73 ปี วินัย พันธุรักษ์ : “ผมโชคดีได้ทำในสิ่งที่รักทุกอย่าง”

วันนี้ “วินัย พันธุรักษ์” (ชื่อเล่น ต๋อย) อดีตผู้ก่อตั้งวงดิอิมพอสซิเบิล วัย 73 ปี ยังคงหุ่นดี

กระฉับกระเฉง สุขภาพสมบูรณ์ สามารถขับรถไปไหนมาไหนด้วยตัวเอง

ในวันที่สนทนากันนั้น เจ้าตัวบอกว่ารางวัลที่เพิ่งได้รับเมื่อต้นปีที่ผ่านมา คือรางวัลศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ขับร้อง-เพลงไทยสากล) ประจำปี 2562 เป็นรางวัลที่ภาคภูมิใจที่สุดในชีวิต อีกทั้งยังมีคำว่า “ดร.” นำหน้า (ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง)

นอกจากนี้ ทำให้ได้รู้ว่าเขาไม่ใช่นักร้องที่ขับกล่อมเสียงเพลงให้แฟนๆ ได้ฟังอย่างเดียว แต่ในช่วงบั้นปลายของชีวิต ยังมีงานหลายอย่างที่ทำ เช่น เป็นวิทยากรและเป็นอาจารย์พิเศษสอนดุริยางคศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม จ.พิษณุโลก, ที่คณะศิลปกรรม จุฬาฯ และสอนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงด้วย

และเคยนั่งเก้าอี้นายกสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์อยู่สมัยหนึ่ง

ช่วง 60 กว่าปีที่ “วินัย” โลดแล่นอยู่ในวงการเพลงตั้งแต่ปี 2500 เป็นต้นมา เขาเล่าว่า

“จากประสบการณ์ที่ผ่านมา 60 กว่าปี ผมโชคดีได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักหมดแล้ว โดยช่วงแรกได้แชมป์จากเวทีประกวดร้องเพลงที่ภูเขาทอง เวทีเดียวกับที่เพ็ญศรี พุ่มชูศรี อดีตนักร้องชื่อดังได้แชมป์ก่อนหน้านี้ ในช่วงวัยรุ่นอยากเล่นดนตรีก็ได้เล่น อยากร้องเพลงก็ได้ร้อง และก็ได้สตางค์ แม้ไม่ได้มากมาย แต่มันเป็นความสุข”

 

“วินัย” ถือเป็นศิษย์รักอีกคนของครูพยงค์ มุกดา เริ่มเล่นดนตรีตั้งแต่อายุ 14 ปี โดยเป็นนักร้องเด็กในวงดนตรีของครูพยงค์ และเป็นนักร้องที่อยู่ในแวดวงเพลงมาหลายยุคหลายสมัย มีเพื่อนร่วมวงดิอิมพอสซิเบิล อย่าง “เต๋อ” เรวัต พุฒินันทน์ (เสียชีวิตไปแล้ว) และ “ต้อย” เศรษฐา ศิระฉายา เคยไปร้องเพลงในไนต์คลับ และในช่วงสงครามเวียดนามก็เคยไปร้องเพลงในแคมป์ของทหารอเมริกัน ทำให้ได้รับประสบการณ์ดีๆ

“ช่วงมีสงครามเวียดนาม จะมีแคมป์ทหารจีไอมากอยู่ มาอยู่ตาคลี จ.นครสวรรค์, อุบลฯ, อุดรฯ หรือแม้กระทั่ง จ.สมุทรปราการ ผมมีโอกาสได้ไปเล่นในแคมป์พวกนี้ด้วย เล่นให้ฝรั่งฟัง ซึ่งในถนนเพชรบุรีตัดใหม่ บางช่วงมีบาร์มีคลับมากมาย ผมได้เข้าเล่นในบาร์ โดยในบริเวณใกล้ๆ โรงเรียนดอนบอสโกมีคลับสองคูหา เย็นๆ มีจีไอมาเต้นรำ มาดื่ม”

“บางครั้งฝรั่งที่เขาติดใจเราก็นำแผ่นเสียงใหม่ๆ มาให้เราต่อ บางทีเขาจดเนื้อเพลงมาให้ด้วย พอเราเล่นเขาก็ดีใจ ทำให้ได้ศึกษาเพลงใหม่ๆ ไปด้วย”

ศิลปินแห่งชาติผู้นี้บอกไม่รู้ว่าเสียงของตัวเองมีจุดเด่นตรงไหน แต่คิดว่าเสียงที่ร้องเป็นซิกเนเจอร์ที่คนฟังจำได้

“ผมไม่คิดว่าเสียงเราโดดเด่นอะไร แต่เราทำในสิ่งที่รัก ผลที่ออกไปจากตัวงานของเรา จะประสบความสำเร็จหรือไม่ ขึ้นอยู่กับผลตอบรับของแฟนเพลงให้การตอบรับไหม ถ้าเขาตอบรับ แสดงว่าเขาชอบ เขานิยม ยกตัวอย่าง เช่น เพลงสิ้นกลิ่นดิน, หรือเพลงโฉมยง เป็นเพลงง่ายๆ แต่ว่าเป็นเพลงที่ติดหู หรือเพลงไหนว่าจะจำ และก็มีชู้ทางใจ, แม่ยอดรัก, ชำมะเลียง, วค.รอรัก เป็นเพลงที่ร้องตั้งแต่ปี 2522 แล้ว ไปร้องที่ไหนแฟนเพลงก็จะขอเพลงเหล่านี้”

