ทราย เจริญปุระ : ใช่, การร่วมเพศ

“มีหลายสิ่งที่อ่านแล้วทำให้ตระหนักได้ว่าเราไม่เคยใช้ชีวิต ไม่เคยมีความรู้สึก ไม่เคยประสบพบเจอต่อสิ่งใดเลยมาจนถึงตอนนี้ บัดนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉันส่วนใหญ่นั้นเป็นเรื่องของความเจ็บป่วย เป็นเรื่องทางกาย สิ่งที่เกิดขึ้นคือ อวัยวะเพศสัมผัสกัน ผสานกัน แต่ไม่มีการปะทุ ความคลั่งหรืออารมณ์วาบหวาม ฉันจะแก้ไขได้อย่างไร ฉันจะเริ่มรู้สึก-มีความรู้สึกจริงๆ ได้อย่างไร…”

ฉันเคยอ่านเจอว่า นิสัยติดตรึง ลุ่มหลงอะไรได้ง่ายๆ นี่เป็นคุณสมบัติที่ดีของการเป็นนักแสดง

เราจะเข้าถึงบทบาท เราจะสลายกลายร่างจากเราที่เป็นเราไปเป็นคนอื่นได้ไม่หยุดหย่อน แต่มันไม่ใช่นิสัยที่เข้าท่าเท่าไหร่ในความเป็นมนุษย์ เพราะมันมีแต่จะดึงดูดความพินาศ โศกนาฏกรรม และปัญหามาสุมรุมรวมกันอยู่ที่ตัวเอง เราจะมองทุกอย่างด้วยสายตาอันพร่ามัวไปด้วยประกายปรารถนา และคิดว่าคงจะอยู่ได้ไม่พ้นวันหากขาดสิ่งใดไป

ฉันติดบุหรี่ ฉันติดกาแฟ ฉันติดกับรูปแบบของความมั่นคงส่วนตัวบางอย่าง

แต่ถ้าจะให้พูดจริงๆ

ฉันแต่งเรื่องนี้ขึ้นมาเองหรือเปล่านะ

หนังสือที่ว่าอาจไม่เคยปรากฏบนพื้นโลก ย่อหน้าที่อ่านมามีอยู่จริงเพียงในจินตนาการของฉันเอง

“ฉันเริ่มรู้สึกเศร้า เศร้าเพราะความทุรนทุราย ฉันรู้ว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับฉันแล้ว ฉันรู้สึกร้อนรุ่มกับความปรารถนาที่จะเป็นผู้หญิง ทะลวงเข้าสู่การมีชีวิต ทำไมฉันต้องยึดติดเป็นทาสความคิดที่ว่าตกหลุมรักกันก่อน แล้วชีวิตฉันจะเริ่มต้นตรงไหน…ดูเหมือนว่ากระแสน้ำยิ่งใหญ่ไหลผ่านฉันไปโดยทิ้งฉันไว้เพียงลำพัง ฉันคงจะต้องหาใครสักคนที่รู้สึกแบบเดียวกับฉัน แต่จะไปหาที่ไหน ที่ไหนกัน”

“เนินนางวีนัส” ถูกเขียนขึ้นเมื่อหลายสิบปีมาแล้ว ในรูปแบบเรื่องสั้นเปี่ยมตัณหา จากคำสั่งของบุคคลลึกลับคนหนึ่ง ซึ่งต้องการอ่านเรื่องการร่วมเพศ

ใช่, การร่วมเพศ

ไม่ใช่การร่วมรัก ไม่มีพื้นที่ให้อะไรลึกซึ้งละเอียดอ่อนเช่นนั้น ขอแค่ความลุ่มหลงมัวเมา กายเนื้อสัมผัสบดเบียดกันในบรรยากาศของดำฤษณา ลุ่นๆ ทื่อๆ ตรงไปตรงมา

