วิเคราะห์ | นายกฯ ตะเพิด ? รมต.สายตรงพ้นหน้า ปิดจ๊อบ พปชร.ร้าว “อุตตม-สนธิรัตน์” ได้ไปต่อ

วุ่นวายตลอดสัปดาห์ที่แล้ว สำหรับพรรคพลังประชารัฐ ในขณะที่ทุกภาคส่วนระดมสรรพกำลังแก้ไขปัญหาสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ทั้งเรื่องการติดเชื้อ และการแก้ปัญหาปากท้องประชาชน แต่คนในพรรรคพลังประชารัฐเองกลับออกมาซัดกันนัว ทั้งเลื่อยขา ทั้งแย่งเก้าอี้

ทั้งเก้าอี้หัวหน้าพรรค เก้าอี้เลขาธิการพรรค ไปจนถึงเก้าอี้รัฐมนตรี

ผนวกกับบทสนทนาทางไลน์ ที่มีการโจมตีโดยตรงไปที่ “อุตตม สาวนายน” ในฐานะหัวหน้าพรรค และ “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” ในฐานะเลขาธิการพรรค ที่ไม่สนใจเหลียวแล ส.ส.ในพรรคตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา หลุดออกมาสู่สาธารณะ

ต่อด้วยการโหมโรงทันทีว่าจะมีการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรค เป็น “บิ๊กป้อม” “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” ในฐานประธานที่ปรึกษา มานั่งแทนบัญชาการแทน และเอา “สันติ พร้อมพัฒน์” มานั่งเก้าอี้เลขาธิการ

ทั้งยังมีการปล่อยข่าวปรับเปลี่ยนเก้าอี้รัฐมนตรีในหลายตำแหน่ง มีทั้งคนหลุดโผ และคนใหม่โผล่เข้ามาแทนที่

เล่นเอาหลายคนต้องสะดุ้งเพราะอยู่ๆ ตกเก้าอี้ โดยไม่มีสัญญาณเตือนมาก่อนซะอย่างนั้น

ทันทีมีข่าวแพร่กระจายเกิดแรงกระเพื่อมขึ้นอย่างรุนแรงในพรรค

รุนแรงเพราะในพรรคพลังประชารัฐเองมีหลายกลุ่ม หลายก๊วน หลายมุ้ง หลายเหล่า

เพราะชื่อที่ออกมาเป็นก๊กของกลุ่มภาคกลาง ที่นำโดย “ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ” รองหัวหน้าพรรค “วิรัช รัตนเศรษฐ” ประธานวิปรัฐบาล “สุชาติ ชมกลิ่น” ประธาน ส.ส.พรรค และ “สันติ พร้อมพัฒน์” กรรมการบริหารพรรค และมี “เสธ.อ้น” พล.อ.กนิษฐ์ ชาญปรีชญา ส.ว.ชุดปัจจุบัน และคนใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร แถมยังมีชื่อ “โฆษกแหม่ม” “นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” เข้ามามีส่วนร่วมกับการเขย่าเก้าอี้ในครั้งนี้

สอดรับกับไลน์หลุดที่มีการโจมตีหัวหน้าและเลขาฯ จนมีการเรียก “สุชาติ” ว่าท่านรัฐมนตรี อย่างไม่ต้องเหนียม

ว่ากันว่างานนี้มีการเคลื่อนไหวใหญ่ “เปิดเกมดีล” ให้กรรมการบริหารพรรคเขียนใบลาออก โดย “รัฐมนตรีตั้น” เขียนใบลาออกเป็นคนแรก และให้ม้าเร็วส่งใบลาออกไปยังกรรมการบริหารพรรคในก๊วนต่างๆ

ทำเอาผึ้งแตกฮือ…เพราะไม่มีการเรียกประชุมในเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ ไม่มีสัญญาณมาจากผู้ใหญ่ ไม่มีใครการันตีว่าเรื่องนี้ข้อเท็จจริงตื้นลึกหนาบางเพียงใด มีเพียงการบอกกล่าวว่า “ให้เขียนใบลาออก”

