ต่างประเทศ : เรื่อง “เหล้า” ในอินเดีย ปัญหาใหญ่ในสังคม

หลังการผ่อนปรนมาตรการเข้มงวด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ต้นเหตุของโรค “โควิด-19” ของทางการอินเดีย บรรดาร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่างก็กลับมาเปิดขายกันอีกครั้ง จนทำให้เกิดภาพการเข้าคิวเบียดเสียดกันเพื่อรอซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในหลายเมืองของประเทศอินเดีย

เหตุผลน่าจะคล้ายๆ กับเมืองไทย นั่นคือ นอกจาก “ของขาด” มานานแล้ว ก็ยังกลัวกันว่ารัฐบาลจะสั่งห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อีก ก็เลยพากันซื้อกักตุนเป็นจำนวนมากหลังการผ่อนปรน

บีบีซีรายงานเกี่ยวกับเรื่อง “เครื่องดื่มแอลกอฮอล์” ในช่วงวิกฤตโควิด-19 เอาไว้ว่า ช่วงที่มีการล็อกดาวน์เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลกเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส มีรายงานว่า ยอดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พุ่งสูงขึ้นอย่างมากทั่วโลก

อย่างในประเทศอังกฤษ ยอดขายเพิ่มขึ้นถึง 22 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

และในสหรัฐอเมริกา ช่วงเวลาเดียวกัน เพิ่มขึ้นถึง 55 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

 

ซูติก บิสวาส ผู้สื่อข่าวอินเดียของบีบีซีรายงานเรื่องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในอินเดียเอาไว้ว่า การขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในอินเดียนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะห้ามขายผ่านออนไลน์ และห้ามส่งถึงบ้าน

ในหลายๆ รัฐของอินเดียนั้นพยายามที่จะต่อต้านการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อหวังผลด้านคะแนนเสียงในการเลือกตั้ง

โดยในรัฐ 29 รัฐของอินเดีย ต่างมีนโยบายเพื่อควบคุมการผลิต ราคา การขาย และภาษี เกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่แตกต่างกันออกไป

แต่กระนั้นก็ตาม จากตัวเลขการวิเคราะห์ด้านการตลาดการดื่ม ของไอดับเบิลยูเอสอาร์ ระบุว่าอินเดียเป็นประเทศที่มีการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก รองก็แต่ประเทศจีนเท่านั้น

โดยปี 2018 อินเดียบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รวมกันมากกว่า 663 ล้านลิตร หรือมากกว่าเมื่อปี 2017 ถึง 11 เปอร์เซ็นต์ และสัดส่วนในการดื่มต่อจำนวนประชากรก็เพิ่มสูงขึ้นด้วย

สำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ชาวอินเดียนิยมบริโภคมากที่สุดคือ “วิสกี้” หรือที่เราเรียกกันว่าเหล้า โดยปริมาณที่ดื่มนั้น รวมๆ กันในอินเดียถือว่ามากที่สุดเป็นอันดับ 1 ที่มากกว่าสหรัฐอเมริกาซึ่งอยู่อันดับ 2 ถึง 3 เท่า

หรือคิดง่ายๆ ว่า เหล้าทุกๆ 2 ขวดที่ขายทั่วโลก ต้องมี 1 ขวดที่ถูกขายในอินเดีย

และขณะที่ปี 2018 ทั่วโลกมีการดื่มเหล้าลดลงไป แต่ในอินเดียกลับเพิ่มขึ้นถึง 7 เปอร์เซ็นต์

 

ในส่วนของประเทศอินเดียนั้น เฉพาะใน 5 รัฐตอนใต้คือ รัฐอานธรประเทศ รัฐเตลังคานา รัฐทมิฬนาฑู รัฐกรณาฏกะ และรัฐเกรละ ก็มีการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เท่ากับกว่า 45 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมดทั่วประเทศ ทำให้รายได้กว่า 10 เปอร์เซ็นต์ของรัฐเหล่านี้มาจากภาษีของการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

บิสวาสบอกว่า แม้ตัวเลขยอดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในอินเดียจะดูดีและช่วยสร้างรายได้ให้กับประเทศ

หากแต่ความจริงก็มี “ด้านมืด” แอบแฝงอยู่

โดยในรายงานชิ้นใหม่ของรัฐบาลอินเดียระบุว่า ผู้ชายอินเดียถึง 1 ใน 3 ที่ดื่มแอลกอฮอล์ และมีชาวอินเดียที่อายุระหว่าง 10-75 ปี ถึงกว่า 14 เปอร์เซ็นต์ ที่ดื่มแอลกอฮอล์

ทั้งนี้ ตัวเลขขององค์การอนามัยโลก หรือฮู ระบุว่า นักดื่มชาวอินเดียถึง 1 ใน 3 ที่นิยมดื่มแอลกอฮอล์ที่ราคาถูกและทำเองในท้องถิ่น หรือเหล้าที่ผลิตขึ้นในประเทศอินเดีย นั่นทำให้เกิดโศกนาฏกรรมเกี่ยวกับแอลกอฮอล์ขึ้นมาหลายครั้ง รวมไปถึงเกิดจากการดื่มเหล้าปลอม!

