เปิดหลักฐานวงจรปิดมัด 4 โจ๋รุมโทรม น.ร.พาณิชย์ แฉมอมยาเลิฟก่อนลงมือ บช.น.ลุยเอาผิดโรงแรม

จับกุม4โจ๋

เป็นอีกคดีสลด ที่ถือเป็นภัยสังคมยุคนี้

สำหรับกรณีนักเรียนสาวพาณิชย์ วัยเพียง 19 ปี ที่ถูกกลุ่มชายที่เพิ่งรู้จักทางโซเชียลมีเดีย ล่อลวงไปร่วมงานปาร์ตี้ ก่อนที่จะมอมยาพาเข้าโรงแรม แล้วชายทั้ง 4 ก็รุมโทรมเธอจนตาย

แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะจับคนร้ายได้ทันควัน

เรื่องนี้ก็ขยายผลไปเป็นคำถามในสังคมว่าควรจะมีวิธีอย่างไรที่จะจัดการกับการล่อลวงผ่านโซเชียลมีเดีย

พร้อมขยายผลถึงผู้ประกอบการโรงแรมที่เห็นความไม่ชอบมาพากลตั้งแต่แรก

แต่กลับเพิกเฉย ปล่อยให้เกิดความสูญเสียขึ้น

ควรร่วมรับผิดชอบ และต้องจัดระเบียบอย่างไรหรือไม่

รวบ พนง. โรงแรม
รวบ พนง. โรงแรม

พลิกนาทีรุมโทรม น.ร.พาณิชย์

เหตุสลดครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 3 สิงหาคม เมื่อพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ รับแจ้งเหตุมีผู้เสียชีวิตอยู่ภายในห้องพักเลขที่ 1216 ชั้น 12 โรงแรมแห่งหนึ่งในซอยพหลโยธิน 11

เมื่อเข้าไปตรวจสอบพบศพ น.ส.ฝ้าย (นามสมมติ) อายุ 19 ปี นักเรียนโรงเรียนพาณิชย์ชื่อดังแห่งหนึ่ง เสียชีวิตอยู่ในห้องดังกล่าว โดยสภาพศพนอนหงาย สวมเสื้อและกระโปรงสีแดงอยู่ปลายเตียงด้านล่าง หันศีรษะไปด้านประตูทางออก ตรวจสอบไม่พบร่องรอยการต่อสู้ จึงแจ้งแพทย์นิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ส่งตรวจสอบ ซึ่งพบว่าสาเหตุเกิดจากหัวใจล้มเหลว

นอกจากนี้ ภายในปากยังพบยาเม็ดสีครีม ลักษณะกลมแบนซุกอยู่ใต้ลิ้น เมื่อนำไปตรวจสอบก็พบว่าเป็นยาเลิฟ หรือยาปลุกเซ็กซ์

ที่เกิดเหตุยังพบ นายคณากร หรือ มาร์ค ทองเอม อายุ 19 ปี ซึ่งอ้างตัวเป็นเพื่อนชาย โดยน้องฝ้ายเป็นแฟนสาว และเป็นผู้แจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาช่วยปั๊มหัวใจแต่ไม่สำเร็จ

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่พบพิรุธหลายอย่าง จึงควบคุมตัวนายคณากร มาสอบสวน พร้อมตรวจสอบกล้องวงจรปิดจากโรงแรมดังกล่าวและบริเวณใกล้เคียง

และแล้วก็พบพิรุธว่า ก่อนเกิดเหตุน้องฝ้ายไม่ได้เดินทางไปที่โรงแรมดังกล่าวเพียงคนเดียว

แต่ยังมีผู้ชายอีก 4 คน พาน้องฝ้ายเข้าไป ในลักษณะหิ้วปีก ขณะที่หญิงสาวอยู่ในสภาพสะลึมสะลือไม่ได้สติ

จึงเชิญทั้ง 4 ซึ่งประกอบด้วย นายคณากร นายคงกระพัน สังข์มีน้อย อายุ 21 ปี นายธวัชชัย บุบผามะตะนัง อายุ 28 ปี และ นายเขตตะวัน วิวัฒนานนท์ อายุ 21 ปี ซึ่งเบื้องต้นให้การปฏิเสธ ไม่รู้เห็น

