แมลงวันในไร่ส้ม / ครบ 10 ปีสลาย 99 ศพ ‘ตามหาความจริง’ ระอุ ในสถานการณ์ ‘โควิด’

แมลงวันในไร่ส้ม

ครบ 10 ปีสลาย 99 ศพ

‘ตามหาความจริง’ ระอุ

ในสถานการณ์ ‘โควิด’

รําลึก 10 ปี การสลายม็อบเมื่อเดือนพฤษภาคม 2553 ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในปีนี้เนื่องจากเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ทำให้การจัดทำกิจกรรมต่างๆ ต้องปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์

คณะก้าวหน้า ที่ประกอบด้วยอดีตแกนนำพรรคอนาคตใหม่ ที่ถูกยุบพรรค จัดกิจกรรม “ตามหาความจริง” ฉายแสงเลเซอร์ตามสถานที่ต่างๆ สร้างความไม่พอใจแก่กลุ่มที่สนับสนุนการรัฐประหาร

รายการ “ใช่หรือไม่ ได้รู้กัน” ทางช่องเนชั่นทีวี 22 ซึ่งมีวรเทพ สุวัฒนพิมพ์ เป็นผู้ดำเนินรายการ ได้ตั้งประเด็น “#ตามหาความจริง หวังผลการเมือง สร้างความแตกแยก” เชิญ “ช่อ” พรรณิการ์ วานิช หนึ่งในแกนนำของคณะก้าวหน้า โทรศัพท์มาตอบคำถามในรายการสด

รายการที่ออกอากาศเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม กลายเป็นกระแสไวรัลในโลกอินเตอร์เน็ต เมื่อเกิดการถามตอบกันอย่างดุเดือด

 

จากบางตอนของรายการ นายวรเทพ สุวัฒนพิมพ์ พิธีกรเนชั่น ผู้ดำเนินรายการ ถาม น.ส.พรรณิการ์ ว่า หลายคนวิจารณ์ว่า นี่คือการกระทำที่ไม่ดูเวลา ไม่เหมาะกับสถานการณ์ น.ส.พรรณิการ์บอกว่า มีการล้อมปราบ ประชาชนเสียชีวิต เมื่อพฤษภาคม 2535 และพฤษภาคม 2553 ทางคณะได้จัดรำลึกทางออนไลน์ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ไม่มีการกระทำผิดกฎหมาย ถือว่าถูกต้องตามสถานการณ์

นายวรเทพถามอีกว่า การตามหาความจริง 2553 คณะก้าวหน้ามีอะไรกับคนเสื้อแดงหรือเปล่า ทำให้ภาพของคนเสื้อแดงที่จับอาวุธสงคราม มีชายชุดดำ มีการยิงต่อสู้ ทำให้ทหารต้องล้มตายเสียชีวิต กลับมาอยู่ในสังคมอีก คณะก้าวหน้าต้องการอะไรกันแน่

น.ส.พรรณิการ์ถามกลับว่า นายวรเทพทราบไหมว่า เหตุการณ์พฤษภาคม 2535 กับพฤษภาคม 2553 ทหารเสียชีวิตกี่นาย ประชาชนเสียชีวิตเท่าไหร่

นายวรเทพกล่าวว่า คนละเรื่องกันเลย ปี 2535 ประชาชนมือเปล่า ขับไล่ทหาร ส่วนปี 2553 มีชายชุดดำอยู่เบื้องหลัง ภาพข่าว การพิสูจน์ในชั้นศาลเห็นชัดเจน

น.ส.พรรณิการ์ตอบว่า นายวรเทพตอบได้ไหมว่า เหตุการณ์ปี 2553 ที่ว่าประชาชนมีอาวุธสงคราม ผู้ชุมนุมตายเท่าไหร่ ทหารเสียชีวิตเท่าไหร่

นายวรเทพตอบว่า แกนนำได้เคยตอบว่า ผู้เสียชีวิตมี 99 คน น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า จากคำวินิจฉัยของศาล อย่างน้อย 12 คำวินิจฉัย ระบุว่า ผู้ชุมนุมเสียชีวิตจากกระสุนเจ้าหน้าที่กองทัพ

ในเหตุการณ์พฤษภาคม 2553 ทหารเบิกกระสุนไป 5.9 แสนนัด คืน 4.7 แสน ใช้ไป 1.1 แสนนัด ในจำนวนนี้ 2,120 นัด เป็นกระสุนซุ่มยิง ผู้เสียชีวิต 94 ราย เกือบทั้งหมด ถูกยิงศีรษะ อก ท้อง ซึ่งเป็นจุดตายทั้งหมด

ศอฉ.แถลงตลอดว่ากองทัพจะไม่ยิงผู้ชุมนุมมือเปล่า แต่อย่างน้อย 12 คำวินิจฉัยของศาล ระบุว่า ผู้ชุมนุมตายด้วยกระสุนกองทัพ ไม่มีใครมีคราบเขม่าดินปืนที่มือ ศาลยังวินิจฉัยด้วยการตรวจยึดอาวุธวัดปทุมวนาราม ที่มีคนตาย 6 คน ไม่ได้เกิดขึ้นจริง และวินิจฉัยว่าไม่มีชายชุดดำในวัดปทุมฯ คุณวรเทพเคยทราบ เคยอ่านไหม

นายวรเทพตอบสวนว่า อ่านสิครับ อ่านเท่าๆ กับคุณพรรณิการ์ และเคารพด้วย แล้วคณะก้าวหน้าทำแบบนี้เพื่ออะไร ผมไม่ก้าวล่วงคำพิพากษา เพราะผมเคารพ แต่ถามว่าทำเพื่ออะไร

