฟ่อนๆ วางกองเต็มโต๊ะ

ซึ่งเป็นภาพที่ใครเห็นแล้วก็แอบหมั่นไส้ในความโม้โอ้อวดของฟลอยด์

แต่สิ่งที่เป็นเครื่องการันตีความรวยสุดๆ ของฟลอยด์คือ การเป็นเจ้าของเครื่องบินเจ๊ตส่วนตัวสุดหรูลำใหม่ ยี่ห้อ Gulfstream (กัลฟ์สตรีม) รุ่น G650 ที่สามารถบินรวดเดียวระยะทางไกล 12,964 กิโลเมตร ที่ความเร็ว 1,049 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

เครื่องบินลำนี้เป็นเครื่องบินเจ๊ตลำที่ 3 ของฟลอยด์ ซึ่งเขาเพิ่งซื้อเป็นของขวัญวันเกิดตอนอายุครบ 41 ปีให้กับตัวเองในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2018 ราคา 1,858 ล้านบาท

ฟลอยด์ชอบเรียกเครื่องบินเจ๊ตส่วนตัวของเขาว่า “Air Mayweather” ผู้สนใจสามารถติดตามเรื่องราวเครื่องบินเจ๊ตของฟลอยด์ได้ด้วยแฮชแท็ก #airmayweather ในโซเชียลมีเดีย

 

เมื่อเจ้าของเครื่องบินเจ็ตคือฟลอยด์ เมย์เวตเธอร์ จูเนียร์ จะให้เป็นเครื่องบินเจ๊ตเรียบๆ ธรรมดาๆ ก็คงจะไม่ใช่ฟลอยด์

ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยเบาะหนังคุณภาพดีสีดำ ผิวโลหะต่างๆ เป็นโครเมียมเงางาม ภายนอกลำเครื่องบินแต่งด้วยโลโก้ TMT ย่อมาจาก “The Money Team” เพื่อโฆษณาแบรนด์ส่วนตัวของฟลอยด์ และมีคำว่า MAYWEATHER ตัวใหญ่ๆ เขียนอยู่บนลำตัวเครื่อง

ปลายปีกเครื่องบินสองข้างประทับด้วยเลข 50-0 ซึ่งเป็นสถิติการชกอาชีพของฟลอยด์ที่ไม่เคยแพ้ใคร

ในส่วนของพรมเช็ดเท้าตรงบันได ต้อนรับด้วยตัวหนังสือ TBE ย่อมาจาก “The Best Ever” ซึ่งเป็นฉายาที่เขาเรียกตัวเองให้เหมือนกับที่มูฮัมหมัด อาลี (Muhammad Ali) ยอดมวยระดับตำนานได้รับการยกย่องจากทั่วโลกว่าเป็น The Greatest

 

ด้วยความที่เป็นคนดัง มีธุรกิจรัดตัว และเพื่อนฝูงมากมายที่ต้องสื่อสารกันอยู่ตลอด ลูกเล่นพิเศษอย่างหนึ่งในเครื่องบินเจ๊ตส่วนตัวของฟลอยด์คือ ระบบโทรศัพท์ผ่านดาวเทียมเพื่อใช้ติดต่อกับคนบนพื้นโลก ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากสำหรับการเดินทางด้วยเครื่องบิน

ชีวิตในวันว่างๆ ของฟลอยด์คือการเดินทางไปท่องเที่ยวพักผ่อนรอบโลกด้วยเครื่องบินเจ๊ตส่วนตัว

ซึ่งเขาก็ชอบแชร์ช่วงเวลาสบายๆ บนเครื่องบินเจ๊ต เช่น มีพนักงานสาวมานวดผ่อนคลายให้ระหว่างชมทัศนียภาพภายนอกในมุมสูงจากเครื่องบินเจ๊ต

ฟลอยด์มีนักบินคู่ใจ 3 คน คือ เอเจ เรมีย์ (AJ Ramey), แดน บูธ (Dan Booth) และเจนทรี ลอง (Gentry Long) ที่คอยสแตนด์บายพร้อมขับเครื่องบินเจ๊ตไปส่งฟลอยด์ได้ทุกที่ทุกเวลาทั่วโลก

ฟลอยด์เคยให้สัมภาษณ์ว่า เขาไม่เคยมองทั้ง 3 คนเป็นแค่พนักงาน จะพูดคุยสนิทสนมกันเหมือนเป็นเพื่อน เป็นคนในครอบครัว เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต

