ยานยนต์ สุดสัปดาห์/ สันติ จิรพรพนิต/ซูซูกิ ‘เออร์ติกา’ MY2020 รถครอบครัว-คุ้มเกินคุ้ม

สันติ จิรพรพนิต

ยานยนต์ สุดสัปดาห์/สันติ จิรพรพนิต [email protected]

ซูซูกิ ‘เออร์ติกา’ MY2020

รถครอบครัว-คุ้มเกินคุ้ม

 

ยังสร้างความประทับใจให้ผมในทุกๆ รุ่น ที่ได้ลองขับรถจากค่าย “ซูซูกิ”

ก่อนหน้านี้รู้สึกดียิ่งเมื่อลองขับรถอีโคคาร์ “สวิฟต์” เพราะความคล่องตัวและอัตราเร่งที่เกินกว่าเครื่อง แค่ 1.2 ลิตรไปไกลโข

ล่าสุดผมลองขับ “เออร์ติกา” ใหม่ รถครอบครัว 7 ที่นั่ง ก็อึ้ง…ทึ่งกับกำลังเครื่องยนต์ และความสบายในห้องโดยสาร

ยิ่งเมื่อเห็นราคา บอกเลยว่าน่าตกใจเพราะตั้งมาได้เกินคุ้มจริงๆ

“เออร์ติกา” ใหม่ เป็นรุ่นไมเนอร์เชนจ์ หรือโมเดลเยียร์ (MY) 2020 ปรับปรุงเพิ่มเติมอุปกรณ์และอื่นๆ มามากพอสมควร จากเจเนอเรชั่นที่ 2 เปิดตัวเมื่อต้นปีที่แล้ว

ตอนเปิดตัวใหม่ๆ สร้างกระแสได้พอสมควรเพราะตั้งราคารุ่นท็อปไม่ถึง 7 แสนบาท

ยิ่งมาในโมเดลเยียร์ 2020 แม้ราคาจะปรับขึ้นแต่ถือว่าไม่มากนัก

ที่สำคัญ ช่วงนี้ถือเป็นเวลาทองของผู้ซื้อ ทั้งโปรโมชั่นและแคมเปญต่างๆ ทำให้ราคาซื้อจริงๆ แทบไม่ต่างจากรุ่นเก่าเลย

 

ซูซูกิ เออร์ติกา เป็นรถนำเข้าทั้งคันจากอินโดนีเซีย ประเทศที่เป็นเจ้าแห่งรถมินิเอ็มพีวี และเป็นฐานผลิตใหญ่ของเกือบทุกค่ายญี่ปุ่น

ทำให้ปัจจุบันรถเซ็กเมนต์นี้ที่ขายในไทยนำเข้าจากอินโดนีเซียทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นโตโยต้า เซียนต้า หรือมิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์

และปัจจุบันมาตรฐานการผลิตรถของอินโดนีเซียดีขึ้นกว่าแต่ก่อน กระนั้นซูซูกิยังตรวจสอบซ้ำอีกรอบเมื่อมาถึงเมืองไทยก่อนส่งถึงมือลูกค้า จึงมั่นใจได้ว่าแม้จะนำเข้าจากอินโดนีเซีย แต่มาตรฐานไม่ต่างจากรถที่ผลิตในไทย

หน้าตาภายนอกดูสปอร์ตขึ้น กระจังหน้าขนาดใหญ่แบบโครเมียม ไฟหน้า Projector Lens แบบฮาโลเจน ไฟตัดหมอกคู่หน้า

ตัวถังดูอวบๆ หน่อย ออกแบบเอเพิ่มพื้นที่ภายในนั้นเอง

กระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถปรับและพับด้วยไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยวในตัว

มือเปิดประตูภายนอกโครเมียม ไฟท้ายแบบ LED พร้อม Light Guiding

ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED

ฝาท้ายตกแต่งด้วยโครเมียม

ล้อแม็กซ์ลายใหม่ขนาด 15 นิ้ว พร้อมยาง 185/65 หน้ายางแคบไปนิดหนึ่ง ถ้าไม่ได้ซิ่งมากอาจใช้จนหมดอายุแล้วเปลี่ยนยางที่หน้ากว้างขึ้น จะได้ความแน่นหนึบมากกว่ายางติดรถ

 

การออกแบบภายในน่าทึ่งมาก เพราะดูใหญ่โตกว้างขวาง

พวงมาลัยท้ายตัดตกแต่งลายไม้ พร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียง

แผงแดชบอร์ดหน้าและด้านข้างตกแต่งลายไม้ดูหรูหราขึ้น

เรือนไมล์แบบสแตนดาร์ดทั้งไปแบบ 2 วงซ้าย-ขวา ตรงกลางเป็นหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID

ที่เพิ่มเข้ามาคือหน้าจอขนาด 10 นิ้ว Touchscreen รองรับ Apple CarPlay / Android Auto

เครื่องเสียงวิทยุ AM/FM CD MP3 WMA

ระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth ช่องเชื่อมต่อ USB ช่องเชื่อมต่อ HDMI

ลำโพง 4 ตำแหน่ง

คอนโซลกลางมีขนาดเล็กทำให้พื้นที่วางเท้าของผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้ามากขึ้น

ระบบแอร์บิดหมุนธรรมดา แต่มีปุ่มออโต้ให้เลือกใช้

ติดตั้งแอร์เพดานสำหรับผู้โดยสารตอนหลังพร้อมปุ่มปรับความแรงลม มีคอยล์แยกอีกตัวจากแอร์ตอนหน้า เพื่อให้เย็นฉ่ำทั่วทั้งคัน

