คนของโลก : จาค็อบ เฟรย์ นายกเล็กมินนีแอโปลิสผู้กำลังถูกทดสอบ

จาค็อบ เฟรย์ นายกเทศมนตรี มินนีแอโปลิส รัฐมินนิโซตา สหรัฐอเมริกา วัยเพียง 38 ปี ต้องเจอกับงานหนักที่สุดในชีวิต หลังการเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์ ชายแอฟริกัน-อเมริกันเสียชีวิตระหว่างถูกควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจผิวขาว

คลิปวิดีโอเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เข่ากดไปที่ท้ายทอยของฟลอยด์ ชาวอเมริกันผิวสีไร้อาวุธวัย 46 ปี ที่นอนอยู่บนพื้นเป็นเวลานานจนฟลอยด์เสียชีวิต ปะทุเป็นการประท้วงใหญ่ ดึงดูดสายตาของคนทั่วโลกมายังเฟรย์ นายกเทศมนตรี ผู้ที่หาเสียงเข้าสู่ตำแหน่งด้วยนโยบายปฏิรูประบบตำรวจในเมืองมินนีแอโปลิสคนนี้

อดีตอัยการและนักวิ่งมาราธอนอาชีพแถลงข่าวหลังการเสียชีวิตของฟลอยด์ สะท้อนชัดถึงความเหลื่อมล้ำและการแบ่งแยกที่รุนแรงในสหรัฐ

“การเป็นคนผิวสีไม่ควรนำไปสู่โทษประหาร” เฟรย์ระบุ พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการจับกุมเจ้าหน้าหน้าที่ตำรวจที่ก่อเหตุ ซึ่งก็มีการตั้งข้อหาฆาตกรรมไปแล้วเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคมที่ผ่านมา

อนาคตของเฟรย์ อดีตอัยการด้านสิทธิพลเมืองและการจ้างงาน อาจต้องแขวนอยู่กับการจัดการคดีการเสียชีวิตของฟลอยด์ รวมไปถึงการรับมือกับความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากการประท้วงและการก่อจลาจลในช่วงที่ผ่านมา

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังเกิดการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 ในเวลานี้

เฟรย์เกิดและเติบโตในรัฐเวอร์จิเนีย ใกล้กับกรุงวอชิงตัน เมืองหลวงของสหรัฐอเมริกา แต่เฟรย์กลับหลงรักเมืองมินนีแอโปลิส หลังจากได้มีโอกาสมาวิ่งมาราธอนที่เมืองนี้

เฟรย์ตัดสินใจย้ายมาลงหลักปักฐานในเมืองมินนีแอโปลิสอย่างถาวรในปี 2009 ปีเดียวกันกับที่เฟรย์จบการศึกษาด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยวิลลาโนวา ใกล้กับเมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย

เฟรย์ได้รับเลือกเข้าไปทำงานในสภาเมืองมินนีแอโปลิสเป็นเวลา 4 ปี ก่อนจะได้รับเลือกเป็นนายกเทศมนตรีในปี 2018 ในเมืองซึ่งแม้จะมีชื่อเสียงด้านการเมืองสายเสรีนิยม แต่ก็มีปัญหาเกี่ยวกับการเหยียดผิวที่รุนแรง และเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้กำลังเกินกว่าเหตุ กลายเป็นคดีที่โด่งดังมาแล้วหลายกรณี

เฟรย์ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะปฏิรูปหน่วยงานตำรวจเสียใหม่ และได้รับรางวัลในฐานะการทำงานเพื่อสิทธิพลเมืองในมินนีแอโปลิส เมืองซึ่งมีประชากรชาวแอฟริกัน-อเมริกัน ผิวสีเพิ่มมากขึ้นถึง 36 เปอร์เซ็นต์ หรือเพิ่มขึ้นถึง 95,000 คนในช่วงเวลาระหว่างปี 2010 ถึง 2018

ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ช่วงเวลาที่ควันไฟจากความวุ่นวายในเมืองยังคงคุกรุ่น บทบรรณาธิการมินนีแอโปลิส สตาร์-ทริบูน ระบุเอาไว้ว่า ความเชื่อมั่นของชาวเมืองที่มีต่อนายกเทศมนตรีเฟรย์นั้นต่ำลงโดยเฉพาะในหมู่คนผิวสี

 

เดวิด ชูลตซ์ อาจารย์ด้านการเมืองจากมหาวิทยาลัยแฮมไลน์ ระบุว่า เฟรย์นั้นเป็นผู้นำในเมืองซึ่งแม้ในเชิงการเมืองจะมีความเป็นเสรีนิยมเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็มีความแบ่งแยกระหว่างกลุ่มคนผิวขาวในพื้นที่ร่ำรวยกับคนยากจน ที่ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่คนผิวสีและไม่ได้รับประโยชน์นักจากเศรษฐกิจที่เฟื่องฟูในเมืองมินนีแอโปลิสเท่าไรนัก

ศาสตราจารย์ชูลตซ์มองว่า เวลานี้เฟรย์ผู้ที่รับช่วงเมืองซึ่งมีอัตราการว่างงานน้อยมากก่อนไวรัสแพร่ระบาด มีความท้าทายที่เพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ โดยเฟรย์จะถูกทดสอบด้วยงานฟื้นคืนเศรษฐกิจที่พังลงจากการล็อกดาวน์เพื่อลดการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมไปถึงฟื้นฟูความเสียหายจากการประท้วงที่ลุกลามกลายเป็นเหตุจลาจลรุนแรงด้วย

นอกจากนี้ เฟรย์ยังถูกโจมตีจากโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐด้วยว่าเป็นคน “อ่อนแอ” ที่ไม่สามารถจัดการกับความวุ่นวายที่รวมไปถึงการบุกปล้นร้านค้าและเผาสถานีตำรวจในมินนีแอโปลิสได้

อย่างไรก็ตาม ความแตกแยกและแนวคิดความเป็นคนที่ไม่เท่ากันที่ฝังรากลึก คงจะไม่ได้เป็นงานยากสำหรับเฟรย์เท่านั้น แต่เป็นสิ่งท้าทายสำหรับสังคมอเมริกันทุกคนในเวลานี้

 


พิเศษ! สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์, ศิลปวัฒนธรรม และเทคโนโลยีชาวบ้าน ลดราคาทันที 40% ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิ.ย.63 เท่านั้น! คลิกดูรายละเอียดที่นี่