เพราะฉะนั้น ไม่ว่าฟลอยด์จะไปไหน ทำอะไร ก็ต้องแน่ใจว่าทั้ง 3 คนได้รับประสบการณ์ที่สนุกสนานไปด้วยในระหว่างการทำหน้าที่

ซึ่งนักบินทั้ง 3 ก็บอกว่า จริงๆ แล้วฟลอยด์ไม่ได้เป็นคนเย่อหยิ่งยโสแบบที่คนส่วนใหญ่มองเห็นกันตลอด เขาเป็นคนมีหลากหลายอารมณ์ ซึ่งแสดงออกมาตามแต่ละบทบาทหน้าที่

ถ้าได้รู้จักเขาอย่างใกล้ชิดจะทราบว่า ฟลอยด์มีมุมที่สุภาพ มีน้ำใจ และเป็นคนที่จริงใจคนหนึ่ง

 

นอกจากนักบินคู่ใจทั้ง 3 คน ฟลอยด์ยังมีบอดี้การ์ดที่อยู่เคียงข้างเขาไปทุกที่คือ เรย์ ซาเดกี (Ray Sadeghi)

ซึ่งถ้าดูจากในอินสตาแกรมส่วนตัวของเรย์ก็จะเห็นว่า เขาลงรูปกับเครื่องบินเจ๊ตบ่อยครั้ง ซึ่งทำให้ทราบว่าฟลอยด์นั้นเดินทางไปไหนมาไหนด้วยเครื่องบินเจ๊ตบ่อยมาก เรียกว่าเป็นบ้านหลังที่สองของทั้งคู่ได้เลย

แต่การนั่งเครื่องบินเจ๊ตลำเดียวกันกับบอดี้การ์ดถือเป็นประสบการณ์ใหม่สำหรับฟลอยด์ เพราะก่อนหน้านี้ในปี 2013 ฟลอยด์ไปออกรายการวิทยุของฮาวเวิร์ด สเติร์น (The Howard Stern Show) และให้สัมภาษณ์ยอมรับว่า เวลาเดินทางไปท่องเที่ยวด้วยเครื่องบินเจ๊ตรุ่นเก่า เขาจะเช่าเหมาลำเครื่องบินเจ๊ตอีกลำให้บอดี้การ์ดนั่งตามไป เพราะบอดี้การ์ดแต่ละคนตัวใหญ่ๆ ทั้งนั้น ถ้าบวกกับน้ำหนักสัมภาระที่เขาขนขึ้นเครื่องไปด้วย เกรงว่าจะทำให้เครื่องบินตก

สำหรับเครื่องบินเจ๊ต Gulfstream G650 สามารถแบกรับน้ำหนักได้ถึง 2,948 กิโลกรัม จุผู้โดยสารสูงสุด 18 คน จึงสบายหายห่วงเรื่องน้ำหนัก

มีรายงานว่าการเดินทางไปเที่ยวรอบโลกกับเครื่องบินเจ๊ตของฟลอยด์นั้น หลายครั้งเป็นแค่การแวะไปถ่ายรูปแป๊บๆ เพื่อจะโพสต์รูปลงอินสตาแกรมสวยๆ โดยไม่มีการค้างคืน

อย่างครั้งที่เขาออกเดินทางไปทัวร์ยุโรปเมื่อเดือนตุลาคม 2018 เริ่มจากไปบลู ลากูน (Blue Lagoon) เพื่อสัมผัสสปาน้ำพุร้อนกลางแจ้งที่มีชื่อเสียง ทางตะวันตกเฉียงใต้ของไอซ์แลนด์

แวะไปถ่ายรูปถ่ายคลิปตอนลงไปแช่ในบ่อ นั่งนับเงินในห้องพัก จากนั้นคืนวันเดียวกัน ไปโผล่นั่งดูมวยในทีวีจอยักษ์ที่โรงแรมในกรุงปารีส

แวะถ่ายกับหอไอเฟลยามค่ำคืน

พอเช้าอีกวันก็โพสต์คลิปกำลังซ้อมยิงปืนอยู่ในเมืองกรอซนี ประเทศรัสเซีย

ซึ่งจะมีสักกี่คนทำได้ ถ้าไม่รวยจริงแบบฟลอยด์ เมย์เวตเธอร์ จูเนียร์

 


พิเศษ! สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์, ศิลปวัฒนธรรม และเทคโนโลยีชาวบ้าน ลดราคาทันที 40% ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิ.ย.63 เท่านั้น! คลิกดูรายละเอียดที่นี่