ยานยนต์ สุดสัปดาห์/สันติ จิรพรพนิต /2 ตัวเลือกรถสปอร์ตสุดจี๊ด ‘เลอวานเต้’ VS ‘พานาเมร่า’

สันติ จิรพรพนิต

ยานยนต์ สุดสัปดาห์/สันติ จิรพรพนิต [email protected]

2 ตัวเลือกรถสปอร์ตสุดจี๊ด

‘เลอวานเต้’ VS ‘พานาเมร่า’

แม้ถือว่าเป็นรถคนละระดับกันเลยหากเปรียบเทียบที่ราคา แต่เนื่องจาก 2 ค่ายรถสปอร์ตสุดฮอตเปิดตัวไล่เลี่ยกัน จึงขอนำมาลงในฉบับเดียวกันเลย

นั่นคือมาเซราติ “เลอวานเต้ โทรเฟโอ ลอนช์ เอดิชั่น” และปอร์เช่ “พานาเมร่า” รุ่นพิเศษฉลอง 10 ปี (Porsche Panamera 10 Years Edition)

มาที่ตัวแรงกันก่อนกับ “เลอวานเต้” เป็นไฮลักชัวรี่เอสยูวี สีพิเศษ Blu Emozione Matte ผสานชุดแต่ง Nerissimo Package

เอสยูวีพันธุ์หรูที่แรงและเร็วสุดในโลก

ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 100 คันทั่วโลก ไทยได้โควต้าเพียง 1 คัน นำเข้าโดย “มาเซราติ ประเทศไทย”

ภายนอกใช้เส้นสายที่โดดเด่น มีความสปอร์ตเพิ่มขึ้น ไฟหน้าฟูลเมทริกซ์แอลอีดี กระจังหน้าทรงตั้งสีดำเปียโนแบล็ก พร้อมช่องดักลมแบบตาข่ายด้านล่าง

ช่องดักอากาศด้านข้างบริเวณส่วนล่างของกระจังหน้า ปรับแต่งใหม่ให้มีรูปลักษณ์ดุดันขึ้น มีลักษณะคล้ายปีก รีดอากาศให้กดลงบนล้อคู่หน้า เพิ่มเสถียรภาพช่วงความเร็วสูง

ฝากระโปรงหน้าคาร์บอนไฟเบอร์พร้อมช่องระบายอากาศ

มุมมองด้านหลังดูบึกบึนและกว้างขึ้น ติดตั้งโลโก้สัญลักษณ์ “Saetta Trofeo” บริเวณเสาซี พร้อมตกแต่งด้วยเพลตคาร์บอนไฟเบอร์

สปอยเลอร์กันชนหลังสีเดียวกับตัวถัง ล้อมรอบปลายท่อไอเสียแบบคู่ ยิงออก 2 ฝั่ง

ล้อแม็กซ์ฟอร์จ “Orione” พ่นสีด้าน ขอบ 22 นิ้ว และยางคอนติเนนทอล Sport Contact 6 คู่หน้า 265/35 คู่หลัง 295/30

ห้องโดยสารสุดหรูตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ผิวด้าน ติดตั้งป้ายโลหะนัมเบอร์ “1 ถึง 100” บริเวณคอนโซลกลาง เพื่อให้รู้ว่าผลิตเป็นคันที่เท่าไหร่

เพิ่มกราฟิก “Trofeo” บนจอแสดงผลอเนกประสงค์

เบาะทรงสปอร์ตหุ้มหนังแท้ “Pieno Fiore” ผิวที่นุ่มนวล และลวดลายธรรมชาติมีให้เลือกทั้งสีดำ, แดง หรือน้ำตาลอ่อน เย็บตะเข็บด้วยเส้นด้ายสีตัดกัน พร้อมปักโลโก้ “Trofeo” บริเวณหมอนรองศีรษะ

ชุดเครื่องเสียงพรีเมียมเซอร์ราวด์ Bowers & Wilkins 1,280 วัตต์ 17 ลำโพง

 

ขุมพลังคือพระเอกของรุ่นนี้แรงสุดในประวัติศาสตร์ของมาเซราติ

เครื่องยนต์เบนซิน วี 8 สูบ ความจุ 3.8 ลิตร เทอร์โบคู่ ปรับแต่งอุปกรณ์ภายในฝาสูบและเสื้อสูบ พร้อมจูนกล่องอีซียูใหม่

ให้กำลังสูงถึง 590 แรงม้า ที่ 6,250 รอบ/นาที แรงบิด 730 นิวตัน-เมตร ที่ 2,250-5,000 รอบ/นาที

ทำงานร่วมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะ Q4

อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 3.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 304 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ฝาครอบเครื่องยนต์ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์มันวาว พร้อมสัญลักษณ์ V8 และโลโก้ตรีศูล ส่วนฝาสูบและท่อไอดีก็ถูกพ่นสีแดงให้ดูสปอร์ต

