สถานีคิดเลขที่12 โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร/กมธ.ติดตามเงินกู้”หวังเหวิด”

สถานีคิดเลขที่12 / สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

————————-

กมธ.ติดตามเงินกู้”หวังเหวิด”

————————–

แม้จะมีเสียงโดยเฉพาะฟากเชียร์รัฐบาล ว่า การอภิปรายของสภาผู้แทนราษฏร กรณี พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 3 ฉบับ จืดชืด

แต่ ถึงจะชืด จะชืดอย่างไร

ก็ขอให้กำลังใจ ผู้แทนราษฏร ทำหน้าที่ของตนเองเต็มที่ ต่อไป

ต้องเน้นว่า “เต็มที่” ก็เพราะหากทำเหยาะแหยะกับเงินกู้มหาศาล 1.9 ล้านล้านบาท แล้วก็เป็นเรื่องน่าเสียดาย

เพราะหลังจากนี้แล้ว

เงินกู้มหาศาลจำนวนนี้ ส่อเค้าจะลอยห่างจากการตรวจสอบของสภามากยิ่งขึ้นทุกที

เพราะ อย่างที่รู้กัน นายกรัฐมนตรีคนนี้ รังเกียจ”นักการเมือง”

อะไรที่ตัดมือตัดไม้ ไม่ให้ ตัวแทนชาวบ้าน ที่ฝังหัวว่าเป็นพวก”สามานย์”เข้ามายุ่งเกี่ยวได้ จะทำทันที

อย่างกรณี เงินกู้มหึมานี้

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เชื่อมโยงกับ ฝ่ายนิติบัญญัติ แค่ ระบุ ไว้ ว่า

“…กระทรวงการคลังจะต้องทำรายงานการใช้เงินเสนอต่อรัฐสภาภายใน 60 วันนับแต่วันสิ้นปีงบประมาณ โดยในรายงานจะต้องครอบคลุมทั้งการกู้เงิน วัตถุประสงค์การใช้เงิน และผลสัมฤทธิ์ของการใช้งบประมาณ” เท่านั้น

คือ ทำได้มากที่สุดก็คือ รับทราบ

ส่วนที่รัฐบาลอ้างว่า จะกำหนดให้มีคณะกรรมการกลั่นกรองและอนุมัติโครงการ เพื่อความโปร่งใส นั้น

ในพระราชกำหนดกำหนดไว้ใน มาตรา 7ไว้ว่า

“เพื่อประโยชน์ในการพิจารณากลั่นกรองและอนุมัติการใช้จ่ายเงินกู้ให้เป็นไปตามมาตรา 5 และมาตรา 6 ให้มีคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ประกอบด้วย เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นประธานกรรมการ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีปลัดกระทรวงการคลัง ผู้อำนวยการสานักงบประมาณ ผู้อำนวยการสานักงานบริหารหนี้สาธารณะ ผู้อำนวยการสานักงานเศรษฐกิจการคลัง และผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งจำนวนไม่เกินห้าคน เป็นกรรมการ ให้รองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติคนหนึ่งซึ่งเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติมอบหมาย เป็นเลขานุการและผู้แทนสำนักงบประมาณ และผู้แทนสานักงานบริหารหนี้สาธารณะ เป็นผู้ช่วยเลขานุการร่วมโดยให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับผิดชอบงานวิชาการและธุรการของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้….”

จะเห็นว่า เป็นข้าราชการประจำล้วนๆ

ส่วนผู้ทรงคุณวุฒิ 5 คน ที่ ให้นายกฯตั้งนั้น

ลืมไปเลยว่าจะมีตัวแทน “นักการเมือง”

ด้วยเหตุนี้ ถึงบอกว่า เงินกู้ 1.9ล้านล้านนับวันจะห่างจากตัวแทนของชาวบ้านมากขึ้นเท่านั้น

ส่วนข้อเสนอ ของฝ่ายค้าน ที่เสนอ ให้ตั้ง กรรมาธิการวิสามัญติดตามตรวจสอบการใช้เงินตาม พ.ร.ก.เงินกู้

ที่ขนาดนายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้านเสนอเงื่อนไขไปว่า ฝ่ายค้านพร้อมลงมติเห็นชอบพระราชกำหนด แลกกับการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาเพื่อตรวจสอบ

ปรากฏว่า ไม่มีเสียงตอบรับ

พล.อ.ประยุทธ์แค่โยนให้พรรครัฐบาลไปตกลงกับฝ่ายค้าน แถมบอกว่ามี หน่วยงานตรวจสอบอยู่แล้ว ทั้งสตง. ป.ป.ช.

ท่าทีเช่นนี้ก็บอกนัยว่าไม่เอาอยู่แล้ว

ไปดูท่าทีพรรครัฐบาล มีเพียง นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ที่ระบุว่า ขณะนี้ได้แจ้ง ไปยังวิปรัฐบาลแล้ว โดยยังยืนยันให้มีการตั้งกมธ.ดังกล่าว

ส่วนพรรคอื่นวางเฉย

จึงคาดการว่า กรรมาธิการวิสามัญ คงเป็นหมัน

ตัวแทนชาวบ้านคงได้แต่ยืนดูตามปริบๆอีกตามเคย