วิถีแห่งกลยุทธ์ เหมยฉางซู /เสถียร จันทิมาธร / ปมลึก หัวใจ ทูตส่องอธรรม (48)

วิถีแห่งกลยุทธ์ เหมยฉางซู/เสถียร จันทิมาธร

ปมลึก หัวใจ ทูตส่องอธรรม (48)

 

มีความละเอียดอ่อนดำรงอยู่ ทรวงอกของเหมยฉางซูผ่อนคลายขึ้นเนื่องจากปฏิกิริยาของเซี่ยตง แม้จุดประสงค์ที่เขากล่าวถ้อยคำเป็นแต่ต้องการชักนำให้ทูตส่องอธรรมท่านนี้เข้าใจผิด ให้นางเข้าใจว่าวันหน้าเมื่อตนไปมาหาสู่จิ้งหวังล้วนเป็นไปเพื่อตีสนิทและวางแผนอุบายจะได้ไม่ต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษ

แต่ครั้นเห็นเซี่ยตงซึ่งมีจุดยืนตรงข้ามกับฉีหวังและตระกูลหลินชัดเจน หลายปีมานี้กลับมิได้เอ่ยวาจาชิงชังพฤติกรรมของจิ้งหวัง ในใจอดรู้สึกตื้นตันขึ้นมามิได้

นี่คือความละเอียดอ่อนของสถานการณ์ในห้วง 1 ทศวรรษที่ผ่านมา

เซียวจิ่งเหยียนมุ่งมั่นและอดกลั้นมาตลอด 12 ปี ไม่ว่าเผชิญหน้ากับความไม่เป็นธรรม ไม่ว่าการถูกปฏิบัติด้วยใจคออันคับแคบ ก็ยินดีอ่อนน้อมค้อมตัวเข้าไปคุกเข่าขอรับโทษจากพระบิดาเพื่อแสดงถึงจุดยืนในตอนนั้น

เขาเป็นแม่ทัพใหญ่ซึ่งกอปรด้วยบารมีและอำนาจในกองทัพ ขอเพียงแสดงออกสักเล็กน้อย รัชทายาทและอวี้หวังล้วนยินดีรับเข้ามาเป็นแขนขา

เขาเป็นองค์ชายหนุ่มที่มีผลงานการรบมากมาย ขอเพียงยินยอมค้อมเศียรสำนึกผิด องค์จักรพรรดิคงไม่ทรงพระทัยแข็งถึงทุกวันนี้ ทว่าการกระทำดังกล่าวข้างต้นซึ่งดูเหมือนไม่ได้ยากเย็นกลับไม่เคยลงมือกระทำ

เพียงรับราชโองการโดยไม่ปริปาก จากนั้นก็วิ่งรอกออกรบไปทั่ว

 

นานครั้งมีเวลาว่างส่วนใหญ่จะขลุกอยู่ในจวน หรือไม่ก็สนามฝึกซ้อมทหารนอกเมืองสลับกัน เพื่อออกห่างจากศูนย์กลางอำนาจราชสำนัก

ไม่ยินดีเป็นเป้าสายตาของใคร เพียงคับแค้นอัดอั้นอยู่ในใจเงียบๆ

แต่ก็เพราะจิ้งหวัง เซียวจิ่งเหยียน เป็นบุคคลเช่นนี้ถึงเป็นสหายรักของขุนพลน้อยแห่งกองทัพอัคคีแดงในกาลอ่อน

ถึงเป็นอนาคต นายเหนือหัวซึ่งเหมยฉางซูเตรียมการสนับสนุนและผลักดันในวันนี้

สายตานิ่งลึกของประมุขพรรคบูรพานทีกวาดไปทางขอบฟ้ามืดครึ้ม เหม่อมองเส้นแสงบางๆ กลางกลุ่มเมฆดำทะมื่น

เพื่อจิ้งหวังต้องสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มอำนาจที่สามารถพึ่งพาอาศัยได้ทั้งหมด

