ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 15 - 21 พฤษภาคม 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | การ์ตูนที่รัก |
ผู้เขียน | นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ |
เผยแพร่ |
การ์ตูนที่รัก/นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์
ซันเหมาพเนจร
มีหนังสือเล่มหนึ่ง ซื้อมาในราคา 10 บาท ไม่ปรากฏปีที่พิมพ์ ชื่อหนังสือว่า “ซันเหมาพเนจร” ภาพโดย จางเล่อผิง คำโดย เจตน์ ธรรมรังสรรค์ สำนักพิมพ์ธรรมอักษร พิมพ์ที่กิมง้วนการพิมพ์ หมายเลขโทรศัพท์กรุงเทพฯ 7 หลัก
ภาพที่ 1 เป็นภาพเด็กชายแต่งตัวซอมซ่อ ชื่อซันเหมา แปลว่าผมสามเส้น ซันเหมาอิจฉาลูกแกะ ลูกไก่ และลูกหมาที่มีแม่ ซันเหมาสะเทือนใจ อุ้มลูกหมาขึ้นมา แม่หมาฮึ่มแฮ่เข้าใส่ ซันเหมาหนีขึ้นต้นไม้พบลูกนกก็มีแม่ เขาไม่มีแม่
ภาพถัดๆ มา ซันเหมาปีนต้นไม้เห็นว่าฝั่งตรงข้ามแม่น้ำมีเมือง จึงว่ายข้ามแม่น้ำหมายไปตายเอาดาบหน้า เขาว่ายไม่พ้นถูกปลาเล็กปลาน้อยตอด มีตาเฒ่าคนหนึ่งพายเรือผ่านมาช่วยชีวิตเขาไว้แล้วพาเขาไปอยู่ด้วยในกระท่อมซอมซ่อ
คำบรรยายใต้ภาพว่าคนจนจึงจะเห็นใจคนจนด้วยกัน
วันหนึ่งตาเฒ่าพาซันเหมาออกเรือหาปลาในแม่น้ำ แต่แม่น้ำเป็นของนายทุนและเจ้าของที่ดิน ตาเฒ่าถูกลูกสมุนของนายทุนยิงตาย
คำบรรยายเขียนว่าคืออำนาจปกครองอันป่าเถื่อน ซันเหมาหลั่งน้ำตาด้วยความคั่งแค้น
ซันเหมาเข้าเซี่ยงไฮ้ พบคนจนมากมายนอนบนพื้นหินบนถนน เขาพบรถเข็นคันหนึ่งจอดทิ้งไว้จึงนอนบนรถเข็น ไม่ทันระวังว่าพอถึงตอนเช้าคนงานขนขยะมาถึงเทขยะใส่ตัวเขาโดยไม่ดู คำบรรยายเขียนว่าคือขยะเลวทรามของสังคม
ซันเหมาไม่มีข้าวกินจึงไปขอเศษข้าวจากคนยากจนด้วยกัน แต่ว่าในหมู่คนยากจนก็แบ่งเป็นก๊กเป็นเหล่า ซันเหมาเห็นเจ้าหน้าที่รัฐบาลมาติดประกาศขอให้ทุกคนกินอาหารสะอาด ถูกสุขลักษณะอนามัย แต่ซันเหมาไม่มีอาหารอย่างว่า วันนั้นเขากินแป้งเปียกที่มีแมลงวันตอมเป็นอาหารแล้วก็ไม่สบาย
บทแทรก รู้สึกไหมครับ รัฐมักจะติดป้ายประกาศที่ประชาชนทำไม่ได้
ซันเหมาเห็นเจ้าหน้าที่รัฐทำร้ายคนเดินขบวน และเห็นชาวบ้านเอาลูกใส่เข่งออกมาขาย คนหนึ่งขาย 7 หมื่นเหรียญ อีกคนหนึ่งขาย 5 หมื่นเหรียญ ซันเหมาจึงเขียนป้ายติดตัวเองว่าขายหนึ่งหมื่นเหรียญเท่านั้น เผื่อมีเศรษฐีมาซื้อเอาไปเป็นทาสรับใช้จะได้มีข้าวกิน
ซันเหมาเดินทางต่อไป พบแม่-ลูกคู่หนึ่งเดินถือตุ๊กตาราคาหนึ่งแสนเหรียญออกจากห้างสรรพสินค้า
