#รวมไทยสร้างชาติ / ฉบับประจำวันที่ 26 มิ.ย. – 2 ก.ค. 2563

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ประกาศแนวคิด “รวมไทยสร้างชาติ”
ออกมาอธิบายล่าสุดเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ว่า เป็นความร่วมมือแบบประชารัฐ ภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชน และประชาสังคมกลุ่มต่างๆ เคลื่อนไหวในเชิงสร้างสรรค์
“แนวคิดรวมไทยสร้างชาติมีมิติในการที่จะรวมคนไทยทุกกลุ่มเข้าด้วยกัน” พล.อ.ประยุทธ์ระบุ
แต่ยืนยันว่า ไม่ใช่หมายความว่ากลุ่มใดที่มีการกระทำผิดกฎหมายแล้วจะดึงเข้ามา
ซึ่งเท่ากับเป็นการสยบข่าวก่อนหน้านี้ว่าอาจมีการนิรโทษกรรมให้กับฝ่ายต่างๆ
โดย พล.อ.ประยุทธ์ย้ำว่า การมาร่วมกันนั้น ผู้ที่มาร่วม จะต้องให้คดีความจบสิ้นก่อน
“วันข้างหน้าหากมีการรับโทษกันแล้วก็จบ เพราะทุกคนก็เป็นคนไทยด้วยกัน แต่ถ้าไม่รับโทษแล้วจะทำอย่างไร อ้างเหตุผลอื่นมันไม่เหมาะ ผมไม่ได้รังเกียจใคร ไม่ได้เป็นศัตรู แต่อย่าจุดประเด็น (นิรโทษกรรม) ขึ้นมา ซึ่งมันไม่ใช่ประเด็น”
ซึ่งคงต้องติดตามว่า แนวคิด “รวมไทยสร้างชาติ” ที่จะถูกผนวกรวมเป็นยุทธศาสตร์ของชาตินี้
จะเป็นแนวคิดเดียวกับ “ขอให้รักสามัคคี ทำงานให้ดี ห้ามแตกแยก และให้เป็นหนึ่งเดียว” หรือไม่

ผู้ที่เอ่ยวลี “ขอให้รักสามัคคี ทำงานให้ดี ห้ามแตกแยก และให้เป็นหนึ่งเดียว” คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
กล่าวระหว่างที่แกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จำนวน 12 คนได้รวมตัวกันเข้าเทียบเชิญ พล.อ.ประวิตรให้ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค ที่ห้องประชุมของมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด
ซึ่ง พล.อ.ประวิตรได้ตอบรับ และเอ่ยวลีดังกล่าวออกมา
ส่วนจะเป็นจริงได้หรือไม่ ยังเป็นคำถามอยู่
เพราะเอาแค่พิธีกรรม เชิญ พล.อ.ประวิตรขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค
คนภายนอกก็มองเห็นรอยร้าวแล้ว
เนื่องจากเห็นการ “หายไป” ของฝ่ายกลุ่ม 4 กุมาร โดยเฉพาะนายอุตตม สาวนายน รักษาการหัวหน้าพรรค และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รักษาการเลขาธิการพรรค ที่ไม่ได้เข้าร่วม
ซึ่งนายวิรัช รัตนเศรษฐ ก็ยอมรับตรงๆ ว่า ไม่ได้มาร่วมเพราะไม่ได้เชิญ
ขณะนี้ทั้งคนในและคนนอก จึงกำลังจับตามองว่า ใครจะอยู่ใครจะไป
และตรงนี้ไม่ใช่เพียงเฉพาะภายในพรรค พปชร.เท่านั้น
พรรคร่วมรัฐบาล รวมถึงพรรคเล็ก ต่างก็พร้อมช่วงชิง ต่อรอง เพื่อที่เข้าไปมีส่วนในอำนาจทั้งสิ้น

คําประกาศของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ว่า รัฐบาลจะทำให้ดีที่สุด ให้สมกับที่ประชาชนไว้วางใจมา
รวมทั้งจะนำประเทศไปสู่นิวนอร์มอล ภายใต้ยุทธศาสตร์ “รวมไทยสร้างชาติ”
จะเป็นจริงเพียงใด การปรับคณะรัฐมนตรีที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจะเป็นคำตอบ
แต่ภาพที่ปรากฏต่อสาธารณะ ดังภาพที่สมาชิกพรรค พปชร.จับมือประสานไปอัญเชิญ พล.อ.ประวิตรขึ้นสู่หัวหน้าพรรค
ดูจะไม่ได้สร้างความหวังอะไรนัก
เพราะล้วนแต่เป็นคนหน้าเก่า
วิธีการต่อรอง แก่งแย่งอำนาจก็ยังวงเวียนอยู่ในแนวทางเก่าเช่นกัน
มิได้ปรากฏ “การปฏิรูป” การเมือง อย่างที่อวดอ้างมาตั้งแต่การยึดอำนาจจนถึงบัดนี้ แต่อย่างใด
———————