“บาลิกปาปัน เซเว่น” คือชื่อที่เรียกขานจำเลย 7 คนที่ถูกดำเนินคดีในข้อหา “ทรยศ” ต่อประเทศชาติ อันเนื่องมาจากการชุมนุมประท้วงเมื่อปี 2019 ที่ผ่านมา

หนึ่งในจำนวนนั้นคือ บัคตาร์ ทาบูนี แกนนำระดับสูงของขบวนการสามัคคีเพื่อปลดปล่อยเวสต์ปาปัว (ยูแอลเอ็มดับเบิลยูพี) ถูกศาลบาลิกปาปวนตัดสินลงโทษจำคุก 11 เดือน เมื่อ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา

ในคำฟ้องของอัยการเรียกร้องให้ศาลลงโทษผู้ต้องหารายนี้นานถึง 17 ปี

อีก 6 คนที่เหลือมีอากุส คอสเซย์ กับสเตวานัส อิทเลย์ คือสมาชิกของกลุ่ม คณะกรรมการแห่งชาติเวสต์ปาปัว (เอ็นซีดับเบิลยูพี) ถูกตัดสินจำคุก 11 เดือนเช่นกัน

อีก 4 คนสุดท้ายเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย ประกอบด้วย อเล็กซานเดอร์ โกบาอี, เฟอรีย์ คอมโบ, เออร์วานัส อูร็อปมาบิน และเฮงกี ฮิลาป็อก จำคุกคนละ 10 เดือน

ทั้ง 7 ถูกจับกุมเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่ผ่านมา ฐานมีส่วนร่วมอยู่ในการชุมนุมประท้วง

เป็นการชุมนุมประท้วงเพื่อต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติปาปัว ต่อบรรดานักศึกษาปาปวน ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งและหนักหนาสาหัสมากขึ้นเรื่อยๆ โดยคนอินโดนีเซียในเวสต์ปาปัวนั่นเอง

ถึงขนาดประณามกันว่า พวกปาปวนเป็น “ลิง” ไม่ใช่ “คน”!

 

เวสต์ปาปัวอยู่บนเกาะนิวกินี เดิมเป็นส่วนหนึ่งของปาปัวนิวกินี แต่ถูกอินโดนีเซียผนวกเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของอินโดนีเซียเมื่อปี 1969 หลังจากการลงประชามติอื้อฉาว ทั้งๆ ที่สหประชาชาติให้การรับรอง

หลายคนที่ถูกจับกุมในข้อหาทรยศครั้งนี้นั้น เป็นเพราะโบกธง “มอร์นิ่งสตาร์” ที่ถือเป็นสัญลักษณ์ในการปลดแอกปาปัวจากการยึดครองของอินโดนีเซีย

มีขบวนการเคลื่อนไหวเพื่อเอกราชของเวสต์ปาปัวมานับตั้งแต่ตอนนั้น ควบคู่ไปกับการถูกเหยียดหยามชิงชังจากชาติพันธุ์ที่เป็นชนส่วนใหญ่ของประเทศ

บาลิกปาปัน เซเว่น ถูกจับกุมระหว่างการประท้วงที่จายาปุระ ก่อนที่จะถูกโยกย้ายมาคุมขังที่บาลิกปาปัน ซึ่งอยู่บนเกาะบอร์เนียวของอินโดนีเซีย ด้วยเหตุผล “ด้านความมั่นคง”

พวกเขาถูกเรียกขานว่าบาลิกปาปัน เซเว่น มานับแต่บัดนั้น

การชุมนุมเรียกร้องเอกราชอย่างสันติ การรวมตัวกันแสดงออกถึงการต่อต้านการถูกเหยียดหยามเหมือนไม่ใช่มนุษย์ด้วยกัน กลายเป็นความผิด

 

ฮิวแมนไรท์วอทช์ออกแถลงการณ์ตามหลังคำพิพากษาของศาลบาลิกปาปันว่า แม้คำพิพากษาโทษจะถือว่าน้อยกว่าที่อัยการเรียกร้อง “อย่างมีนัยสำคัญ” ก็ตามที

แต่ในทัศนะขององค์กรรณรงค์เพื่อสิทธิเสรีภาพที่เท่าเทียมกันแห่งนี้ก็ยังยืนยันว่า ชาวปาปวนไม่ควรถูกจำขังแม้แต่เพียงคืนเดียว

แอนเดรียส ฮาร์โซโน นักวิจัยของฮิวแมนไรท์วอทช์ประจำอินโดนีเซียบอกว่า คนเหล่านี้ประท้วงเพราะถูกเหยียดหยาม ถูกประณามอย่างผิดๆ

แต่กลับถูกลงโทษด้วยข้อกล่าวหาว่า “ทรยศ”

ในขณะที่คนที่ทำความผิดจริงๆ ฐานเหยียดหยามเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน กดลงเป็นสัตว์ กลับลอยนวล อยู่สุขสบายในสังคม

ทำเช่นนี้รังแต่จะทำให้ชื่อเสียงของรัฐบาลอินโดนีเซียเสื่อมเสีย

 

คดีบาลิกปาปัน เซเว่น เกิดขึ้นควบคู่ไปกับการชุมนุมประท้วงขนานใหญ่ในสหรัฐอเมริกาของขบวนการ “แบล็กไลฟ์ส แมตเทอร์”

ส่งผลให้เกิดแฮชแท็ก “ปาปวนไลฟ์ส แมตเทอร์” ขึ้น ได้รับความสนใจ และสนับสนุน รวมทั้งให้กำลังใจต่อคนทั้ง 7 เพิ่มมากขึ้นในอินโดนีเซียโดยรวม

มีทั้งการเคลื่อนไหวผ่านโซเชียลมีเดียและบนท้องถนน เรียกร้องให้ปลดปล่อยคนทั้ง 7 เป็นอิสระ

ทั้งยังบันดาลให้เกิดความเคลื่อนไหวในระดับโลก ก่อกระแสวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมเหยียดผิวและเลือกปฏิบัติในอินโดนีเซียขึ้นในระดับนานาชาติ

แรงเหวี่ยงจากคดีบาลิกปาปัน เซเว่น ครั้งนี้รุนแรงไม่น้อยเลยทีเดียว

 

---

พิเศษ! สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์, ศิลปวัฒนธรรม และเทคโนโลยีชาวบ้าน ลดราคาทันที 40% ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิ.ย.63 เท่านั้น! คลิกดูรายละเอียดที่นี่