พอถึงกลางคืนเขาเอาเศษหนังสือพิมพ์มาปูนอนและห่มร่างกายอยู่ข้างถนน บนหน้าหนังสือพิมพ์เขียนเรื่องรัฐบาลช่วยเหลือประชาชนอย่างไรบ้าง ถึงตอนเช้าใครคนหนึ่งโยนก้นบุหรี่ลงบนตัวเขา ไฟลุกไหม้
บทแทรก รัฐมักจะประชาสัมพันธ์ว่าตัวเองทำงานแล้ว แต่ไม่มีใครลงมาดูจริงๆ
ซันเหมาไปสมัครงานโรงพิมพ์ แต่เถ้าแก่ให้ไปอยู่หลังบ้านทำงานบ้าน ปัดกวาดเช็ดถูล้างจานและหุงข้าว คอยดูแลลูกเล็กสองคนของเถ้าแก่ด้วย ซันเหมาทำงานหนักทั้งวันจนถึงมืดค่อยได้กินเศษอาหารที่เถ้าแก่และภรรยาเหลือไว้ไม่มาก เขานอนใต้บันไดที่มีรังหนูและมีคนเดินขึ้น-ลงตลอดเวลา
วันหนึ่งเถ้าแก่ใช้ให้เขาไปส่งหนังสือพิมพ์ เขาแบกหนังสือพิมพ์เดินเท้าไปส่งกลับมาช้าจึงถูกด่าว่าและไม่ให้ข้าวกิน วันถัดมาเป็นวันเด็ก เขาออกไปส่งหนังสือพิมพ์อีกได้ยินเสียงประกาศทางวิทยุว่าเด็กเป็นอนาคตของชาติจึงชะโงกไปดูวิทยุ แต่ถูกเจ้าของวิทยุตบหัวล้มลงกองหนังสือตกกระจายเปรอะเปื้อน เขาถูกเถ้าแก่โรงพิมพ์ไล่ออก
ซันเหมาเดินไปถูกรถเก๋งเฉี่ยวชน คนรวยโปรยเงินค่าทำขวัญให้เขาแต่เขาไม่อยากได้เงิน เขาอยากได้ข้าวจึงวิ่งขวางทางรถคันนั้นไว้ ตำรวจมาจับเขาออกไปแล้วเก็บเงินของเจ้าของรถไปเสีย
จางเล่อผิงเล่าแต่เรื่องร้ายของเด็กยากจนในเมืองใหญ่มากเสียจนชนชั้นกลางเช่นผู้เขียนอ่านไม่เข้าใจ ไกลเกินเอื้อม เรามีกินมานานมากไป มีแอร์คอนดิชั่นมานานเกินไป และมีเงินสดไม่ขาดมือมานานเสียจนลืมว่าครั้งหนึ่งเราเคยไม่มีเช่นเดียวกัน
จางเล่อผิงคั่นตอนนี้ด้วยภาพคนบางคนแบ่งเงินให้ซันเหมาใช้ คนบางคนแบ่งเสื้อผ้าและอาหารให้ซันเหมาใส่และกิน ซันเหมาแบ่งของที่ตนเองมีให้เด็กยากจนที่เขาพบตามทางอีกต่อหนึ่ง
บทแทรก หากเราไม่ลืมว่าเราเคยจนหรือยังจนอยู่ เราจะแบ่งปันเป็น
ซันเหมาไปสมัครงานเป็นลูกมือนักแสดงกายกรรม เขาอดทนฝึกกำลังขา งอหลัง กลืนดาบ รำดาบ ปาเป้า ฝึกอยู่นานจนกระทั่งสามารถออกแสดงกับนักกายกรรมกลางถนนได้ พอได้เงินมาก็มีอันธพาลและตำรวจมาไถเงินจนหมด นักกายกรรมหมดใจจึงแบ่งเงินที่เก็บสะสมไว้เล็กน้อยให้แล้วปล่อยซันเหมาไปตามทางของตัว
ซันเหมาพเนจรต่อไปพบเด็กโตกำลังรังแกเด็กเล็ก ซันเหมาไม่ยอมจึงเข้าต่อยเด็กโตคนนั้นแล้วพาเด็กเล็กเดินกลับบ้าน
ระหว่างทางพบทารกถูกทิ้งเอาไว้กลางถนน ซันเหมาจึงอุ้มทารกไปให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแต่ถูกไล่ออกมา
เขาไม่รู้จะทำอย่างไรจึงเอาไปไว้หน้าร้านขายนมกระป๋อง
