#SAVE คนดี / ฉบับประจำวันที่ 12-18 มิถุนายน 2563

คนที่อาจจะเข้าใจหัวอกนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ดีที่สุดตอนนี้
คงไม่พ้นคนที่ชื่อ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล
ย้อนเวลากลับไปเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2558
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ปรับ ครม.
โดยโละรัฐมนตรีในทีมเศรษฐกิจของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ซึ่งล้วนถูกระบุ
เป็นคนดี
คนไม่มีปัญหา
คนไม่มีข้อบกพร่อง
หลุดจากโผทั้งยวง
โดยฝ่ายที่เข้ามา “เสียบ” แทนก็ไม่ใช่ใครอื่น
หากแต่คือ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจและสมาชิก คสช.นั่นเอง
โดยเข้ามาเป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ
นำทีมการทำงานด้านเศรษฐกิจมาครบครัน
ท่ามกลางข้อกล่าวหาทีมเศรษฐกิจเดิมของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ทั้งใต้ดิน บนดิน ว่าล้มเหลวในการทำงาน
โดยเฉพาะจากการประเมินของที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่นายสมคิดนั่งเป็นประธาน
นั่นเองทำให้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธรและทีมงาน แตกหักกับรัฐบาล
ไม่ยอมร่วมทำงานต่อ
พร้อมทิ้งวาทะอันลือลั่น “แบ่งแยกแล้วปกครอง” ไว้ข้างหลัง
ส่วนรัฐมนตรีบางคน ก็สวมวิญญาณ “ฝ่ายค้าน” นอกสภา มากระทั่ง ณ วันนี้
สะท้อนภาวะความแค้นฝังลึก
ที่ทั้ง ม.ร.ว.ปรีดิยาธรและนายสมคิด มองตาก็ทะลุเข้าไปถึงหัวใจ!

มาถึงวันนี้ ทีมเศรษฐกิจของนายสมคิดกำลังเผชิญชะตาเดียวกัน
ตกเป็น”เป้าแห่งการทำลาย” ที่มากด้วยเล่ห์เหลี่ยมการเมือง
บีบให้”ทีม4กุมาร”ทิ้งเก้าอี้หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค
ก่อนที่จะรุกไปสู่จุดหมายสุดท้าย นั่นคือเก้าอี้รัฐมนตรี
นำมาสู่วาทะอันชวนคิดจากปากของนายสมคิด
“คนดีอยู่การเมืองไม่ได้”
ซึ่งตีความเป็นอื่นใดไม่ได้
นอกจาก “ซือแป๋กวง” กำลังโยนคำถามสำคัญไปยังพรรค พปชร. พล.อ.ประยุทธ์ และสังคม ว่า จะไม่ปกป้องคนดีหรือ
และคนดีนั้น ย่อมมีภาพของนายสมคิดและ 4 กุมาร ลอยโดดเด่น
ทั้งนี้ นายสมคิดที่แม้จะวางตัวเหนือการเมือง แต่ก็ผ่านการเมืองมามาก
ย่อมรู้ดีว่าขณะนี้กลุ่มตนเองเสียเปรียบหรือได้เปรียบตรงไหน
เสียเปรียบ ก็คือเสียงในพรรค
ที่บีบคั้น กดดันให้มีการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคสำเร็จไปค่อนตัว
ขณะนี้เหลือเพียงการรักษาเก้าอี้รัฐมนตรี
ซึ่งจากกระแสสังคม และจากฝ่ายที่สนับสนุนรัฐบาล ดูจะสนับสนุนนายสมคิดกับทีม 4 กุมารมากกว่าฝ่ายที่เข้ามายึดพรรคและพยายามชู พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคแทน
ด้วยเห็นว่า พรรคจะมีจุดอ่อนและอยู่ภายใต้การนำของนักการเมืองเขี้ยวลาก
อันจะไม่เป็นผลดีต่อพรรคและรัฐบาล

กระแส “ไม่เอานักเลือกตั้ง” นี้เอง ทำให้นายสมคิดชูขึ้นมาเป็นประเด็นต่อสู้
นั่นคือ ปลุกกระแส #SAVE คนดี
ปกป้องและให้โอกาส “คนดี” ทำงาน
โดยหวังว่าสังคมจะสนับสนุน
และหวังยิ่งกว่านั้น คืออาจจะโน้มน้าวให้ พล.อ.ประยุทธ์ให้รักษาภาพปกป้อง “คนดี”
ซึ่งนั่นอาจทำให้ผลการปรับคณะรัฐมนตรีเป็นบวกแก่ฝ่ายนายสมคิดและพวกมากกว่า
ด้วยตอนนี้ การปรับ ครม.ยังไม่ได้ดำเนินการ
โดย พล.อ.ประยุทธ์แจ้งต่อ ครม.เพียงว่า
“ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง การเมืองก็เป็นเรื่องการเมืองไป ตอนนี้ผมยังไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ให้ทุกคนทำงานตามหน้าที่กันไปให้เรียบร้อย เรื่องอื่นผมตัดสินใจของผมเอง”
เมื่อการตัดสินใจของผู้นำรัฐบาลยังไม่ถึงที่สุด
การเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของผู้นำจึงเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
การปลุกกระแส #SAVE คนดี จึงถือเป็นไพ่ใบสำคัญของฝ่ายนายสมคิด
ซึ่งจะเหนือกว่าการชู พล.อ.ประวิตรเป็นผู้นำ และปรับแถว ครม.ใหม่หรือไม่
อีกไม่นานก็รู้
—————————————