ที่ประเมินกันว่า มีชาวอินเดียที่ดื่มเหล้าที่อันตรายเหล่านี้มากถึงราว 30 ล้านคนทีเดียว

ฮูระบุด้วยว่า ในอินเดียมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ไม่มีการจดทะเบียนอย่างเป็นทางการ พวกที่ทำเองตามท้องถิ่น ที่ไม่มีการจดทะเบียน หรือเสียภาษี มากถึงครึ่งหนึ่งของตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งหมดในประเทศอินเดีย

 

ในผลการศึกษาเมื่อเร็วๆ นี้ยังชี้ให้เห็นว่าอินเดียมีการดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยในช่วงระหว่างปี ค.ศ.1990- 2017 เพิ่มขึ้นถึง 38 เปอร์เซ็นต์ จาก 4.3 ลิตรต่อปีต่อผู้ใหญ่ 1 คน เป็น 5.9 ลิตรต่อปีต่อผู้ใหญ่ 1 คน

จาค็อบ แมนธีย์ จากมหาวิทยาลัยเทคนิคเดรสเดนในเยอรมนี และเป็นหัวหน้าที่ศึกษา เปิดเผยกับบิสวาสว่า เหตุที่มีการดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น เพราะจำนวนคนที่มีเงินมากพอที่จะซื้อแอลกอฮอล์มีเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ราคาของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เองก็จับต้องได้ง่ายมากขึ้น มีราคาที่ถูกลง ทำให้ผู้คนที่มีรายได้ระดับล่างและระดับกลางสามารถซื้อมาดื่มได้ง่ายขึ้น

แมนธีย์กล่าวด้วยว่า ปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นจากการดื่มแอลกอฮอล์ในอินเดียก็คือการเกิดโรคร้าย เช่น ตับแข็ง และโรคหัวใจต่างๆ ทำให้แอลกอฮอล์กลายเป็นต้นตอของปัญหาด้านสาธารณสุขในอินเดียเพิ่มมากขึ้น

นอกเหนือจากการตายจากโรคแล้ว ก็ยังเป็นต้นเหตุของอุบัติเหตุบนท้องถนน ซึ่งตัวเลขเมื่อปี 2012 พบว่าอุบัติเหตุบนท้องถนนถึง 1 ใน 3 เกิดจาก “เมาแล้วขับ” ขณะที่ตัวเลขจากการสำรวจสุขภาพจิตแห่งชาติ ระบุว่า เกือบ 10 เปอร์เซ็นต์ของชายที่เป็นผู้ใหญ่ อยู่ในภาวะ “ติดแอลกอฮอล์” และกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ของการเสียชีวิตจากตับแข็ง มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดื่มแอลกอฮอล์

นอกจากนี้ การดื่มแอลกอฮอล์ก็ยังเชื่อมโยงกับเหตุรุนแรงในประเทศจำนวนมาก

 

แม้ว่าบรรดานักการเมืองหรือนักวิชาการหลายคนจะพยายามหามาตรการต่างๆ เพื่อลดจำนวนนักดื่มให้ได้ อย่างการเสนอให้มีการควบคุมราคา หรือการให้ความรู้แก่ประชาชนมากขึ้นถึงอันตรายจากการดื่ม แต่ก็พบว่าการขึ้นราคาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมากกับการดื่ม

โยเจนทรา ยาดาฟ หัวหน้าพรรคสวารัช และนักวิเคราะห์ด้านการเมืองของอินเดีย ได้เสนอแนะแผนการลดการพึ่งพาแอลกอฮอล์เอาไว้ ซึ่งรวมถึงการลดการพึ่งพารายได้จากการขายแอลกอฮอล์ หยุดการโปรโมตเชิงรุก บังคับใช้ข้อบังคับและกฎหมายที่มีอยู่ในการขายแอลกอฮอล์ และการนำเงินรายได้ที่ได้จากการขายแอลกอฮอล์มาทำให้ผู้คนเลิกดื่ม

และข้อเสนออื่นๆ อีกมากมายจากหลายฝ่าย ที่มีเป้าหมายคือ ลดการดื่มให้มากที่สุด

ที่บิสวาสตบท้ายไว้ว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย!!