ซันเหมาพาเด็กน้อยเดินมาจนพบแม่ของเด็กน้อยปะชุนผ้าอยู่ข้างถนน ส่วนพ่อของเด็กน้อยขี่สามล้อ ซันเหมาจึงได้อยู่กับคนทั้งสองพร้อมด้วยเพื่อนใหม่คือเด็กน้อย แต่บ้านที่ว่านั้นคือเพิงเล็กๆ ที่มีของใช้จำเป็นวางอยู่ระเกะระกะ ยังมีทารกอีกคนหนึ่งนอนในเปล
ซันเหมาและเพื่อนใหม่ออกคุ้ยหาถ่านไปขาย คุ้ยเสียจนเสื้อตัวเองดำจึงถอดเสื้อซัก แต่น้ำที่ใช้ซักเป็นน้ำครำจึงยิ่งซักยิ่งดำ มิหนำซ้ำยังเปื่อยขาดรุ่งริ่ง
ซันเหมาไม่สามารถเดินกลับบ้านได้เพราะใครไม่ใส่เสื้อผิดกฎหมาย เขาจึงเอาถ่านมาวาดเป็นรูปเสื้อบนตัวแล้วเดินกลับบ้าน
แม่ของเด็กน้อยเห็นแล้วก็เอ็นดูจึงไปหาเสื้อเก่าตัวใหม่มาให้ เสร็จแล้วให้ซันเหมาไปตวงน้ำประปา แถวรอน้ำประปานั้นยาวมาก น้ำก็หยดทีละหยดอย่างเชื่องช้า
บทแทรก ชนชั้นกลางบางบ้านลืมไปแล้วว่าครั้งหนึ่งเราก็ต้องเดินไปตักน้ำในบ่อของส่วนรวมมาใช้ในบ้าน มากกว่านี้คือถึงวันนี้คนไทยจำนวนหนึ่งยังคงทำแบบเดียวกัน เราแค่ไม่เห็นและไม่เชื่อเท่านั้นเอง
วันหนึ่งแม่ให้เงินสองแสนเหรียญแก่ซันเหมาไปซื้อข้าว คือค่าเงินสมัยรัฐบาลก๊กมินตั๋ง ซันเหมากำเงินไปร้านขายข้าวสารพบว่าข้าวราคาสามแสนเหรียญจึงเดินกลับมาบอกแม่ แม่ให้เพิ่มไปเป็นสามแสนเหรียญ ซันเหมาได้เงินจึงเดินกลับไปใหม่ พบว่าป้ายราคาข้าวสารเปลี่ยนเป็นสี่แสนเหรียญ
ซันเหมาซื้อข้าวสารใส่ถุงมาจนได้ ระหว่างทางถุงขาดข้าวสารหล่นลงพื้น ซันเหมาหยุดก้มเก็บทีละเม็ดๆ เพราะทุกเม็ดมีค่า เมื่อมาถึงบ้านพ่อแจกเข็มขัดคนละเส้นให้ทุกคนรัดท้องไว้แน่นๆ รัดเข็มขัดจะได้กินข้าวได้ไม่มาก
บทแทรก อ่านถึงตรงนี้ก็นึกถึงรูปถ่ายชายคนหนึ่งก้มโกยข้าวสารบนถนนเมื่อไม่กี่วันนี้
ภาพต่อไปเป็นภาพคนรวยพุงพลุ้ยกินข้าวในภัตตาคารอิ่มเสียจนรัดเข็มขัดมิได้ ชวนให้นึกถึงงานเลี้ยงที่เรากินกันเสียจนต้องคลายเข็มขัด
ซันเหมาและเพื่อนใหม่ไปรับจ้างแบกกระสอบข้าวสารเข้าโกดังของพ่อค้า เขาทนหิวไม่ไหวจึงเจาะกระสอบขโมยข้าวแต่ถูกจับได้ส่งตัวเข้าคุก
ในคุกเขานอนท่ามกลางยุง ตัวเรือด และส้วมที่ส่งกลิ่นเน่าเหม็น โดยมีป้ายเขียนว่าโปรดรักษาสุขอนามัยติดอยู่ เขาได้พบนักโทษการเมืองคนหนึ่งที่เล่าให้เขาฟังเรื่องโลกใหม่อันสดใส แต่ฝันของเขาก็สลายไปเมื่อเขาถูกปล่อยตัวออกจากคุกมาพบว่าพ่อถูกทหารต่างชาติซ้อมตายโดยไม่ต้องรับผิดอะไร
หนังสือช่วงหลังเล่าเรื่องซันเหมาเข้าแก๊งมาเฟีย บัดนี้เขารู้แล้วว่าสังคมอยู่ในมือของข้าราชการ พ่อค้า ตำรวจ มาเฟีย และทหาร