วิเคราะห์ : ทำไมเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะปกติ ไม่ได้แปลว่าฟื้นตัว

มาตรการ “ล็อกดาวน์” เริ่มได้รับการผ่อนคลาย ผู้คนเดินทางไปห้างสรรพสินค้าได้โดยยังต้องเข้มงวดเรื่องการรักษาระยะห่างทางสังคม

แต่การกลับเข้าสู่ภาวะปกติจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ผู้คนกลับมาใช้ชีวิตได้เหมือนเดิม เป็นคนละเรื่องกันกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การฟื้นตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

ก่อนหน้าที่จะเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ภาวะเศรษฐกิจไทยก็เกิดการชะลอตัวแล้ว จนถึงไตรมาส 3 และ 4 ของปีที่แล้ว 2562 ก็พูดกันเต็มปากเต็มคำว่าเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยแล้ว นักธุรกิจที่มีประสบการณ์สูงถึงกับพูดคุยกันภายในแล้วว่า อาจเป็นการถดถอยที่เรียกว่า Perfect Strom เสียด้วยซ้ำ

การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นตัวเร่งความเร็ว ทำให้เหตุการณ์ต่างๆ ดำเนินไปเร็วขึ้นกว่าที่มันจะเป็นไปเอง เพราะไวรัสโควิด-19 หยุดการเดินทางติดต่อกันของผู้คน หยุดการจับจ่ายใช้สอย

หยุดการทำงาน หยุดการผลิต เรียกว่า หยุดดีมานด์และหยุดซัพพลายเชน อย่างแทบจะทันทีทันใด

ธุรกิจต่างๆ ทั้งที่มีปัญหาอยู่แล้วและที่ไม่มีปัญหา ถูกดูดเข้าสู่วงจรวิกฤตอย่างทันทีทันใด

การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จึงเป็นการเพิ่มความเร็วและความแรงของปัญหาทางธุรกิจ ปัญหาทางเศรษฐกิจ

ที่เป็นปัญหายืดเยื้อมานาน และมีแนวโน้มหนักขึ้น เจอโควิด-19 ก็วิกฤตรุนแรงทันทีอย่างกรณีการบินไทย

 

เมื่อการแพร่ระบาดเริ่มสงบ เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ ต้องแยกประเด็นให้ชัดเจนว่า เป็นการเข้าสู่ภาวะปกติด้านการใช้ชีวิตทางสังคม เพราะการแพร่ระบาดไวรัสลดน้อยลงหรือหมดไป

แต่ยังไม่ใช่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจแต่อย่างใด อย่าเพิ่งหลงดีใจ

ธุรกิจที่ไม่มีปัญหามาก่อน เมื่อเจอโควิดต้องปิดร้านก็ขาดรายได้ มีปัญหาสภาพคล่องเงินสด เมื่อเข้าสู่ภาวะปกติ มีบาดแผลภาระหนี้สินติดตัวมาจากวิกฤตบ้าง แต่เมื่อธุรกิจกลับมาดำเนินการตามปกติ ปัญหาก็จะค่อยคลี่คลายหมดไป

แต่ธุรกิจที่มีปัญหามาก่อนโควิด-19 ระบาด เจอการ “ล็อกดาวน์” ก็สาหัส เมื่อการแพร่ระบาดสงบ ปัญหาที่มีอยู่แล้วก็ยังคงอยู่ในอาการที่หนักกว่าเดิม

ปัญหาเศรษฐกิจก็เช่นเดียวกัน ถดถอยมาตั้งแต่ก่อนโควิด-19 ระบาด ดังนั้น เมื่อโควิด-19 ยุติ ภาวะถดถอยก็ยังคงอยู่ ไม่หายไปไหน ดังนั้น จุดเริ่มหลังโควิด-19 สงบต้องเริ่มจากตรงนี้ ตรงที่เรายังอยู่กับภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในส่วนของคอนโดมิเนียมซึ่งเกิดสภาพโอเวอร์ซัพพลาย เปิดแคมเปญถล่มกันมาตั้งแต่ปลายปี 2562 แล้ว เมื่อเกิดไวรัสโควิด-19 ก็ยิ่งหนักหน่วงขึ้น เปิดอยู่ฟรีเป็นปี ลดราคากันดุเดือด ขายกันแทบทุกราคาเพื่อเอาเงินสด

มีแรงกดดันให้ใช้เครื่องมือสื่อสารออนไลน์ ทุกแง่ทุกมุมสื่อสารการตลาด เกิดความพยายามเอาสินค้าอสังหาฯ เข้าไปอยู่ใน Journey ผู้บริโภคในทุกขั้นทุกตอน

โครงการแนวราบ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์ ทาวน์โฮม 4-5 เดือนของปีนี้ รวมทั้งช่วงโควิด-19 ระบาด ยังถือว่าพอมียอดเยี่ยมชมโครงการ ยอดจอง และยอดโอน ปริมาณลดน้อยลงบ้างพอสมควร แต่ก็ไม่ถึงกับเหือดหายไปเลย

แล้วภาวะตรงไหนที่จะเรียกได้ว่าฟื้นตัว

 

ตอบแบบกำปั้นทุบดินเลย ต้องบอกว่า วัดได้ตรงกำลังซื้อ ถ้าขายบ้านขายคอนโดฯ ได้ดี ได้มากขึ้นก็แสดงว่าฟื้นตัว

แต่ถ้าจะดูแบบคาดการณ์ข้างหน้าหน่อย ก็ต้องดูธุรกิจท่องเที่ยวว่า นักท่องเที่ยวกลับมาหรือยัง จำนวนมากน้อยเท่าไหร่ ต่อมาดูหมวดสินค้าเกษตรราคาพืชผลต่างๆ เพราะตรงนี้จะสะท้อนกำลังซื้อคนส่วนใหญ่ได้ชัดเจน

และระยะกลางระยะยาวต้องดูกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งเวลานี้ส่วนใหญ่อยู่ภาคตะวันออก ว่ามีการใช้กำลังการผลิตเท่าไหร่ จ้างงานเท่าไหร่ สุดท้ายทั้งเกษตรและอุตสาหกรรมต้องพึ่งการส่งออก ตัวเลขการส่งออกของประเทศก็จะเป็นตัวชี้วัดให้เห็น

อ้อ ฟื้นไม่ฟื้น ฟื้นเมื่อไหร่ อย่าลืม ดูรัฐบาลเพราะมีส่วนสำคัญที่จะทำให้ปัจจัยสำคัญๆ ที่ว่ามาเกิดหรือไม่