ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 14 - 20 เมษายน 2560 |
---|---|
คอลัมน์ | ของดีมีอยู่ |
เผยแพร่ |
ยังวนเวียนทำมาหากินอยู่กับเรื่องหนังสืออยู่เหมือนเดิมครับ
แต่คราวนี้มาเน้นๆ เนื้อๆ กับเล่ม “รายงานเกี่ยวด้วยสถานการณ์บางประการในกรุงนานกิง” ของพระยาอภิบาลราชไมตรี (ต่อม บุนนาค) เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงนานกิง
ซึ่งบันทึกเหตุการณ์ในช่วงที่พรรคคอมมิวนิสต์บุกเข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลก๊กมินตั๋งของจอมพลเจียงไคเช็ก เมื่อ ค.ศ.1932 หรือ พ.ศ.2475
ที่มูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา จัดพิมพ์ขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ
ประเด็นที่ทำให้บันทึกของเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศจีนคนสุดท้าย (ก่อนจะกลับมาสถาปนาความสัมพันธ์กันใหม่ในปี พ.ศ.2518) ฉบับนี้น่าสนใจ
เพราะความไม่เหมือนกับบันทึกของทูตที่ต้องรายงานต่อกระทรวงการต่างประเทศหรือรัฐบาลแบบทั่วไป
คือไม่ได้มีเฉพาะรายงานเหตุการณ์เท่านั้น
แต่ยังมีการใส่ความเห็น และข้อคิดวิเคราะห์แบบคนที่ผ่านโลกมาจัดเจนแล้วลงไปด้วย
ตรงนี้ต้องเข้าใจภูมิหลังท่านเจ้าคุณก่อนว่า
สมัยที่รัฐบาลส่งท่านไปเป็นเอกอัครราชทูตที่กรุงนานกิงนั้น ท่านอายุ 64 ปีแล้ว เกษียณจากราชการปกติแล้ว
แต่ยุคนั้น (และโดยเฉพาะสถานการณ์ช่วงนั้น-ประเทศนั้น) การคัดเลือกทูตไปประจำบางตำแหน่งบางประเทศ
เป็นการตัดสินใจของฝ่ายการเมือง มิใช่กำหนดโดยข้าราชการประจำแบบสถานการณ์ปกติ
ที่น่าสนใจก็คือ เจ้าคุณอภิบาลราชไมตรีนั้น เป็นเนติบัณฑิตอังกฤษ เคยเป็นผู้พิพากษา เคยเป็นสมุหพระราชมณเฑียร
ก่อนจะโอนย้ายออกมาอยู่กระทรวงการต่างประเทศ
เป็นเอกอัครราชทูตอิตาลี สเปน และโปรตุเกส
และเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน
ถือว่าไม่ธรรมดา
การถูกคัดมาเป็นทูตจีนในช่วงหลังสงครามโลกใหม่ๆ ทั้งที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว
ยิ่งชี้ให้เห็นว่าไม่ธรรมดา
ในบันทึกที่ท่านรายงานเสนอกระทรวงผ่านต่อไปยังนายกรัฐมนตรีนั้น แยกเป็น 6 หัวข้อใหญ่
3 ตอนแรกเป็นรายงานข้อเท็จจริง คือก่อนคอมมิวนิสต์ยึดกรุงนานกิง เมื่อยึดได้แล้ว และคณะทูตมีผลกระทบอย่างไร
อีก 3 ข้อหลังเป็นบทวิเคราะห์และความเห็น คือเหตุใดก๊กมินตั๋งถึงแพ้คอมมิวนิสต์ ปัญหาคอมมิวนิสต์ในไทย และควรรับรองรัฐบาลคอมมิวนิสต์จีนหรือไม่
ขออนุญาตตัดตอนมาเฉพาะส่วนหลัง และคัดเนื้อความที่สรุปมาแล้วโดย คุณพจน์ สารสิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในขณะนั้น
ปัญหาว่าทำไมก๊กมินตั๋งถึงแพ้
ข้อวิเคราะห์คือ เมื่อครองอำนาจแล้ว ข้าราชการระดับสูงก๊กมินตั๋งกลายเป็นนายทุน กอบโกยเอาผลประโยชน์ส่วนตัว แม้กระทั่งเงินและอาวุธที่สหรัฐอเมริกาช่วยเหลือมา
เมื่อระดับสูงโกงกันออกหน้าออกตา ทหารระดับล่างก็ไม่มีกำลังใจสู้รบ
ปัญหาว่าคอมมิวนิสต์จีนจะขยายอิทธิพลถึงไทยหรือไม่
ข้อวิเคราะห์คือ ปัญหาของจีนเองก็เยอะอยู่แล้ว คงส่งทหารเข้ามารุกรานไทยไม่ได้
แต่น่าจะใช้วิธียุแหย่ให้แตกแยก และก่อความไม่สงบในประเทศ
อันเป็นวิธีที่โซเวียตใช้ได้ผลมาแล้วในยุโรปตะวันออก
ปัญหาการรับรองรัฐบาลคอมมิวนิสต์
ให้รอดูท่าทีมหาอำนาจอย่างอังกฤษและสหรัฐอเมริกาไปก่อน แต่เชื่อว่าอังกฤษจะรับรองจีนก่อนสหรัฐ เพราะมีผลประโยชน์อยู่ในจีนมากกว่า
และมีแนวโน้มว่าจีนกับโซเวียตจะแตกกันในไม่ช้า
ข้อหลังนี้ตรงเผงทีเดียว
อ่านหนังสือเล่มนี้จบ
นอกจากจะค่อยๆ ขบ ค่อยๆ เคี้ยวความคิดความสุขุมของท่านผู้ใหญ่สมัยนั้นแล้ว
ยังมีคำถามอีกข้อว่า
กระทรวงการต่างประเทศคิดจะจัดให้หนังสือเล่มนี้เป็นหนึ่งในคู่มือที่ทูตหรือข้าราชการระดับสูง “ควรอ่าน” หรือไม่
แล้วพลอยคิดต่อไปอีกว่า อย่างนั้นแล้วหนังสือทำนองเดียวกัน ที่จะสร้างความรู้ความเข้าใจกับโลกนี้ เช่น “สีจิ้นผิง ยุทธศาสตร์การบริหารประเทศ” หรือเล่มอื่นๆ
ท่านจะสนใจแค่ไหน
ถ้าท่านทำแล้วก็ขออภัย
แต่กลัวอยู่แต่ว่าระบบราชการไทยนั้นจะไม่หนีกันเท่าไหร่
เช่น บางหน่วยงานมีเงินสร้างห้องสมุด 600 ล้าน แต่ดันร่อนจดหมายขอรับบริจาคหนังสือจากสำนักพิมพ์ต่างๆ
เรื่องเอากระพี้ไม่เอาแก่นเนี่ย
ระบบราชการไทยไม่เป็นรองใครในโลก