ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 12 - 18 มิถุนายน 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | ต่างประเทศ |
เผยแพร่ |
บรรยากาศความสัมพันธ์ของเกาหลีเหนือที่มีกับโลกภายนอก ยกเว้นจีน ในระยะหลังๆ ไม่เพียงไม่สู้ดี แต่กลับยิ่งทวีความตึงเครียดมากขึ้น
แน่นอนว่าที่กำลังกล่าวถึง หมายถึงกับเกาหลีใต้และสหรัฐอเมริกา ชาติคู่กรณีที่มีปัญหากระทบกระทั่งกันเรื่อยมา
หลังจากก่อนหน้านั้นดูมีวี่แววพัฒนาการไปในทางที่ดีนับจากเกิดการพบปะจับเข่าคุยกันครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างมุน แช อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ กับคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ที่เขตปลอดทหารของสองโสมไปเมื่อวันที่ 27 เมษายนปี 2561
และปูทางมาสู่การจับมือพบกันครั้งประวัติศาสตร์เช่นกันของคิม จอง อึน กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ที่สิงคโปร์ในอีกกว่าหนึ่งเดือนถัดมาในปีเดียวกัน ภายใต้ความมุ่งหวังว่าคาบสมุทรเกาหลีจะปลอดจากนิวเคลียร์ได้ในท้ายที่สุด
แต่จนถึงขณะนี้ไม่เพียงยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ไปในทิศทางที่มุ่งหวัง หากแต่บรรยากาศความสัมพันธ์ของทั้งสามชาติยังตกอยู่ในภาวะเสื่อมทรามลงไปอีก
ล่าสุดเมื่อต้นสัปดาห์นี้ ฝ่ายเกาหลีเหนือยังได้ประกาศตัดช่องทางการสื่อสารอย่างเป็นทางการที่มีอยู่ทั้งหมดกับเกาหลีใต้
ซึ่งรวมถึงสายด่วนที่เชื่อมต่อระหว่างผู้นำสองโสมลงด้วย
สํานักข่าวกลางเกาหลี กระบอกเสียงของทางการเกาหลีเหนือ ย้ำเองด้วยว่า การตัดสินใจตัดช่องทางการสื่อสารทั้งหมดที่มีกับเกาหลีใต้ครั้งนี้ มี “คิม โย จอง” น้องสาวคลานตามกันมาของผู้นำคิม จอง อึน ซึ่งดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาของผู้นำเกาหลีเหนือ เป็นผู้ตัดสินใจโดยตรงร่วมกับคิม ยอง ชอล รองประธานพรรคกรรมกรเกาหลี
นั่นสะท้อนให้เห็นบทบาทอันทรงอิทธิพลที่มีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของคิม โย จอง น้องสาวผู้คอยติดสอยห้อยตามพี่ชายไปไหนต่อไหนก่อนหน้านี้ แต่บัดนี้กลายเป็น “โพลิซี เมกกอร์” ผู้กำหนดนโยบายคนสำคัญในคณะผู้ปกครองของเกาหลีเหนือไปแล้ว
ซึ่งในแวดวงนักวิเคราะห์มองว่า การเดินเกมกดดันเกาหลีใต้ที่แข็งกร้าวขึ้นของเกาหลีเหนือภายใต้การถือธงนำของคิม โย จอง ที่เชื่อว่าน่าจะมีอายุราว 30 ปีเศษ แสดงให้เห็นว่า คิม โย จอง ก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบายของประเทศ นอกเหนือจากการคอยเป็นผู้ช่วยสนับสนุนพี่ชายอย่างที่ผ่านมา
โดยคิม โย จอง เป็นคนใกล้ชิดในครอบครัวของคิม จอง อึน เพียงคนเดียวที่มีบทบาทในทางการเมือง
คิม โย จอง เริ่มเป็นที่จับตาในเวทีการเมืองระหว่างประเทศในช่วงปี 2561-2562 หลังจากคิม โย จอง นำคณะตัวแทนทัพนักกีฬาเกาหลีเหนือเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่เกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพในปลายปี 2561
หลังจากนั้นความเคลื่อนไหวของคิม โย จอง ที่มักปรากฏตัวเคียงข้างพี่ชาย ได้อยู่ในความสนใจของผู้คนเรื่อยมา