แต่สิ่งที่ อนาอิส นิน เขียนออกมา นอกจากจะเป็นจินตนาการถึงสิ่งแวดล้อมอันเป็นกวี แดดอุ่นยามสาย รอยแยกชื้นแฉะในพื้นที่สงวนและหนั่นเนื้อของคู่สวาทแล้ว ตรงพื้นที่ซึ่งปราศจากฉากการร่วมรัก กลับสะท้อนถึงผู้หญิงได้หลากหลายแบบ

“หากว่า Diary ได้รับการตีพิมพ์โดยไม่ถูกตัดทอนเนื้อหาใดๆ ออกไป มุมมองแบบผู้หญิงจะเป็นที่ประจักษ์ชัดเจนยิ่งขึ้น มันจะแสดงให้เห็นว่าผู้หญิงทั้งหลาย (ฉัน และบรรดาผู้หญิงใน Diary) ไม่เคยแยกเรื่องเซ็กซ์ออกจากความรู้สึก และจากความรักที่มีต่อผู้ชายสักคนหนึ่ง”

-มันเป็นเรื่องของความเชื่อมั่นในตัวเอง-ฉันกล่าว

เธอไม่รู้หรอก ว่าคนแบบฉัน ทำงานแบบฉัน เป็นมนุษย์ที่โหยหาความมั่นใจที่สุดในโลกแล้ว เราดื่มกินมัน เราสูดมันเข้าไปต่างออกซิเจนหรือสารเสพติดที่ส่งผลตรงต่อทุกเส้นประสาทในสมอง

ความมั่นใจในเรื่องเหล่านี้ทำให้คนอย่างฉันกล้าที่จะก้าวออกจากบ้าน ออกไปผจญโลก รับมือกับสารพัดปัญหาที่ถาโถมเข้ามา ความมั่นใจว่าเป็นที่ต้องการแน่ๆ ความมั่นใจว่ายึดกุมทุกความคิด เลือดเนื้อของเธอทุกหยาดหยดเป็นของฉัน ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฉัน หลั่งรดลงทั้งในและนอกร่าง ทุกพื้นที่ ทุกเวลา เธอปรารถนาฉันเสมอ เพียงการมองสบตาก็ทำให้ร่างกายของเธอลุกเป็นไฟ เมื่อฉันจรดริมฝีปากไปไม่ว่าจะบนพื้นที่ส่วนไหนของร่างกาย เธอจะทำได้เพียงสยบยอมแต่ที่ฉันยังไม่ได้บอกเธอก็คือ, นอกจากจะมั่นใจในตัวเองแล้ว ความมั่นใจในตัวเธอก็มีส่วนอยู่บ้างเหมือนกัน

ไม่ใช่มั่นใจถึงความรักอย่างตรงไปตรงมาแบบโรแมนติคที่เธอคงจะคิดไปอย่างนั้น

แต่มั่นใจว่าเธอจะรักฉันมากพอที่ฉันจะใช้มันควบคุมเธอได้

ไม่รู้สิ ถ้ารู้สึกรักเสียบ้าง เราก็คงมีคำตอบให้กับตัวเองได้ ว่าทำไมจึงมานอนอยู่ตรงนี้ ไม่ว่าจะในห้องซอมซ่อห่มปูด้วยเสื้อผ้าค้างคืน หรือพื้นที่รโหฐานโอฬาริก

จะเป็นคำตอบที่ดีหรือไม่ ใช่หรือไม่ ไม่มีใครจะรู้ได้

แค่ตอบเพื่อผ่านนาทีนั้นๆ ไปได้

แล้ววันรุ่งขึ้นกับหนทางเดินจะเคียงคู่กันไปได้หรือไม่

ขอหลับใหลหลังร่วมรักเสียก่อนเถิด

ตื่นมาคงได้คำตอบบ้างสักคำ

“เนินนางวีนัส” (Delta of Venus) เขียนโดย Ana?s Nin แปลโดย รังสิมา ตันสกุล ฉบับพิมพ์ครั้งแรกโดยสำนักพิมพ์ไลบรารี่ เฮ้าส์, เมษายน 2560


หมายเหตุ : ข้อความในเครื่องหมายคำพูดมาจากในหนังสือ