การยึดอำนาจของ 2 ป. 22 พฤษภาคม 2557 กับ 22 พฤษภาคม 2563

6ปีที่แล้ว

22 พฤษภาคม 2557

น้องเล็กแห่งบูรพาพยัคฆ์ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พาพี่ๆ ยึดอำนาจจากพรรคการเมืองจนสำเร็จ

22 พฤษภาคม 2563

มีเสียงกระซิบดังๆ ว่า พี่ใหญ่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กำลังปฏิบัติการยึดอำนาจอยู่เหมือนกัน

เป็นการยึดอำนาจในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)

ซึ่งแม้จะยังไม่เบ็ดเสร็จเด็ดขาด

แต่กองเชียร์ก็เชื่อว่าอีกไม่นาน พี่ใหญ่ขึ้นครอง “ผู้นำพรรค” แน่

ส่วนน้องตู่-น้องป๊อก หรี่ตา “ยึดพรรค” ด้วยหรือไม่ ไม่ชัด

เพียงแต่มีคนตั้งข้อสังเกตว่า ทั้งพี่ใหญ่ น้องเล็ก แม้จะปากเปียกปากแฉะ ห้ามคนใน พปชร.ไม่ให้เคลื่อนไหวเพื่อการเปลี่ยนแปลงใดๆ

แต่ดูเหมือนยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ

จนมีข้อสงสัยว่า ที่ห้ามนั้น ห้ามจริงหรือเปล่า

โดยเฉพาะพี่ป้อม กองหนุนดันก้นลุยหน้าไปไกลแล้ว

แน่นอน เมื่อฝ่ายหนึ่งดัน ก็ย่อมต้องมีฝ่ายที่ถอย

ซึ่งก็ทราบกันดี นั่นคือกลุ่ม 4 กุมาร ที่กุมตำแหน่งหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรคอยู่

ตอนแรกก็หลักดี เพราะดูเหมือนจะมีคนในทำเนียบ “หนุน”

แต่หนุนกันแบบไหนไม่รู้ อีกฝ่ายรุกคืบเข้ามาทุกวัน

มีปฏิบัติการไอโอถล่มในทุกช่อง ในทุกโอกาส

อย่างนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ขณะพยายามรั้งเก้าอี้เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐของตัวเองเอาไว้

ก็มีข่าวปล่อยออกมาถล่มว่า มีการเสนองบฯ ตัวเลข 8 หลักให้กับ ส.ส.ที่พร้อมยกมือสนับสนุนให้ได้ไปต่อ

โดยมีการระบุแหล่งที่มาของงบฯ 5 หลัก เพื่อความน่าเชื่อถือเสียด้วยว่า

คือ งบฯ กองทุนเพื่อการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งปีงบประมาณ 2563 มีอยู่ประมาณ 5,600 ล้านบาท

ที่เจาะจงไปตรงนั้นให้ชัดๆ ก็ไม่มีอะไรอ้อมค้อม

เพราะมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกองทุนอยู่

กระสุนนัดเดียว สะดุ้งทั้งนายสนธิรัตน์และนายสมคิด

จนต้องออกมาปฏิเสธและแจกแจงการใช้เงินว่าโปร่งใส สยบข่าว

ข่าวนั้นยันไม่ทันจาง ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม นายสมคิดเกิดอาการโรคเบาหวานกำเริบ ลาประชุม

เลยเจอไอโอเข้าไปอีก 2 เรื่องหนักๆ

เรื่องแรก คือมีการกล่าวหาว่านายสมคิดแอบจะลักไก่เอาเรื่อง “ข้อตกลงความเข้าใจและความคืบหน้าเพื่อหุ้นส่วนข้ามแปซิฟิก” หรือ CPTPP

ที่คนค้านกันทั้งเมืองเข้า ครม.วาระจร เพื่อให้ ครม.เห็นชอบ

แต่ความแตกเสียก่อน นายสมคิดเลยต้องป่วย

ยิ่งกว่านั้น ยังมีการต่อเรื่องอีกว่า เหตุที่นายสมคิด “ป่วย”

ก็เพราะมีจุดยืนเดียวกับนายอุตตม สาวนายน ไม่เห็นด้วยกับที่ พล.อ.ประยุทธ์ตัดสินใจส่งเรื่องการบินไทยเข้าสู่ศาลเพื่อการฟื้นฟู

แต่เมื่อผู้นำคิดเป็นอื่น นายสมคิดเลยป่วย

เช่นเดียวกับนายอุตตม ที่อ้างติดภารกิจ โดยเคยโดดประชุมถกเรื่องการบินไทยวงเล็กกับรัฐมนตรีภูมิใจไทยมาแล้ว

ยังไม่หนำใจ ยังมีการปล่อยข่าวตอกฝาโลงให้แน่นขึ้นไปอีกว่า

หลังจากนั้น นายอุตตม นายสนธิรัตน์ พร้อม ส.ส.หญิงผู้สูงด้วยบทบาท และนักธุรกิจดาวรุ่ง

ไปหารือที่โรงแรมหรรษา กรุงเทพฯ เพื่อรับมือหากถูกแซะจากเก้าอี้

ถึงขนาดมีการขานชื่อพรรคสำรองไว้แล้วในกรณีแตกหัก คือ “พรรคสร้างไทย”

เล่นกันหนักขนาดนี้

น่าจะเป็นสัญญาณว่าการยึดพรรคน่าจะมีขึ้นไม่พฤษภาคมก็มิถุนายนนี้แน่ๆ