การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์ : ทวีปที่สาบสูญ พวกเขาเอาแต่รอฝนปลูกต้นไม้

[สวัสดีครับน้องพี่ที่คิดถึง

อีกครั้งหนึ่งขอฝากส่งจดหมายให้

เนื่องมาจากฉบับเก่าเราคุยไว้

พี่ชวนให้น้องมาสมาคม

 

เนื่องในวารเฉลิมเสริมพระเกียรติ

เพียงน้องเจียดเวลามาสั่งสม

ใช้ภาษาไทยงามตามนิยม

น้อมบังคมร่วมรู้รักษ์อักษรา

 

พี่ร้อนใจในความเงียบเทียบผู้อื่น

เกรงวันคืนคล้อยผ่านไปจะไร้ค่า

แม้ใจรักนักเขียนจงเพียรมา

เหล่าผู้พี่ที่ศาลาจะเฝ้ารอ

 

ในศาลาอาศรมชมรมฝัน

ปณิธานความฝันอันเกิดก่อ

จงรุ่งโรจน์อำไพในแสงทอ

เพียงอย่าท้อกับความฝันสัญญาเรา]

 

(…สวัสดีพี่ชาย

ขอโทษที่อ่านจดหมายอยู่หลายเช้า)

แดดกำลังฉาบทาท้องฟ้าเบา

ฉันกลับห้องนอนน้อยค่อยอ่านเขียน

 

เพียงบัวที่รัก

ฉันตระหนักถึงบางสิ่งที่ผันเปลี่ยน

อาจบางทีการที่ไม่ได้เรียน

ทำให้ฉันชอบการเขียนนอกบังคับ

 

ปราศจากสัมผัสบ้างจะเป็นไร

หรือปล่อยตัวหนังสือไหลเสลาสลับ

(ขีดฆ่า)

ปราศจากสัมผัสบ้างจะเป็นไร

สำคัญในประเด็นที่เห็นจับ

เหมือนค่ำคืนฟ้าพราวดาวระยับ

(ขีดฆ่า)

เหมือนบางคืนฟ้าแวมแต้มดาววับ

บางความมืดอาจสำหรับกระจ่างใจ

 

ฉันยังไม่อยากจะเขียนกลอน

หากแค่คำอวยพรและวอนไหว้

เพียงจะแลกรางวัลอันวางไว้

และอาจให้รางวัลนั้นจูงเรา…

 

(…สวัสดีพี่ชาย

ขอโทษที่ทำจดหมายพี่สูญเปล่า

ฉันนิ่งคิดมากมายอยู่หลายเช้า

ยังไม่พร้อมจะเข้าสมาคม

 

ฉันเป็นเพียงคนไร้ในศึกษา

มีดวงตามองโลกโศกสะสม

ฉันเป็นเพียงคนเขียนตามอารมณ์

ยังจ่อมจมโลกเก่าเศร้าทุกวัน

 

ขอขอบคุณที่ชวน, ควรเข้าร่วม

แต่ยอมรับไม่พร้อมรวมร่วมสู่ฝัน

หากวันใดบทกวีที่จำนรรจ์

ลบเส้นกั้นฉันทลักษณ์จักส่งไป

(ขีดฆ่า)

หากวันใดบทกวีที่เขียนกัน

ไร้เส้นกั้นฉันทลักษณ์จักส่งถึง)

 

[สวัสดีครับน้อง

พี่เองจ้องจดหมายหลายครั้ง, หนึ่ง

สิ่งที่น้องพูดมาพาลึกซึ้ง

แต่ข้อสอง, น้องพึงควรระวัง

 

อักขระภาษาไทยในแบบเบ้า

คือสิ่งเดียวจะพาเราผองเข้าฝั่ง

บนเส้นทางยาวไกลไม่พลาดพลั้ง

ถ้าน้องตั้งใจจะเล่นเป็นนักกลอน

 

ประเทศไทยเรามีสิ่งดีเลิศ

แสนประเสริฐมาแต่หลังจงฟังก่อน

ทั้งดนตรีเริงระบำการรำฟ้อน

บทกานท์กลอนกาพย์ยานีที่งดงาม

 

ฉันทลักษณ์คือโครงร่างวางฐานราก

เอาคำปากเขียนไม่ได้ใครล้วนห้าม

การจะชี้ชวนใครให้ติดตาม

เราต้องงามพร้อมทุกอย่างเมื่อย่างเดิน

 

พี่มองเห็นประกายไฟในตัวเจ้า

จึงอยากเร้าผลักดันกันแต่เนิ่น

แม้กวีที่เขียนเพียรเพียงเพลิน

เสียดายเกินปล่อยสมองลองตรึกคิด

 

พี่หวังดีมีใจให้น้องอยู่

อยากให้รู้ยามนี้เขียนลิขิต

เพราะมุ่งหมายให้เราเข้าเป็นมิตร

ร่วมชีวิตบนทางรักไทยนักกลอน…]

 

เพียงบัว

ฉันนึกกลัวจะต้องด่าไปเสียก่อน

อยู่อยู่มีผู้ชายมาร่ายกลอน

เขียนสั่งสอนมากมายพรรณนา

 

ชวนให้เขียนกวีอันดีเลิศ

โดยประเสริฐชูชาติดั่งพาดผ้า

ต่อให้ลมให้ฝุ่นหมุนปลิวมา

แสนแสบตาก็จงยืนขยี้ไป

 

ปราศจากรองเท้าเข้าหุ้มส้น

เปียกปอนฝนหรือผ่าวแดดเผาไหม้

ต่อทารุณทรมานสถานใด

จงยิ้มไปให้โลกสวยด้วยคำทิพย์

 

ฉันยอมรับว่า

บางเวลานึกอยากปักมีดฉิบ

เอาพวกมือถือสากปากมันวิบ

หยุดกระซิบคำจูงใจไปให้พ้น!

 

[คนเดินทางคะ

ไม่เอานะอย่าเพิ่งอารมณ์หม่น

ฉันเข้าใจในความคิดของบางคน

พวกเขาเอาแต่รอฝนปลูกต้นไม้

 

เถอะ — เรามาถางทางของเรา

เปลี่ยนทางเก่าแล้งเข็ญเป็นทางใหม่

อดทนนะฉันจะเป็นกำลังใจ

เหมือนท่านจิตรบอกเราไว้ด้วยลายมือ…]

 

ลุกขึ้นเถิดเพื่อนยาไยหน้าเศร้า1

คำเก่าๆ มิได้บอกไว้ดอกหรือ

อย่าท้อแท้แพ้พึมซึมกระทือ

“ชีวิตคือการต่อสู้” รู้หรือยัง?

——————————————————————————-
(1) บทกวีของจิตร ภูมิศักดิ์

 


พิเศษ! สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์, ศิลปวัฒนธรรม และเทคโนโลยีชาวบ้าน ลดราคาทันที 40% ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิ.ย.63 เท่านั้น! คลิกดูรายละเอียดที่นี่