เผยแพร่ |
---|
เหมือนกับมี “ข้อกำหนด” ที่แน่นอนอย่างยิ่งในทางการเมือง หากพิ จารณาจากเนื้อหาของ “รัฐธรรมนูญ”
เป็นข้อกำหนดที่ว่า “อำนาจ”จะอยู่กับใคร
สัมผัสเพียงการบัญญัติ “มาตรา 44” ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2557 เอาไว้ในบทเฉพาะกาลมาตรา 267
ทุกคนก็ร้อง”อ๋อ”อย่างพร้อมเพรียงกัน
แต่หากใครที่ผ่านรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2511 หรือรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2521 และรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2534 มาแล้ว
ก็อาจจะร้องคำว่า “ไม่แน่”ออกมา
คำว่า “ไม่แน่” คือ คำซึ่งติด 2 ริมฝีปากของ พระอาจารย์ชา แห่งวัดหนองป่าพงอยู่เสมอ
มาจากคำว่า “อนิจจัง”
รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2511 ซึ่งใช้เวลาร่างจากเมื่อปีพ.ศ.2502 ต้องการให้อำนาจเป็นของ จอมพลถนอม กิตติขจร
ถามว่าแล้วเป็นอย่างไร
การเลือกตั้งเดือนกุมภาพันธ์ 2512 อำนาจยังเป็นของ จอมพลถนอม กิตติขจร แน่นอน
แต่ถึงเดือนพฤศจิกายน 2514 ก็ต้องทำ”รัฐประหาร”
ทำรัฐประหารเสร็จแล้วอยู่ด้วยอำนาจเหมือนกับ”มาตรา 44″นี่แหละต่อไปอีกระยะ 1
เดือนตุลาคม 2516 ก็ต้อง “จร”
ทั้งมิได้เป็นการจรจากอำนาจวาสนาและยศถาบรรดาศักดิ์อย่างธรรมดา หากแต่ถูก “ขับไล่” ต้องถูกเนรเทศออกไปอยู่ต่างประเทศ
เมีย”จอมพล”บางคนยอมรับว่า “นุ่งกางเกงใน”ไม่ทัน
เห็นหรือไม่ว่า ภายในกระบวนการทางการเมืองมีคำว่า”ไม่แน่”มีคำว่า “อนิจจัง”ดำรงอยู่เสมอ
หลังรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2521 เป็นอย่างไร
ต้องการให้ พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ อยู่ในอำนาจแต่พอถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2523 ก็ต้องออก
หลังรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2534 เป็นอย่างไร
ต้องการให้ พล.อ.สุจินดา คราประยูร อยู่ในอำนาจ แต่อยู่ได้เพียงไม่กี่วันเดือนพฤษภาคม 2535 ก็ต้องออก
ทั้งหมดนี้คือความ”ไม่แน่นอน” คือความเป็น”อนิจจัง”