แต่สุดท้ายเมื่อเจ้าหน้าที่งัดคลิปวงจรปิดภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ทั้งหมดดู

ทั้ง 4 คนก็ยอมรับสารภาพว่าชักชวนน้องฝ้ายมาร่วมดื่มกินสุราร่วมกัน แล้วจึงไปเปิดห้องที่โรงแรมเกิดเหตุ จากนั้นพาน้องฝ้ายเข้าห้อง แล้วมีเพศสัมพันธ์กับผู้ตายในลักษณะรุมโทรม จนต่อมาพบว่าน้องฝ้ายเสียชีวิตไปแล้ว

แต่ยังคงปฏิเสธว่ามอมยาน้องฝ้ายก่อนลงมือ

ซึ่งเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องค้นหาความจริงต่อไป

วงจรปิดขณะจองห้อง - พาเหยื่อเข้าโรงแรม
วงจรปิดขณะจองห้อง – พาเหยื่อเข้าโรงแรม

เปิดวงจรปิดมัด 4 โจ๋สารภาพ

สําหรับหลักฐานที่ทำให้คนร้ายทั้ง 4 จนมุม ก็คือวงจรปิดจับภาพเหตุการณ์ตั้งแต่ปากซอยอินทามระ 7 ช่วงเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 2 สิงหาคม จับภาพเห็นน้องฝ้ายนั่งแท็กซี่มาลง โดยมีนายคณากร หรือมาร์ค เป็นผู้ขี่จักรยานยนต์มารอรับ

จากนั้นจึงพาน้องฝ้ายไปซื้อของในร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น ปากซอยอินทามระ 9 ก่อนจะพาผู้ตายไปบ้านพักที่อยู่ภายในซอยดังกล่าว โดยภายในบ้านมีนายคงกระพัน นายเขตตะวัน และนายธวัชชัย นั่งดื่มสุรากันก่อนหน้านี้

จนกระทั่งช่วงประมาณตี 5 นายคงกระพันและนายเขตตะวัน พากันไปเปิดห้องพักในโรงแรมที่เกิดเหตุ แล้วย้อนกลับไปบ้านพักเพื่อพาน้องฝ้ายไปยังโรงแรมโดยขี่จักรยานยนต์ 2 คัน คันแรกมีนายธวัชชัย เป็นผู้ขี่ น้องฝ้ายนั่งกลาง และนายคงกระพันซ้อนท้ายประกบ อีกคันเป็นนายคณากรและนายเขตตะวันขี่ตามมา

เมื่อไปถึงโรงแรม ทั้งหมดก็ประคองน้องฝ้ายเข้ามาทางประตูด้านข้างของโรงแรม แล้วพาขึ้นห้องพักไป จากนั้นอีกประมาณ 1 ชั่วโมง นายคงกระพัน นายธวัชชัย และนายเขตตะวัน จะออกมาจากห้องพัก ปล่อยให้นายคณากร อยู่กับผู้ตาย

จนกระทั่งเวลา 15.30 น. นายคณากร จะปลุกน้องฝ้าย แต่กลับพบว่าตัวแข็ง จึงแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าช่วยเหลือ

โดยนายคณากร ยอมรับว่าได้รู้จักกับน้องฝ้ายมาเพียง 2 วันผ่านโปรแกรมเฟซบุ๊ก จนกระทั่งวันเกิดเหตุก็แชตชวนมาร่วมกันปาร์ตี้ที่บ้าน จากนั้นจึงไปเปิดโรงแรมแล้วมีเพศสัมพันธ์กัน รวมทั้งเพื่อนอีก 3 คนด้วย

ด้าน พล.ต.ต.เจริญ ศรีศศลักษณ์ ผบก.น.2 กล่าวว่า จากการสอบปากคำและสอบพยานแวดล้อม เชื่อได้ว่าการก่อเหตุทั้งหมดเป็นการวางแผนของกลุ่มผู้ต้องหา ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ตาย ตั้งแต่การนัดหมายมาพบปะ ชวนไปดื่มกิน ให้อีกกลุ่มหนึ่งไปเปิดห้องโรงแรมรอ แล้วจึงพาผู้ตายในสภาพที่ไม่อาจขัดขืนได้เข้าไปในห้องพัก ก่อเหตุลักษณะโทรมหญิง