ช่วงล่างหน้าดับเบิลวิชโบน หลังมัลติ-ลิงก์ ที่ผ่านการปรับแต่งอย่างละเอียด ใช้ชุดเบรก Brembo

การขับขี่เลือกได้ 5 โหมด 4 โหมดเดิมประกอบด้วย Normal, I.C.E., Sport และ Off-Road

ที่เพิ่มเข้ามาใหม่คือ “Corsa” เพิ่มการตอบสนองของคันเร่ง, เกียร์, ลดความสูงช่วงล่าง และปรับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Q4 ให้เหมาะกับการทำความเร็วสูงสุด

สนนราคา 20.49 ล้านบาท หากบวก PMP (Premium Maintenance Program) 500,000 บาท รวมเป็น 20.99 ล้านบาท

มาเซราติ ประเทศไทย นำไปอวดโฉมที่งาน “MGC-ASIA AUTO FEST 2020” ตั้งแต่วันนี้-28 มิถุนายนนี้ ที่สยามพารากอน

 

ส่วนปอร์เช่ พานาเมร่า รุ่นฉลองครบรอบ 10 ปีเก๋งสปอร์ต 4 ประตู เป็นเจเนอเรชั่นที่ 2 เปิดตัวเมื่อกลางปี 2016 นอกจากนี้ยังมีรุ่นตัวถังใหม่ “พานาเมร่า สปอร์ต ทัวริสโม่”

ส่วนรุ่นพิเศษนี้ฉลองครบรอบ 10 ปี ของตระกูลนี้เพราะเปิดตัวเมื่อปี 2009

ยังคงการออกแบบสไตล์สปอร์ต ไฟหน้า LED matrix ซึ่งรวมเอาระบบ PDLS Plus

ล้ออัลลอยใหม่ขนาด 21 นิ้ว ลาย Panamera Sport Design สี satin-gloss White Gold Metallic และตราสัญลักษณ์ “Panamera10” สี White Gold Metallic ติดตั้งบนประตูหน้าทั้ง 2 ฝั่ง ที่มีเฉพาะรุ่นนี้เท่านั้น

นอกจากนี้ ตราสัญลักษณ์ 10 ปี ยังติดตั้งภายในห้องโดยสารบริเวณแผงคอนโซล ฝั่งผู้โดยสารตอนหน้า และบนแผ่นปิดธรณีประตู

งานตกแต่งภายในเน้นความเรียบหรู ประดับด้วยหนังแท้สีดำคุณภาพสูง เดินตะเข็บสี White Gold

หน้าจอแสดงผลความละเอียดสูง พร้อมฟังก์ชั่นควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ ในตัวรถด้วยระบบสัมผัส

ระบบหลังคากระจกพาโนรามิก กระจกตัดแสง privacy glass เบาะนั่งปรับระดับด้วยไฟฟ้า 14 ทิศทางพร้อมระบบปรับอุณหภูมิเบาะ ประทับตราสัญลักษณ์ปอร์เช่ บริเวณหมอนรองศีรษะ

ระบบประตูดูด soft-close วิทยุ digital และระบบเครื่องเสียงรอบทิศทาง BOSE Surround Sound

 

เครื่องยนต์มีให้เลือกทั้งด้วยเบนซิน ไบเทอร์โบ ความจุ 2.9 ลิตร กำลังสูงสุด 330 แรงม้า

และปอร์เช่ พานาเมร่า 4 E-Hybrid เครื่องยนต์เบนซิน ไบเทอร์โบ ความจุ 2.9 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 136 แรงม้า เมื่อทำงานควบคู่กันสามารถให้พละกำลังสูงสุดกว่า 462 แรงม้า

ระบบช่วงล่างถุงลมปรับระดับอัตโนมัติ adaptive three-chamber air suspension ซึ่งรวมเอาระบบควบคุม เสถียรภาพ Porsche Active Suspension Management (PASM) และระบบพวงมาลัย Power Steering Plus เอาไว้ด้วยกัน

มาพร้อมอุปกรณ์อำนวยและเสริมความปลอดภัยเพิ่มเติมหลากหลายรายการ อาทิ ระบบ Lane Change Assist และ Lane Keeping Assist พร้อมระบบแจ้งเตือนสัญญาณจราจร traffic sign recognition ระบบช่วยเหลือการจอด Park Assist พร้อมกล้องมองหลัง

ระบบช่วยเลี้ยวล้อหลัง rear-axle steering

และระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ด้วยอิเล็กทรอนิกส์ PDCC Sport electromechanical roll stabilisation ฯลฯ

ราคา 8.5 ล้านบาท

 

พิเศษ! สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์, ศิลปวัฒนธรรม และเทคโนโลยีชาวบ้าน ลดราคาทันที 40% ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิ.ย. 63 เท่านั้น! คลิกดูรายละเอียดที่นี่