รายงานพิเศษ/โชคชัย บุณยะกลัมพ/เก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม แพลตฟอร์มดิจิตอลต่างประเทศ หารายได้เข้ารัฐ 3,000 ล้านบาท

รายงานพิเศษ/โชคชัย บุณยะกลัมพ

https://www.facebook.com/ChokCyberAIEntertainment/

เก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม

แพลตฟอร์มดิจิตอลต่างประเทศ

หารายได้เข้ารัฐ 3,000 ล้านบาท

 

ปัจจุบันมีบริษัทเทคโนโลยีจากต่างชาติที่เข้ามาให้บริการในไทยมากขึ้น

ในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์, แอพพลิเคชั่น, การจองที่พัก ไปจยถึงบริการสตรีมมิ่งต่างๆ

ซึ่งหลายบริการโกยเงินจากคนไทยกลับไปโดยที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม

การจัดเก็บภาษี “อีเซอร์วิส” หรือเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากแพลตฟอร์มดิจิตอลจากต่างประเทศ ที่ไม่มีบริษัทลูกในประเทศไทย จึงถูกคิดค้นขึ้น คาดมีรายได้เข้ารัฐอย่างน้อย 3,000 ล้านบาท

เนื่องจากมีการใช้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศมากขึ้น โดยผ่านอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลาง โดยภาษี e-Service เก็บแวตจากแพลตฟอร์มต่างประเทศ เช่น เน็ตฟลิกซ์ เฟซบุ๊ก ยูทูบ กูเกิล อเมซอน อีเพย์ อโกด้า อูเบอร์เว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น และการให้บริการแบบตัวกลางรูปแบบต่างๆ เช่น ดาวน์โหลดหนัง เพลง เกม การจองโรงแรม จะดำเนินการตามแนวทางของ 60 ประเทศทั่วโลก ที่สามารถซื้อสินค้าหรือบริการทางออนไลน์ได้สะดวกรวดเร็ว

ส่งผลให้ผู้ประกอบการในต่างประเทศมีรายได้ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย แต่กรมสรรพากรไม่สามารถจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้

เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมระหว่างผู้ประกอบการในประเทศและต่างประเทศ และเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มให้เหมาะสมกับรูปแบบการประกอบธุรกิจในปัจจุบัน

ครม.จึงเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่…) พ.ศ. … (การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ (e-Service)) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

โดยมีสาระสำคัญคือ

 

1.แก้ไขเพิ่มเติมบทนิยามคำว่า “สินค้า” หมายถึง ทรัพย์สินที่มีรูปร่างและไม่มีรูปร่างที่อาจมีราคาและถือเอาได้ ไม่ว่าจะมีไว้เพื่อขาย เพื่อใช้ หรือเพื่อการใดๆ และให้หมายรวมถึงสิ่งของทุกชนิดที่นำเข้า แต่ทั้งนี้ ไม่รวมถึงทรัพย์สินที่ไม่มีรูปร่างที่ส่งมอบโดยผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ตหรือเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์อื่นใด

และเพิ่มบทนิยามคำว่า “บริการอิเล็กทรอนิกส์” หมายถึง บริการที่ส่งมอบโดยผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ต หรือเครือข่ายทางอิเล็กทรอนิกส์อื่นใด และ “อิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์ม” หมายถึง ตลาด ช่องทาง หรือกระบวนการอื่นใดที่ผู้ให้บริการหลายรายใช้ในการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้รับบริการ

  1. กำหนดให้

1) ผู้ประกอบการที่ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศแก่ผู้ใช้ซึ่งไม่ใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียนในประเทศและมีการใช้บริการนั้นในประเทศ ซึ่งมีรายได้จากการให้บริการดังกล่าวเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ให้ยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และให้มีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มโดยคำนวณจากภาษีขายโดยไม่ให้หักภาษีซื้อ

2) สำหรับกรณีผู้ประกอบการต่างประเทศได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้รับบริการในประเทศไทยผ่านดิจิตอลแพลตฟอร์มต่างประเทศ กำหนดให้รายได้ที่ได้รับจากการให้บริการนั้นเป็นฐานภาษีมูลค่าเพิ่มของดิจิตอลแพลตฟอร์มต่างประเทศ ซึ่งหากดิจิตอลแพลตฟอร์มต่างประเทศมีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ให้ยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และให้มีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม

  1. กำหนดให้การดำเนินการเกี่ยวกับเอกสารหลักฐานหรือหนังสืออื่นใดตามประมวลรัษฎากรและการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม สามารถกระทำผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ได้
  2. กำหนดห้ามไม่ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียน ที่ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศออกใบกำกับภาษี

 

ทั้งนี้ พระราชบัญญัตินี้ได้จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ระหว่างวันที่ 14-29 มกราคม 2563

เผยแพร่ผลการรับฟังความคิดเห็นพร้อมรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมายให้ประชาชนได้รับทราบ และผ่านการตรวจพิจารณาจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ลำดับต่อไปคือ ส่งร่างพระราชบัญญัติให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา และประกาศในราชกิจจานุเบกษา

พร้อมทั้งกรมสรรพากรจะดำเนินการจัดทำคู่มือการใช้กฎหมายทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษแก่ผู้ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย

รวมถึงให้ข้อมูลตัวอย่างฐานภาษีของอิเล็กทรอนิกส์แต่ละลักษณะ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการปฏิบัติตามกฎหมาย

เมื่อร่างพระราชบัญญัติ e-Business บังคับใช้ ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มต่างประเทศต่างๆ ที่ให้บริการและมีรายได้ในไทยต้องมาจดทะเบียนเสียภาษีกับกรมสรรพากร ทำให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการและสามารถสร้างรายได้ให้กับรัฐ

ซึ่งคาดว่ากระทรวงการคลังจะจัดเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้นประมาณ 3,000 ล้านบาท

 

ในต่างประเทศการเก็บภาษีผู้ให้บริการดิจิตอล อย่างเช่น ในสหภาพยุโรป (อียู) ฝรั่งเศสได้ผ่านร่างกฎหมายแล้ว

โดยจะเรียกเก็บภาษี 3% จากบริษัทดิจิตอลใดๆ ที่มีชาวฝรั่งเศสเป็นผู้บริโภค

โดยบริษัทนั้นต้องมีรายได้รวมจากทั่วโลกมากกว่า 750 ล้านยูโร หรือประมาณ 25,000 ล้านบาท

และมีรายได้ในฝรั่งเศสอยู่ที่มากกว่า 25 ล้านยูโร หรือประมาณ 900 ล้านบาท

ออสเตรเลียและเกาหลีก็ใช้กฎหมายลักษณะนี้เช่นกัน

ซึ่งได้ผลมาแล้ว

 

พิเศษ! สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์, ศิลปวัฒนธรรม และเทคโนโลยีชาวบ้าน ลดราคาทันที 40% ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิ.ย. 63 เท่านั้น! คลิกดูรายละเอียดที่นี่