เผยแพร่ |
---|
ถามว่าเป้าหมายในการยุบพรรคอนาคตใหม่ เป้าหมายในการตัดสิทธิทางการเมืองของกรรมการบริหาร คืออะไร
คือ การกำจัด คือการจำกัดบทบาท
ไม่ว่าจะมองในสถานะแห่งพรรคการเมือง ไม่ว่าจะมองในสถานะแห่งความเป็น ส.ส. ความเป็นนักการเมือง
ถามว่าการตัดสินใจทำเช่นนั้นประสบความสำเร็จหรือไม่
ตอบได้เลยว่า ประสบความสำเร็จในทางกฎหมาย ประสบ ความสำเร็จในทางกายภาพ ทำให้พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ ทำให้ กรรมการบริหารถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 10 ปี
แต่เมื่อไม่มีพรรคอนาคตใหม่ก็มี”คณะก้าวหน้า” ขณะที่ ส.ส.ที่ยังไม่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองก็จัดตั้ง”พรรคก้าวไกล”ขึ้น
บทบาททาง”ความคิด”บทบาททาง”การเมือง”หมดไปหรือไม่
หากพิจารณาจากการเคลื่อนไหวของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ในนามพรรคก้าวไกล ก็ดำเนินไปด้วยความคึกคักอย่างยิ่ง
ไม่เพียงแต่อยู่ในท่ามกลางประชาชน หากแต่ยังมีกิจกรรมทั้งผ่านรัฐสภาและผ่านกระบวนการทางโซเชียลมีเดีย
เป็นบทบาทอย่างเดียวกับที่เคยเห็นผ่าน”อนาคตใหม่”
ยิ่งใกล้วันประชุมรัฐสภาสมัยสามัญ ส.ส.ของพรรคก้าวไกลยิ่งมากด้วยความพร้อมที่จะแสดงบทบาทประสานกันไปกับพรรค เพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคเพื่อชาติ พรรคเสรีรวมไทย
เพียงแต่ดำเนินไปบนพื้นฐานและชื่อของ”พรรคก้าวไกล”เท่านั้นเอง
ยิ่งหันไปมอง”คณะก้าวไกล”ยิ่งมากด้วย”กัมมันตะ”
เป็น “กัมมันตะ”ในระดับเดียวกับที่เคยสำแดงผ่าน”พรรคอนาคตใหม่”ในอดีต
ไม่ว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไม่ว่า นายปิยบุตร แสงกนกกุล ไม่ว่า น.ส.พรรณิการ์ วานิช สามารถสร้างบทบาท สามารถยึดครองพื้นที่ทางความคิด ทางการเมือง
ประเด็นก็คือ บทบาทนั้นยังตอกย้ำและยืนยันการดำรงอยู่ของพรรคอนาคตใหม่ไม่แปรเปลี่ยน
เพียงแต่เป็นการปรากฏในโฉมแห่ง”คณะก้าวหน้า”เท่านั้น
ไม่ว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไม่ว่า นายปิยบุตร แสงกนกกุล ไม่ว่า น.ส.พรรณิการ์ วานิช ยังสามารถปักธงในทางความคิดและสร้าง”วาระ”ทางสังคม
เป็นพื้นที่ในทาง “ความคิด” อันมีเป้าหมายเพื่อสถาปนาชุดแห่ง “ความจริง” ใหม่ในเชิงเปรียบเทียบ เพื่อเป็นรากฐานในทาง “การเมือง”อย่างไม่ขาดสาย
ยืนยันถึงการดำรงอยู่ด้วยความหวังและอย่างมีชีวิตและวิญญาณอย่างเต็มเปี่ยม