ทุกฝ่ายต้องเช็กข่าวในพรรคกันวุ่นวาย สะเทือนไปถึงหัวหน้าพรรคและเลขาฯ เพราะต้องไม่ลืมว่า “อุตตม” ก็ดี “สนธิรัตน์” ก็ดี หรือแม้แต่ “สุวิทย์ เมษินทรีย์” รองหัวหน้าพรรค ก็ดี 3 ใน 4 กุมารล้วนเป็นเด็กในคาถาของ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” ถึงแม้จะไม่มี ส.ส.ในมือ แต่ “สมคิด” ไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปง่ายๆ แน่

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะเคยมีสัญญาใจเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ว่าจะต้องมีการปรับเปลี่ยนหมุนเวียนตำแหน่งรัฐมนตรีในพรรค และจะต้องมีการเปลี่ยนตัวเลขาธิการพรรค ที่เคยมีชื่อ “อนุชา นาคาศัย” มาเป็นแม่บ้านแทน ซึ่งทั้งหมดจะเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์

แต่เนื่องด้วยสถานการณ์โควิดมาเยือน ทำให้ทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ล่วงหน้า

จึงทำให้เกิดกระแสกดดันในพรรคอย่างหนัก…

ทว่าการเขียนใบลาออกยังมีการดำเนินต่อ ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่เป็นเฉพาะในกรรมการบริหารพรรคของส่วนภาคกลาง ที่จะต้องรวบรวมใบลาออกให้ได้ 18 คน เพื่อให้มีการประชุมพรรค เพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคใหม่ทั้งหมด จาก 34 คน

แน่นอนว่า “กลุ่ม 4 กุมาร” ไม่เอาด้วย “กลุ่มสามมิตร” ไม่เอาด้วย ในขณะที่กลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ก็ไม่เอาด้วยเช่นกัน เพราะไม่เห็นด้วยที่ “กลุ่มภาคกลาง” ที่นำโดย “รัฐมนตรีตั้น” ออกมาเคลื่อนไหวโดยพลการ

อีกทั้งทุกวันนี้ กลุ่มสามมิตรที่นำโดย “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” “สมศักดิ์ เทพสุทิน” และ “อนุชา นาคาศัย” แพ็กกันแน่นกับกลุ่ม “สมคิด” จึงไม่มีทางเอาด้วย

แต่ก็มีบ้าง ที่ “เสี่ยแฮงค์” จะยังติดใจเก้าอี้รัฐมนตรีในส่วนของตัวเองที่จะต้องได้ เช่นเดียวกับ “เสี่ยเฮ้ง”

สุดท้าย “พี่ใหญ่ป้อม” ทุบโต๊ะ ไม่เอาตำแหน่งหัวหน้า และสั่งให้ทุกคนหยุด หย่าศึกสยบข่าวร้าว…!!!

แต่ก็ยังมีเสียงกระซิบว่า หย่าศึกครั้งนี้ เป็นการพักรบเพียงชั่วคราว แต่คลื่นใต้น้ำยังมีอยู่ กลุ่มใบลาออกยังเคลื่อนไหว เพราะใกล้จะได้ครบ 18 ใบ

แต่เสียงกรรมการบริหารพรรคฝั่งที่ไม่เอาด้วยยังมีมากกว่า…

สุดท้าย รัฐมนตรีสายตรงทำเนียบก็สะดุดขาตัวเอง หลังจากที่พยายามเป็นกุนซือคนใกล้ชิด ชี้แนะแนวทางให้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปฏิบัติตาม ที่มีการใช้ทีมพีอาร์ชาวต่างชาติ ทั้งการทำจดหมายน้อยขอความร่วมมือจากนักธุรกิจขนาดใหญ่ในประเทศให้มาร่วมแก้ปัญหาโควิด ทั้งการคิดคอนเทนต์ต่างๆ ให้นายกฯ

