หนุ่มเมืองจันท์ | ความ “สุก”

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC

วันก่อน “จอย” น้องสาวไลน์เข้ามาในกลุ่ม “สวน 6 พี่น้อง” ส่งรูปทุเรียน “พวงมณี” ที่สวนมาให้ดูเล่นๆ

ผมเอารูปลงแล้วลองโพสต์ในเพจ “หนุ่มเมืองจันท์” เล่นๆ

“น้องสาวส่งรูปทุเรียนพวงมณีที่สวนมาให้ดู

ปลูกแบบอินทรีย์ ไม่ใช้สารเคมี

ลูกใหญ่ๆ ไม่ค่อยมี

ลูกเล็กๆ น่ารักเยอะมาก

หนักไม่ถึง ก.ก. ขนาดเท่าฝ่ามือ

เนื้อ 3 ขีด เปลือก 6 ขีด 55

ปีนี้ยังอยู่ขั้นทดลอง

ปีหน้าคุยกันว่าเอาจริง

จะขายออนไลน์แล้วครับ”

เหตุที่ยังไม่ขาย เพราะยังไม่มั่นใจเรื่องคุณภาพ

เราเพิ่งเปลี่ยนมาทำผลไม้อินทรีย์เมื่อปีที่ผ่านมา

เริ่มจาก “จอย” และ “ตู่” น้องเขยจบด้านเภสัชฯ และทำงานที่โรงพยาบาล

ทุกวันเขาจะเจอคนทำสวนมาหาหมอด้วยโรคที่เกิดจากการใช้สารเคมีในสวนผลไม้

และทั้งคู่มีเป้าหมายว่าหลังเกษียณจะออกมาทำสวนอย่างเต็มตัว

ถ้าจะนอนพักในสวนที่เต็มไปด้วยสารเคมี

“เภสัชกร” ทนไม่ได้

เขาเริ่มหาความรู้ด้านสวนเกษตรอินทรีย์อย่างจริงจัง ไปอบรมตามที่ต่างๆ เช่น ศูนย์เรียนรู้ชุมชนบ้านปัถวี ที่ทำสวนเกษตรอินทรีย์ หรือศูนย์กสิกรรมธรรมชาติโป่งแรด ฯลฯ

กลับมาก็เอาหญ้า-ใบไม้มาหมัก

อะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด

และเตรียมยื่นขอมาตรฐาน organic thailand

เอาจริงเอาจังมาก

สวนทุเรียนของพี่น้องเป็นมรดกจาก “ป๋า”

“ป๋า” รักสวนนี้มาก

สวนห่างจากตัวเมืองเกือบ 30 กิโลเมตร

สมัยนั้น “ป๋า” ต้องขี่จักรยานลุยถนนลูกรังเข้าสวนก่อนจะเปลี่ยนเป็นรถกระบะในช่วงหลัง

พี่น้องทุกคนต้องมาช่วย “ป๋า” ทำสวนนี้

ลากสายยางให้น้ำ เก็บผลไม้ ฯลฯ

ตอนนั้นเป็นช่วงที่ครอบครัวยังไม่มีความพร้อมด้านการเงิน

“ป๋า” ปลูกทุเรียน เงาะ มังคุด ลองกอง สละ ฯลฯ เต็มสวน

ปีไหนราคาดีก็ยิ้มหน่อย

ปีไหนราคาตก หรือเจอภัยแล้งก็หน้าดำคร่ำเครียด

ถ้าวิเคราะห์ทางธุรกิจแล้ว

สวนของป๋าก็ประมาณ “การบินไทย” ครับ

ขาดทุนเกือบทุกปี

แต่เป็นสวนที่ “ป๋า” รักมาก

รักขนาดไหนเหรอครับ

ก็ขนาดขุดฮวงซุ้ยรอไว้ที่สวน

และวันนี้ “ป๋า” ก็ได้อยู่ในสวนที่รักแล้ว

ช่วงนี้เป็นช่วงที่ชาวสวนผลไม้มีความสุข

ผลไม้ “สุก” เมื่อไร

ชาวสวนก็ “สุข” เมื่อนั้น

ที่สวนผมปลูกทุเรียนหมอนทอง ก้านยาว ชะนี และพวงมณี

“พวงมณี” เป็นทุเรียนพันธุ์พื้นเมืองของเมืองจันท์

เนื้อละเอียด หวานกว่าหมอนทอง

แต่เนื้อน้อย เม็ดใหญ่

มีคนเคยพูดเล่นๆ ว่าคนจันท์กินพวงมณี แต่ขายหมอนทองให้คนกรุง

หลังจากลงโพสต์โชว์ทุเรียนพวงมณีไป

ปรากฏว่ามีคนสนใจเยอะมาก

อยากซื้อ

ช่วงนั้นเอง “จอย” ส่งราคาทุเรียนที่ขายล้ง

ทุเรียนลูกใหญ่ๆ ราคาใช้ได้

แต่ “พวงมณี” ลูกเล็กๆ น้ำหนักไม่ถึง 8 ขีด โดนกดราคาต่ำมาก

เห็นราคาแล้วโมโห

ผมบอก “จอย” ว่าถ้าราคาแค่นี้ ขอเหมามาแจกแฟนเพจดีกว่า

ถือเป็นการทดลองชิม ก่อนจะขายออนไลน์จริงๆ ในปีหน้า

เป็นการทำวิจัยแบบไม่เป็นทางการแบบ “ป๋า-ป๋า”

