เชิงบันไดทำเนียบ : ‘ตาอยู่’ ที่ชื่อ ‘สามมิตร’

ผ่านมากว่า 1 เดือนกับศึกในพรรคพลังประชารัฐ แม้ ‘บิ๊กตู่’พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม จะทำการ ‘หย่าศึก’ ระหว่าง ‘ก๊กป่ารอยต่อฯ’ ที่นำโดย ‘บิ๊กป้อม’พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ปธ.กรรมการยุทธศาสตร์ พปชร. กับ ‘ก๊กสี่กุมาร’ ที่นำโดย ‘สมคิด จาตุศรีพิทักษ์’ รองนายกฯ หลัง ‘บิ๊กตู่’ เรียก ‘อุตตม สาวนายน’หัวหน้าพรรค ‘สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์’เลขาธิการพรรค เข้าพบที่ ทำเนียบฯ แนะให้พูดคุยกันถึงปัญหาภายใน พปชร. ซึ่งทั้ง ‘อุตตม-สนธิรัตน์’ ต่างยืนยันว่าเคารพ พล.อ.ประวิตร เหมือนเดิม

ทว่าเป็นเพียง ‘ศึกสงบชั่วคราว’ เท่านั้น จากจุดเริ่มต้น ‘ปฏิบัติการยึดพรรคคืน’ ของ พล.อ.ประวิตร ในฐานะเจ้าของพรรคตัวจริง ที่จะขึ้นเป็น ‘หัวหน้าพรรค’ เอง ทำให้มีการงัดข้อวัดกำลังภายในของทั้ง 2 ก๊ก ถึงขั้นมีข่าวว่า ‘ก๊กสี่กุมาร’ เตรียมตั้งพรรคสำรอง ชื่อว่าพรรคสร้างไทย แต่ก็ถูกสยบลงไปหลัง ‘อุตตม’ ออกมาปฏิเสธว่า “ไม่เป็นความจริง เป็นการปล่อยข่าว” ส่วน ‘สมคิด’ ก็หัวเราะแล้วบอกว่า “อย่าถามเรื่องนี้ เอาเรื่องที่มันมีสาระหน่อย” ซึ่งการมีกระแสข่าวเช่นนี้ ก็ถูกตีความว่าเป็น ‘การต่อรอง’ ทางการเมืองเท่านั้น เพราะการตั้งพรรคไม่ใช่เรื่องง่ายและจะตั้งด้วยเหตุผลใดในสถานการณ์ขณะนี้ แต่ในอนาคตก็มีโอกาสตั้งเช่นกัน ตามกลไกล รธน.60 ตามยุทธศาสตร์ ‘แตกแบงค์ย่อย’ แบบที่ ‘เพื่อไทย-ไทยรักษาชาติ’ ทำมาก่อนหน้านี้
.
งานนี้แต่ละก๊กต้องซ่องสุมขุนพลในพรรค เพราะจะมีการประชุมใหญ่วิสามัญพรรค มิ.ย.นี้ จะมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งใน กก.บห. ใดหรือไม่ โดยเฉพาะเก้าอี้ ‘หัวหน้า-เลขาธิการพรรค’ ก๊กที่เปรียบเป็น ‘ตัวแปรสำคัญ’ ในศึกครั้งนี้ คือ ‘กลุ่มสามมิตร’ นำโดย ‘ส.สมศักดิ์ เทพสุทิน – ส.สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ’ ที่มี ส.ส. อยู่ในมือจำนวนมาก เป็นที่น่าสังเกตว่า ท่ามกลางศึกครั้งนี้ ‘ก๊กสามมิตร’ กลับเงียบผิดปกติและสงวนท่าที

โดย ‘สุริยะ’ รูดซิปปากว่า “ขณะนี้สถานการณ์เรื่องโควิด-19 ทำให้ประชาชน ได้รับผลกระทบอย่างมาก เวลานี้ผมคิดว่าไม่เหมาะสมที่จะมาพูดการเมือง” ส่วน ‘สมศักดิ์’ บอกว่า “เวลานี้ยังไม่เหมาะ ที่จะมาพูดถึงเรื่องพรรค ผมเป็นนักการเมืองเห็นว่าไม่ควรที่จะพูดอะไร” จะเห็นได้ว่าทั้ง ‘2ส.’ ท่องคำตอบมาเหมือนกัน
.
เพราะมีการมองกันว่า ‘อนุชา นาคาศัย’ อีกหนึ่งแกนนำสามมิตร มีชื่อชิงนั่ง ‘เลขาธิการพรรค’ ด้วย ซึ่งแน่นอนว่าตำแหน่งในกรรมการบริหารพรรคมีผลผูกพันต่อการปรับ ครม. ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ด้วย เพราะในเดือน ก.ค.นี้ คณะรัฐมนตรีชุดนี้ก็ทำงานมาครบ 1 ปีพอดี ดังนั้น ‘ก๊กสามมิตร’ จึงถูกมองว่าเป็น ‘ตาอยู่’ ในศึกครั้งนี้

ศึกครั้งนี้ระหว่าง ‘ก๊กป่ารอยต่อ-ก๊กสี่กุมาร’ หากใครพ่าย เจ็บหนักแน่นอน หรือสุดท้ายแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จะเล่นบท ‘ประนีประนอม’ เข้าสำนวน ‘บัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น’ ประคองพรรคต่อไป