กลับถูกกระแสตีกลับจากสังคม และไม่เป็นผลดีต่อตัวนายกฯ แทบทั้งสิ้น

จนเป็นเหตุให้ “บิ๊กตู่” เมินที่จะพูดคุยสนทนากับ “รัฐมนตรีตั้น” อีกต่อไป เพราะได้สร้างปัญหามามากพอแล้ว ไม่เพียงไม่คุยกับรัฐมนตรีสายตรงทำเนียบ แต่ยังเรียก “อุตตม” และ “สนธิรัตน์” เข้าพบพูดคุยหลังจากประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ตึกไทยคู่ฟ้า

เหมือนเป็นการตีแสกหน้าใครบางคนเข้าอย่างจัง

ไม่เพียงเท่านั้น “อุตตม” ยังออกมาให้สัมภาษณ์ว่า นายกฯ ให้กำลังใจในการทำงาน รวมไปถึง “สนธิรัตน์” ก็ได้รับกำลังใจจากนายกฯ เช่นกัน

“นอกจากนั้น นายกฯ ยังบอกด้วยว่าให้ทำหน้าที่และทำงานต่อไป เหมือนที่ทำอยู่ตอนนี้ ทำด้านไหนอยู่ก็ทำเช่นนั้นต่อไป ดังนั้น ในส่วนของพรรคก็ไม่มีอะไรแล้ว เราพูดคุยกันได้ ซึ่งความเห็นทางการเมืองก็มีได้ที่แตกต่างกัน แต่สุดท้ายแล้วก็สามารถดูแลและพูดคุยกันได้ โดยนายกฯ ได้ชี้แนะและให้ทำงานให้เต็มที่”

เมื่อมีการถามย้ำว่า เป็นการให้ความมั่นใจให้ทำหน้าที่หัวหน้าและเลขาฯ พรรคต่อใช่หรือไม่ “อุตตม” ตอบช้าๆ ชัดๆ ว่า “นายกฯ ก็บอกว่าทำอะไรอยู่ตอนนี้ก็ให้ทำต่อไป ทั้งเรื่องในรัฐบาลและเรื่องในพรรค”

ขณะที่ “สนธิรัตน์” บอกว่า ต่อจากนี้จะได้มีโอกาสพบและพูดคุยกับ พล.อ.ประวิตรถึงปัญหาต่างๆ โดยยืนยันว่า ขณะนี้ไม่มีอะไรแล้ว

เมื่อถูกถามว่า แสดงว่าสถานการณ์ในพรรคยังไม่ยุติตามที่มีกระแสข่าวใช่หรือไม่ “สนธิรัตน์” ตอบทันทีว่า “คิดว่ายุติแล้ว เพราะนายกฯ บอกว่าทุกอย่างยุติแล้ว ก็ไม่มีอะไร อย่าไปบอกว่าจะมีอะไร เพราะเราเป็นคนมุ่งทำงาน ส่วนความเห็นต่างๆ ก็คงต้องไปคุยกัน”

เป็นการตอกหน้ากลุ่มเคลื่อนไหวล่าใบลาออก ว่านายกฯ “เลือกใคร”

จึงมีเสียงสะท้อนจากในพรรคว่า การเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น เป็นการเคลื่อนไหวที่ผิดที่ ผิดเวลา ในขณะที่บ้านเมืองเกิดวิกฤต คนในพรรคแกนนำรัฐบาลกลับออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง เพื่อตำแหน่งของตัวเอง

ในขณะเดียวกัน ทางฝ่ายหัวหน้าและเลขาฯ ก็จะต้องดูแล ส.ส.ในพรรคเพิ่มมากขึ้นกว่าที่ผ่านมาเช่นกัน…

งานนี้ต้องดูกันแบบยาวๆ ว่าจะพักรบ หรือสงบศึก…