ถามว่า ชอบเสียงของนักร้องคนไหน ศิลปินแห่งชาติผู้นี้ตอบว่า

“ผมไม่ค่อยได้ฟังเท่าไหร่ คือ หนึ่ง เราอายุมากแล้ว ส่วนตัวคิดว่าการร้องเพลงเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง จะร้องแบบไหนก็เป็นเรื่องเป็นสไตล์ของเขา แต่การใช้ภาษาควรให้ถูกต้อง อย่าไปบิดเบือน ผมมองว่านักร้องรุ่นใหม่ ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเรื่องการใช้ภาษา ทั้งในเรื่องควบกล้ำ ร-เรือ ล-ลิง และการใช้เสียงสระ”

แม้จะอายุเลยเลข 7 มาแล้ว แต่ถ้าใครได้ฟังเสียงร้องเพลงของอดีตสมาชิกวงดิอิมพอสซิเบิลรายนี้ ย่อมพูดตรงกันว่า เสียงไม่เปลี่ยนเลย

“ถ้าร่างกายเราสมบูรณ์ เสียงจะออกเป็นธรรมชาติ แต่ถ้าเกิดอาการเจ็บป่วยขึ้น เช่น เจ็บคอ หลอดลมอักเสบ คือไม่ปกติแล้ว ฉะนั้น พยายามอย่าให้เป็นหวัด หรือถ้าเป็นก็พยายามรักษาให้หายโดยเร็ว และการพักผ่อนสำคัญที่สุด พวกแอลกอฮอล์ พวกบุหรี่ ทำให้คอแห้ง ผมเองไม่ดื่มและไม่สูบบุหรี่ ทำให้ปอดยังดี”

“วินัย” เป็นนักร้องรุ่นใหญ่อีกคนที่สนใจพุทธศาสนาถึงขั้นไปบวชที่พุทธคยา ประเทศอินเดีย

ดังที่เขาแจงว่า

“ผมไปบวชเมื่อต้นปี 2561 ที่พุทธคยา เพราะเราเป็นชาวพุทธ เกิดมาในสังคมของชาวพุทธ กิจกรรมอะไรที่ทำในแนวของพุทธเราก็ไปร่วมด้วย เราต้องเดินสายกลางอย่างที่พระพุทธเจ้าทรงบอก มัชฌิมาปฏิปทา เดินสายกลาง ไม่มากไป ไม่น้อยไป ที่สำคัญคือให้เป็นคนดี เราอยู่ในสังคมก็ต้องช่วยสังคม อย่าทำลายสังคม”

ในวัย 73 ปีนี้ “วินัย” ระบุว่า ที่ผ่านมามีปัญหาสุขภาพ เข้าขั้นสาหัส

“เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ผมไตวายเฉียบพลัน เกือบเอาชีวิตไม่รอด และรักษาอยู่ประมาณ 4 เดือน หลังจากนั้นมาก็ฟื้นตัวขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันผมก็แข็งแรง เพราะปฏิบัติตัว รักษาตัวตามที่แพทย์บอก กินยา หาหมอ ตามเวลาที่นัดหมาย แล้วพักผ่อน ปล่อยวาง ไม่เครียด ชีวิตมันไม่มีอะไร ถึงเวลาที่จะหมดอายุก็หมดด้วยธรรมชาติของมันเอง แต่ทุกคนล้วนอยากจะมีชีวิตยืนยาว”

“ไตวายของผมเกิดจากเบาหวาน บวมทั้งตัว ผมฟอกไตอยู่ประมาณ 3 เดือนกว่า ผมอาจโชคดีที่ฟื้นตัวมาได้อย่างนี้ ขับรถได้ ร้องเพลงได้ ไปไหนได้ด้วยสติสัมปชัญญะต่างๆ ตอนนี้ไม่เป็นเบาหวาน กลับมาเป็นปกติแล้ว”

“ส่วนเรื่องออกกำลังกายผมไม่ค่อยได้จริงจังอะไร ใช้วิธีกวาดบ้าน กวาดรั้ว และเดินไปเดินมา”

วกมาคุยเรื่องครอบครัวกันบ้าง “วินัย” บอก มีลูกชาย 2 คน คนโตชื่อ “วิติวัติ” อยู่ในวงการเพลง แต่งเพลง และรับทำดนตรี แต่งงานแล้ว แต่ยังไม่มีลูก

ส่วนคนน้อง “กาญจน์กันต์” ทำงานบริษัทเอกชน นอกจากนี้ เขายังเปิดบริษัทชื่อพันธุรักษ์โปรโมชั่น ทำเกี่ยวกับระบบแสง ระบบเสียง และดนตรี ตั้งแต่ปี 2525 ปัจจุบันหลานๆ เป็นคนช่วยกันดูแล เพราะลูกชาย 2 คนไม่ทำ

“วินัย” บอกว่า เป็นคนชอบเรื่องระบบไฟมานานแล้ว หมอดูที่ จ.นครปฐม เคยทำนายว่าต้องทำงานเกี่ยวกับไฟฟ้าถึงจะดี ซึ่งหมอดูก็ไม่รู้ว่าตนเองเป็นนักร้อง

“ผมตั้งบริษัททำระบบแสง ระบบเสียงและดนตรีมาตั้งแต่ปี 2525 ทำควบคู่กับการเป็นนักร้อง เพราะการที่จะทำอะไรเราต้องรู้เรื่องในสิ่งที่เราจะทำ อย่างผมทำดนตรี นักดนตรีไม่มา กลองไม่มา ผมก็ไปตีกลอง คนเปียโนไม่มาผมก็ไปเล่น ผมทำได้หมด”

นับเป็นนักร้องรุ่นใหญ่อีกคนที่ยังคงขึ้นเวทีร้องให้แฟนๆ ฟัง และยังนำความรู้ความสามารถในด้านดนตรีถ่ายทอดให้กับคนรุ่นหลัง สมกับที่ได้รับการยกย่องเป็น “ศิลปินแห่งชาติ”