จึงแจ้งข้อหาความผิดร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ อันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง จนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย

ขณะที่ขอเตือนผู้ปกครองและวัยรุ่นให้ระมัดระวังการติดต่อสื่อสารกับคนแปลกหน้าในโลกโซเชียล

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของผู้ต้องหาทั้งหมดพบว่า นายคณากร หรือมาร์ค และนายธวัชชัย ไม่มีประวัติต้องคดี ส่วนนายคงกระพัน เคยถูกจับกุมข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ท้องที่ สน.ห้วยขวาง คดีอาญาที่ 828/2557 เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2557 นายเขตตะวัน ถูกจับกุมข้อหาครอบครองกัญชา ท้องที่ สน.บางซื่อ คดีอาญาที่ 1225/2558 เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2558

และแม้ทั้งหมดให้การว่าเพิ่งก่อเหตุเป็นครั้งแรก แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ปักใจเชื่อ

จึงขอให้ผู้เสียหายรายใด ที่เคยตกเป็นเหยื่อของกลุ่มโจ๋กลุ่มนี้ สามารถเข้าแจ้งความดำเนินคดีได้ที่ สน.บางซื่อ

1470541213_รวมรุมโทรม

ฮึ่มจัดระเบียบ-เอาผิดโรงแรม

ท่ามกลางความสูญเสียเช่นนี้ ส่งผลให้เกิดคำถามต่อโรงแรมที่เกิดเหตุว่าเหตุใดถึงไม่สอบถามทักท้วง หรือแจ้งเจ้าหน้าที่เมื่อพบหญิงสาววัยรุ่นถูกพาขึ้นห้องโดยชายถึง 4 คน แถมเหยื่อสาวยังอยู่ในสภาพไม่มีสติ ต้องหิ้วปีกกันเข้าไป

เรื่องนี้ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. สั่งการให้สอบข้อเท็จจริงทั้งหมด รวมทั้งให้นำตัวพนักงานโรงแรมดังกล่าวมาสอบสวนเรื่องการปล่อยปละละเลย เพราะหากเจ้าหน้าที่โรงแรมพบเห็นสิ่งผิดสังเกตแล้วแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ เหตุสลดดังกล่าวคงไม่เกิดขึ้น

หากพบว่ามีการละเลย หรือมีลักษณะเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ก็จะต้องดำเนินการทางกฎหมาย เพราะถือว่าเข้าข่ายเป็นผู้สนับสนุน ซึ่งมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 86

นอกจากนี้ ยังสั่งการไปยังทุกกองบังคับการ ให้สำรวจโรงแรม ที่พัก อพาร์ตเมนต์ รีสอร์ต ที่เปิดให้เช่าทั้งแบบชั่วคราวและระยะยาว หากเกิดลักษณะดังที่กลุ่มคนร้ายทำ ต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบทันที จะปฏิเสธไม่รู้เห็นไม่ได้ และหากไม่ให้ความร่วมมือก็จะต้องถูกดำเนินคดีด้วย

ต่อมาในวันที่ 10 สิงหาคม พนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ขออนุมัติศาลอาญา ออกหมายจับ พร้อมจับกุม นายรัตน์ เรืองยศ อายุ 66 ปี พนักงานโรงแรมที่เป็นผู้เปิดห้องให้ผู้ต้องหาทั้ง 4 คน เข้าไปในที่เกิดเหตุ ซึ่งถือว่ามีความผิดในข้อหาสนับสนุนให้ผู้อื่นกระทำชำเรา โดยให้ผู้อื่นนั้นไม่สามารถขัดขืนได้จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

และเตรียมเอาผิดผู้จัดการโรงแรมและเจ้าของโรงแรมเป็นรายต่อๆ ไป

ขณะที่นายรัตน์ ที่ถูกออกหมายจับชี้แจงว่า ตอนเปิดห้องเห็นผู้ชายมากับผู้หญิง ก็คิดว่าเป็นแฟนกันเท่านั้น ไม่นึกว่าจะมาก่อเหตุเช่นนี้

ถือเป็นเครื่องเตือนใจให้ผู้ประกอบการรับผิดชอบต่อสังคม

ไม่ให้เกิดเหตุสลดเช่นนี้ได้อีก

อาชญา ข่าวสด