โพสต์นั้นใครบอกว่าสนใจสั่งซื้อ

ผมเข้าไปแจกเลย

ขอให้ส่งที่อยู่มาเดี๋ยวส่งไปให้ชิม

ทุกคนเกรงใจมาก ขอสั่งซื้อ หรืออย่างน้อยก็ขอออกค่าส่ง

น่ารักมาก

มีประมาณ 30 คน

ผมเลยโพสต์ใหม่อีกครั้ง

คราวนี้แจกจริงจังเลย 20 คน

ไม่ถึงนาทีเต็มครับ

ขนาดลดความคาดหวังว่าเป็นการปลูกแบบบ้านๆ ยังไม่ได้จริงจัง

อย่าคาดหวังสูง

แต่ปีหน้ารับรองว่าจริงจังแน่นอน

คนที่เข้ามาทีหลังก็เหมือนเดิมครับ

ขอซื้อได้ไหม

ไม่รู้จะบอกอย่างไร

เกรงใจก็เกรงใจ

ไม่ได้หยิ่งครับ

“เงิน” ก็อยากได้

แต่กลัวแฟนเพจว่า ถ้าคุณภาพผลไม้ไม่ดี

หลังจากได้ชื่อ-ที่อยู่แล้ว ภารกิจก็ตกอยู่ที่ “จอย” และ “ตู่”

ทำงานประจำมา 5 วัน ว่างแค่เสาร์-อาทิตย์

คนสวนก็ต้องตัดทุเรียน เก็บมังคุด

โชคดีที่วันนี้พี่สาวคนโต “เจ๊จิ๋ม” ที่เพิ่งเกษียณจากโรงเรียนอนุบาล และ “ตั๋ง-ออม” หลานอีก 2 คนเข้าสวนด้วย

ดีกรีแต่ละคนไม่ธรรมดาที่มาช่วยบรรจุทุเรียนลงกล่อง

พี่น้องกลัวคนกินทุเรียนแล้วจะร้อนใน

ก็เติม “มังคุด” เข้าไปในกล่องด้วย

“ออม” ที่เพิ่งกลับจากญี่ปุ่น และเข้าบรรจุเป็นนักวิจัยของ “ทีดีอาร์ไอ” นอกจากช่วยลงแรงแล้วยังวาดการ์ตูนน่ารักๆ บนกล่อง

ถาม “จอย” ว่าเป็นไงบ้าง

…เกรงใจ

“จอย” บอกว่าทุกคนสนุกมาก

โดยเฉพาะ “ออม”

…อยากวาดรูปอีก

หลังจากส่งทุเรียนไปได้ 1 วัน ผมก็โพสต์อีกครั้ง อยากรู้ว่าแต่ละคนได้รับทุเรียนกันแล้วหรือยัง

ฟีดแบ็กเข้ามาหลังไมค์ดีทีเดียว

ได้รู้ว่าปัญหามีอะไรบ้าง

กล่องที่บรรจุพอถึงผู้รับแล้วเป็นอย่างไร

ทุเรียนรสชาติโอเคไหม

มังคุดเป็นไง

ผมขอทุกคนว่าช่วยให้ความเห็นตรงไปตรงมา ไม่ต้องเกรงใจ

ปรากฏว่านอกจากเรื่อง “กล่อง” ที่ยับเยินนิดหน่อยแล้ว

เกือบทั้งหมดบอกว่าทั้งทุเรียนและมังคุดรสชาติใช้ได้

ถือว่า “สอบผ่าน”

เป็นการวิจัยแบบไม่เป็นทางการที่ดีมากเลยครับ

ส่วนความเห็นบนโพสต์นี้ เหมือนเดิมครับ

ขอซื้อ อยากให้ขายเลย

ยิ่งคาดหวัง ยิ่งกลัว

ผมเป็นคนขัดๆ เขินๆ เวลาขายของ

คนที่ทำงานด้วยกันจะรู้ดี

เป็น “จุดอ่อน” ที่แก้ไขไม่ได้สักที

อีกเรื่องหนึ่ง คือ เรื่องไหนที่ไม่ได้ลงแรงเอง

จะค่อนข้างเกรงใจคนทำงาน

เลยได้แต่รับปากว่าจะลองถามน้องสาวที่ทำงานประจำ 5 วันว่าจะมีแรงทำออนไลน์หรือเปล่า

เพราะการขายแตกต่างกัน

ส่งล้ง หรือส่งกลุ่มปัถวี เป็นแบบ B2B

คือ ขายเป็นล็อตใหญ่

แบบนี้เบาแรงกว่า

แต่ขายออนไลน์ คือ การขายแบบ B2C

ส่งไปหาลูกค้าหรือ customer โดยตรง

ความละเอียดพิถีพิถันแตกต่างกัน

ไม่เหมือน “แจกฟรี”

ไม่ต้องกลัวความคาดหวัง

สนุกมากเลยครับ