จวนมู่แห่งอวิ๋นหนานไม่จำเป็นต้องวิตก แต่ที่น่าเป็นห่วงก็คือ ทูตส่องอธรรม เซี่ยตงคนนี้ เนื่องเพราะเซี่ยตงมีสายสัมพันธ์อันล้ำลึกอยู่กับกองทัพอัคคีแดงอยู่ด้วย

นั่นก็คือ สายสัมพันธ์ระหว่างเซี่ยตงกับเนี่ยเฟิง

 

ปีนั้น เนี่ยเฟิง แม่ทัพแนวหน้า กองทัพอัคคีแดงผู้หยิ่งผยองเพราะถูกผู้บัญชาการปองร้ายส่งไปยังพื้นที่อันตราย

สุดท้ายถูกข้าศึกโอบล้อมโจมตี ไพร่พลทั้งกองทัพตกตาย ซากศพแหลกเละ

ข้อสรุปนี้เองที่เป็นหนามแหลมทิ่มตำกลางใจของครอบครัวทหารใต้บังคับบัญชาแม่ทัพเนี่ยทุกคน

ทั้งเป็นที่มาของความเคียดแค้นในใจเซี่ยตง

ความหล่อเหลาสง่างามเมื่อยามกุมมือบอกลา กลับมากลับกลายเป็นชิ้นส่วนแหว่งวิ่น โลหิตชุ่มโชก

ต่อให้เป็นศิษย์สำนักโด่งดัง

ต่อให้เป็นทูตส่องอธรรมที่ผู้คนยำเกรง ก็ไม่อาจต้านทานความโศกศัลย์ รันทด ขาดคนเคียงข้างวาดคิ้ว

ต้องอยู่อย่างทุกข์ทนตามลำพัง

ความปวดร้าวแทบขาดใจ ความแค้นอันฝังลึกถึงกระดูก ไหนเลยไม่ให้นางโกรธแค้น ไหนเลยไม่ให้นางชิงชังได้

 

นั่นคือถ้อยความอัน “ไห่เยี่ยน” วาดพรรณนาตามสำนวนแปลของลีหลินลี่ นั่นคือบาดแผลอันค้างคาอยู่ในใจของเซี่ยตง

“ได้ยินว่าใต้เท้าเซี่ยถูกลอบทำร้ายที่นอกเมือง”

เหมยฉางซูตระหนักดีว่า เรื่องของเซี่ยตงต้องค่อยๆ วางแผนอย่างใจเย็น จึงยิ้มพลางเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

“จิ่งรุ่ยวันนั้นมีบาดแผลติดตัวมา คนในจวนพากันแตกตื่นตกใจใหญ่ พระขนิษฐาให้คนเชิญหมอมาตรวจอาการ นับว่าโกลาหลจนผู้คน สัตว์เลี้ยงไม่เป็นอันนอน ไม่ทราบบาดแผลของใต้เท้าดีขึ้นแล้วหรือไม่”

นั่นคือเหตุการณ์ถูกลอบสังหารเซี่ยตงอันดึงเซียวจิ่งรุ่ยเข้าไปเกี่ยวด้วย

“เด็กผู้ชายบาดเจ็บเล็กน้อยนับเป็นอะไร พระขนิษฐาตกใจเกินกว่าเหตุแล้ว ข้าบาดเจ็บไม่มาก หายนานแล้ว ขอบคุณท่านซูที่ถามไถ่”

การพบระหว่างเหมยฉางซูกับเซี่ยตงเสมอเป็นเพียงการเริ่มต้น

ทุกอย่างดำเนินไปตาม “หมาก” อันเหมยฉางซูกำหนดและจัดวาง สภาพการณ์จะค่อยๆ คลี่คลายออกมาทีละเปลาะ ทีละปล้อง

 


พิเศษ! สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์, ศิลปวัฒนธรรม และเทคโนโลยีชาวบ้าน ลดราคาทันที 40% ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิ.ย. 63 เท่านั้น! คลิกดูรายละเอียดที่นี่