ช่องวางแก้วน้ำจัดมาให้ถึง 8 ตำแหน่ง

ที่วางแก้วน้ำคู่หน้าบริเวณคอนโซลกลางมีระบบเป่าลมแอร์เพิ่มความเย็น รักษาอุณหภูมิได้ดีขึ้น แต่ถ้าไม่ต้องการใช้มีปุ่มปิดลมแอร์ได้

เบาะนั่งผ้ากันน้ำบุได้หนานุ่ม

ที่นั่งแถว 2 กว้างขวางมากๆ ต่อให้ขยับเบาะเดินหน้ามาจนสุดถือว่านั่งได้สบายพอประมาณ

ที่ต้องขยับมาหน้าสุดเพื่อให้มีที่วางเท้าสำหรับที่นั่งแถว 3 ซึ่งบอกเลยว่านั่งได้จริงแม้จะเป็นผู้ใหญ่ก็ตาม

ส่วนแถว 2 ยังเพิ่มพนักพิงศีรษะผู้โดยสารตรงกลางขึ้นมา

จากที่ลองทดสอบ ถ้านั่งแค่ 2 คนจะสบายกว่า

แต่ถ้าผู้โดยสารตัวผอมบางหน่อยก็ไม่มีปัญหา

เบาะทั้ง 2 แถวหลังปรับพับได้เกือบราบเรียบ เพิ่มพื้นที่บรรทุกได้

 

เอาจริงๆ ตอนแรกไม่ได้คาดหวังมากนักกับพละกำลังของเครื่องยนต์ ด้วยเป็นขุมพลังเบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว Multi-point ความจุ 1,462 ซีซี กำลังสูงสุด 105 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 138 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที

เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ

แต่เมื่อลองขับจริงพบว่าตีนต้นใช้ได้ทีเดียวถ้าเทียบกับขุมพลังและน้ำหนักตัวถังขนาดตันเศษๆ

ความเร็วไต่ขึ้นไปถึง 120-130 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลาไม่นานนัก

เสียงลมเริ่มได้ยินมากขึ้นในย่านความเร็วนี้

ทริปนี้ผมใช้ความเร็วไม่เยอะมากราวๆ 140 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ต้องกุมพวงมาลัยแน่นขึ้นนิดหนึ่ง ด้วยความสูงและลักษณะตัวรถที่มีลมผ่านเข้าใต้ท้องทำให้มีอาการนิดๆ

ช่วงล่างด้านหน้าแม็กเฟอร์สัน สตรัต พร้อมคอยล์สปริง ด้านหลังทอร์ชั่นบีม พร้อมคอยล์สปริง ทำหน้าที่ได้ตามมาตรฐาน

ความนิ่มนวลถือว่าดีทีเดียว ทั้งๆ ที่ผมขับเพียงลำพัง หากมีผู้โดยสารติดรถไปด้วยน่าจะหนักแน่นขึ้น

ด้วยเป็นรถครอบครัวผมจึงไม่ได้ขับสวิงสวายนัก มีเข้าโค้งแรงๆ อยู่บ้างนิดหน่อย ยังไม่เสียอาการ

เกียร์ทำงานได้ราบเรียบ มีเกียร์ต่ำ “2” และเกียร์ “L” ช่วยหากต้องการพละกำลัง หรือช่วงลงเขา

 

จังหวะเร่งแซงมีอาการหน่วงนิดๆ ก่อนที่จะพุ่งออกไป แต่ไม่ต้องกังวลเพราะมีปุ่มโอเวอร์ไดรฟ์ที่หัวเกียร์ กดลงไปทำให้รถพุ่งวาบได้ทันใจขึ้น

ขัดใจหน่อยๆ ตรงที่ไม่มีที่พักแขนซ้ายคนขับมาให้ ถ้าใครอยากได้ต้องไปติดตั้งเพิ่ม ปัจจุบันราคาไม่ได้แพงนัก

รุ่นนี้ใช้กุญแจ Immobilizer มีปุ่มรับสัญญาณที่มือจับด้านนอก จะปลดล็อกที่ปุ่มนี้หรือที่รีโมตก็ได้ เป็นแบบ 2 จังหวะ

ปลดล็อกทีแรกจะเปิดเฉพาะประตูคู่หน้า ถ้ากดซ้ำอีกทีจะคลายล็อกประตูทุกบาน ได้ความปลอดภัยเพิ่มขึ้น

มีปุ่มสตาร์ต-สต๊อปมาให้

ลองเปิดประตูท้าย มีที่ให้วางของพอประมาณ ทำเป็นแบบ 2 ชั้น ชั้นล่างไว้เก็บของเล็กๆ หรือเครื่องมือช่างมีฝาปิดดูเรียบร้อย ด้านบนบรรทุกของขนาดใหญ่ แต่ถ้าใหญ่มากต้องพับเบาะช่วย

ช่วงขับขี่ลองมองรอบๆ ทัศนวิสัยโปร่งโล่งดี เบาะใหญ่นั่งสบาย

เวลาเข้าเกียร์ถอยมีกล้องมองหลังส่งภาพมาที่จอกลาง และเครื่องเสียงจะเบาลงทันที ถือว่าใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ

ตัวช่วยต่างๆ ให้มาระดับหนึ่ง อาทิ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน Hill Hold Control

ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ระบบกระจายแรงเบรก และระบบเสริมแรงเบรก

ถือว่าสมกับราคา

รุ่นนี้มียางอะไหล่มาให้ด้วย ซ่อนไว้ใต้ท้องรถด้านหลัง

ซูซูกิ “เออร์ติกา” มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย

รุ่น GL 659,000 บาท และที่ผมลองขับคือ GX 725,000 บาท

ถ้าไม่ได้ลำบากเกินไปจัดตัวท็อปคุ้มกว่าเยอะ เพราะออปชั่นที่เพิ่มขึ้นมาเกินราคาที่ต่างกันแค่ไม่กี่หมื่น