น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า ที่ตามหาความจริง ไม่ใช่เพราะไม่มี แต่เพราะไม่มีใครมองเห็น ไม่ปฏิเสธว่ามีทหารประมาณ 20 รายเสียชีวิต ประชาชนมือเปล่า 94 รายเสียชีวิต หมายความว่า สูญเสียทั้งสองฝ่าย นี่คือข้อเท็จจริง แต่อีกหลายอย่าง อย่างคำพิพากษาศาลที่กล่าวถึง เป็นความจริงที่ถูกวางไว้ใต้พรม กลบด้วยวาทกรรมเผาบ้านเผาเมือง ทั้งที่ศาลยกฟ้องแนวร่วมเสื้อแดง 2 คนเรื่องเผาเซ็นทรัลเวิลด์

“ความจริงเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในสายตาคนทั่วไป เพราะถูกความจริงที่สถาปนาโดยรัฐ ผู้มีอำนาจที่สั่งการล้อมปราบ นำเสนอข้อเท็จจริงที่เป็นวาทกรรม เผาบ้านเผาเมือง ก่อการร้าย ชายชุดดำ” น.ส.พรรณิการ์กล่าว

และกล่าวอีกว่า เราทำกิจกรรมนี้ เราไม่ได้สถาปนาความจริง แต่ให้คนในเหตุการณ์ได้ออกมาพูดจากมุมของตัวเอง ให้ความจริงได้รับการปลดปล่อย เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของการชำระประวัติศาสตร์ เป็นจุดเริ่มต้นคืนความเป็นธรรมให้ผู้สูญเสียทุกฝ่าย

นายวรเทพถามอีกว่า ในทางกลับกัน คนที่เป็นแกนนำการชุมนุมก็สถาปนาความจริงอีกด้าน มีภาพ มีคนถือถังแก๊สจริงๆ มีคนเข้าไปเผาจริงๆ แม้จะมีการยกฟ้อง แต่ภาพที่ออกมาก็สถาปนาความจริงอีกด้าน ทำไมคณะก้าวหน้าจึงไม่เข้าไปหาความจริงในด้านนั้นบ้าง

น.ส.พรรณิการ์ถามว่า นายวรเทพรู้จักผู้ชายที่ว่าถือถังแก๊สไหม ก่อนตอบว่า เขาชื่อสายชล แพบัว ถ้าทำการบ้าน อ่านคำพิพากษา จะรู้ว่าศาลยกฟ้อง

นายสายชล แพบัว ติดคุก 4 ปี สุดท้ายศาลยกฟ้อง โดยวินิจฉัยว่า เขาถือถังดับเพลิง ศาลชั้นต้นยกฟ้อง ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง คดีสิ้นสุด นี่คือความจริงที่เกิดขึ้น

นายวรเทพถามว่า นอกจากค้นหาในฝั่งเจ้าหน้าที่รัฐ จะมีการไปตามหาความจริงในเรื่องอื่นๆ อย่างการเผาบ้านเผาเมืองด้วยไหม

น.ส.พรรณิการ์บอกว่า แน่นอน การฉายเลเซอร์ก็เรื่องหนึ่ง แต่หลังจากนี้จะมีบทความ สารคดี ฟุตเทจ พยานหลักฐาน เอามาวางบนโต๊ะ นายวรเทพติดตามได้ในเพจคณะก้าวหน้า เราไม่ยัดเยียดความจริงให้ใครเชื่อ เราเชื่อว่าประชาชนคิดได้

ในตอนท้าย นายวรเทพถามสรุปว่า ยืนยันว่ามาถูกที่ถูกเวลา ไม่ได้สร้างความแตกแยก อย่างที่คนบอกใช่หรือไม่ น.ส.พรรณิการ์ตอบว่า “ดิฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะว่า ความขัดแย้งมันเกิดขึ้นตอนเรายิงเลเซอร์ หรือตอนทหารยิงหัวประชาชน”

 

รายการมีรายละเอียดการถามตอบที่น่าสนใจ ขณะที่คอนเมนต์ดุเดือดไม่แพ้การปะทะของคำถามคำตอบในรายการ

เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ที่วัดนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กทม. มีการจัดงานทำบุญรำลึก 10 ปี เมษายน-พฤษภาคม 2553

นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดง กล่าวตอนหนึ่งว่า ความจริงในเรื่องนี้ คือมีคนตายมากที่สุดในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของประเทศไทย ร่วมร้อยกว่าชีวิต ทั้งในเหตุการณ์ และภายหลังเหตุการณ์ มีผู้บาดเจ็บกว่า 2 พันคน

นายจตุพรกล่าวว่า หลังจากคณะก้าวหน้าฉายเลเซอร์เรื่องตามหาความจริง ก็รู้ทันทีว่าอย่างไรก็หนีไม่พ้นที่ต้องพูด เพราะเรื่องจะต้องมาถึงตน

ณ วันนี้ ครบ 10 ปี เป็นวันที่สังคมไทยควรให้ความยุติธรรมกับคนตาย ไม่มีใครควรตายจากการเรียกร้องทางการเมืองที่ความเห็นต่างกัน และทุกเหตุการณ์ควรได้รับการเยียวยา เสมอภาค ถ้วนหน้า

“ที่ผ่านมาผมพยายามให้ความร่วมมือในการพูด หาทางออกให้ทุกฝ่าย วันนี้ก็ยังพยายามอยู่ แต่เมื่อมีคนมากล่าวหา ก็นิ่งเฉยไม่ได้ ขอฝากว่า คนที่กล่าวหานั้นขอให้หยุดเสีย”