ซึ่งรวมถึงในการพบปะสุดยอดครั้งที่สองของคิม จอง อึน กับโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ประเทศเวียดนาม
แต่ในช่วงปีนี้เราได้เห็นบทบาทของคิม โย จอง ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองเองมากขึ้น เป็นการตอกย้ำสถานะของตัวเธอเองในฐานะผู้ทรงอิทธิพลทางการเมืองของเกาหลีเหนือในแบบฉบับของเธอ
อี มิน ยอง อดีตนักวิเคราะห์ข่าวกรองเกี่ยวกับเกาหลีเหนือในรัฐบาลสหรัฐ กล่าวว่า ก่อนที่จะเดินมาถึงจุดนี้ ภาพของคิม โย จอง ที่ปรากฏอยู่ในสื่อทางการเกาหลีเหนือ อยู่ในฐานะน้องสาวของคิม จอง อึน หรือเจ้าหน้าที่พิธีการทูต หรือหนึ่งในคณะผู้ติดตามผู้นำเกาหลีเหนือ
แต่ตอนนี้ชาวเกาหลีเหนือรับรู้กันถ้วนทั่วว่า คิม โย จอง เป็นผู้ที่มีอะไรมากกว่านั้น
คิม โย จอง เป็นผู้อยู่เบื้องหลังสำคัญในการทำงานของหน่วยงานต่างๆ ในการรณรงค์โฆษณาชวนเชื่อของเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นบทบาทที่ทำให้รัฐบาลสหรัฐต้องขึ้นบัญชีดำเธออยู่ในรายชื่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเกาหลีเหนือที่ถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐในปี 2017
เดือนมีนาคมที่ผ่านมา สื่อทางการเกาหลีเหนือนำถ้อยแถลงโจมตีเกาหลีใต้ที่ออกโดยคิม โย จอง เองเป็นครั้งแรกออกเผยแพร่ ก่อนจะตามมาด้วยถ้อยแถลงของคิม โย จอง ในอีกหลายฉบับต่อมา ซึ่งรวมถึงที่ระบุตอบโต้โจมตีประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐ
และเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คิม โย จอง ยังออกโรงด่ากราดชาวเกาหลีเหนือแปรพักตร์ด้วยถ้อยคำดุดันว่าเป็น “คนชั้นต่ำ” และ “สุนัขพันทางที่เหมือนเศษขยะ ผู้ทรยศแผ่นดินเกิด” ในระหว่างที่คิม โย จอง ขู่เกาหลีใต้ว่าจะตัดช่องทางการสื่อสารระหว่างสองเกาหลี หากฝ่ายเกาหลีใต้ไม่จัดการพวกแปรพักตร์ที่ส่งใบปลิวเข้ามาโจมตีเกาหลีเหนือ
อี มิน ยอง ชี้ว่า ถ้อยแถลงของน้องสาวผู้นำคิมผู้นี้มีสไตล์เฉพาะตัว แสดงถึงเชาวน์ปัญญาของเธอ และตอกย้ำให้เห็นว่าสถานะของเธอทรงอิทธิพลเพียงใด
ขณะที่ไมเคิล แมดเดน ผู้เชี่ยวชาญด้านเกาหลีเหนือ จากสถาบันวิชาการสติมสันในประเทศสหรัฐ กล่าวถึงประเด็นที่กระบอกเสียงเกาหลีเหนือรายงานว่า คิม โย จอง เป็นผู้ร่วมตัดสินใจในการประกาศตัดช่องทางการสื่อสารกับเกาหลีใต้ครั้งนี้ว่า เป็นการส่งนัยยะให้เห็นว่า คิม โย จอง เป็นบุคคลที่มีความสำคัญมากของเกาหลีเหนือ
และยังอาจทำให้ผู้ที่มีความกังขาในตัวผู้หญิงคนนี้ ได้เข้าใจในความสามารถของเธอที่จะยืนหยัดอยู่ในสังคมที่มีผู้ชายเป็นใหญ่อย่างเกาหลีเหนือ
ซึ่งนอกจากจะคลายความกังขาในความสามารถของน้องสาวผู้นำคิมผู้นี้แล้ว ยังจะทำให้มีความคาดหวังในตัวคิม โย จอง ไปมากขึ้นด้วยได้ ที่แมดเดนบอกว่าไม่ได้จำเป็นจะต้องหมายถึงตำแหน่ง “ผู้นำเกาหลีเหนือ” คนต่อไป
แต่อยู่ในฐานะเป็น “คิงเมกเกอร์” ผู้กำหนดตัวผู้นำ!
พิเศษ! สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์, ศิลปวัฒนธรรม และเทคโนโลยีชาวบ้าน ลดราคาทันที 40% ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิ.ย.63 เท่านั้น! คลิกดูรายละเอียดที่นี่