อนุสรณ์ ติปยานนท์ : กลิ่นทะเล-กลิ่นเกลือ-กลิ่นกาย

ปากะศิลป์ฉบับอ่านใหม่ (28)
เรื่องเล่าจากเหมืองเกลือบทที่หก

เขาตื่นขึ้นแต่เช้าตรู่ ท้องฟ้ายังมืดสนิท นาฬิกาเรืองแสงที่หัวเตียงนอนบอกว่าเป็นเวลาหกนาฬิกา ที่บ้านเกิดของเขา เวลาเช่นนี้ท้องฟ้าน่าจะสว่างไสวแล้ว แต่นี่เป็นโปแลนด์ ยุโรป และเป็นยุโรปในฤดูหนาว คงอีกนับชั่วโมงกว่าแสงสว่างจะมาถึง

กลิ่นของท้องทะเลปลุกเขาให้ตื่น เขาได้กลิ่นของคลื่นทะเลที่ซัดเข้าสู่ฝั่งอย่างต่อเนื่อง

เขาได้กลิ่นไม้เก่าของเรือหาปลา เขาได้กลิ่นของปลาสดที่ขึ้นจากเรือ เขาได้กลิ่นของผืนทรายชายฝั่งยามต้องแดด และสุดท้ายเขาได้กลิ่นของเกลือ

เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาได้กลิ่นของเกลือ

เขารู้ดีว่าเกลือมีรสแต่ปราศจากกลิ่น แต่เช้าวันนั้นเป็นครั้งแรกที่เขาเชื่อว่าเกลือนั้นมีทั้งรสและกลิ่นเพียงแต่กลิ่นของเกลือนั้นบางเบาจนไม่อาจรู้สึกได้ในยามปกติ

หญิงสาวผู้นั้นยังคงหลับใหล ร่างท่อนบนอันเปลือยเปล่าของเธอโผล่พ้นผ้าห่มนวมหนาหนักออกมา แม้ในความมืดเขาก็ประจักษ์ได้ในผิวหนังที่ขาวนวลของเธอ หญิงสาวผู้นั้นปราศจากรอยสักดังที่เป็นที่นิยมในหญิงสาวทั่วไป

เมื่อคิดถึงรอยสัก เขาก็คิดถึงภรรยา

 

นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้คิดถึงเธอ เขาทบทวนก่อนจะพบว่าคืนก่อนหน้านั้นเขายังคิดถึงเธอมีเพียงคืนที่ผ่านมาที่ภรรยาของเขาหรือที่ถูกคืออดีตภรรยาของเขาไม่ได้ผ่านเข้ามาในความคิดคำนึง

เขาเข้านอนพร้อมกับหญิงสาวผู้นั้น ร่วมรักและหลับใหลลง

ตลอดเวลาทั้งวันนับแต่ค่ายกักกันจนถึงเหมืองเกลือจนถึงขณะนี้ เขาไม่ได้คิดถึงอดีตภรรยาของตนเองเลย

ก่อนหน้าการเลิกราของพวกเขาทั้งคู่ไม่นานนัก อาจเป็นสองถึงสามเดือนเขาจำวันที่ที่แน่นอนไม่ได้ ภรรยาของเขากลับบ้านพร้อมกับยาแก้ปวด เธอพับแขนเสื้อขึ้นจนสุด เผยไหล่ขวาที่มีรอยสัก “ฉันไปสักมาในวันนี้” สิ่งที่ไม่คาดฝัน ภรรยาของเขาไม่เคยมีรอยสัก ไม่เคยพูดถึงการสัก ไม่เคยเอ่ยถึงสิ่งเหล่านั้นมาก่อนเลย เธอสักรูปเล็กตรงไหล่ขวาเป็นรูปของนกที่กำลังโบยบิน

เมื่อหวนคิดถึงรอยสัก ถึงเรื่องราวเหล่านั้น เขาพบว่ามันคือการส่งสัญญาณการจากลาของเธอ

เป็นการบอกลาที่นิ่มนวล

“ฉันเปลี่ยนไปแล้ว ฉันเปลี่ยนตนเองไปแล้ว ฉันกลายเป็นนก นกที่กำลังจะบินจากไป คุณโปรดเตรียมใจไว้ด้วย”

แต่เขาไม่ได้เตรียมใจ ไม่ได้เตรียมใจแม้แต่น้อย ความเคยชินทำให้มนุษย์ละเลย หลงลืม เขาเพียงแต่ยักไหล่ แปลกใจในวันนั้น “คุณไม่ใช่เด็กๆ แล้ว” เขาพูดเท่านั้นในวันนั้น ไม่ได้ฉุกใจแม้แต่น้อย แม้กระทั่งว่าภรรยาของเขาหาได้ยินยอมให้เขาแตะต้องตัวของเธอหลังจากนั้น

ครั้งสุดท้ายที่เขาทั้งคู่ร่วมรักกันไม่มีอะไรน่าจดจำ แต่นั่นเองเขาพยายามนึกถึงรายละเอียดของมัน บ่ายวันอาทิตย์ที่ว่างแสนว่าง ไม่มีเสียงครวญคราง ไม่มีความรู้สึกอยากสัมผัส ไม่แน่ใจด้วยซ้ำไปว่าใครกันแน่ที่เป็นผู้อยากปลดเปลื้องอารมณ์ตนเอง ภรรยาของเขายังอยู่ในชุดนอน เธอฉีดน้ำหอมก่อนเริ่มต้นการร่วมรักครั้งนั้นด้วยซ้ำไป

แต่เขาจำได้ว่าเขาไม่ได้กลิ่นอะไรเลย มันจบลงแบบแห้งแล้ง ว่างเปล่า

และหลังจากนั้นไม่นานนักเธอก็กลับบ้านพร้อมกับรอยสัก

รอยสักที่เป็นรูปนกโบยบิน

 

เขาลุกออกจากเตียงนอน หญิงสาวผู้นั้นยังคงหลับใหล เขาห่มผ้าห่มให้เธอ ซ่อนร่างกายของเธอไว้ภายใต้ผ้านวมหนาหนัก หลังจากนั้นเขาตรงเข้าไปที่ห้องน้ำ ทำความสะอาดร่างกาย เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ โทร.สั่งอาหารจากทางโรงแรม ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ริมหน้าต่าง มองไปเบื้องนอก เฝ้ารอแสงสว่างที่กำลังจะมาถึง

หญิงสาวผู้นั้นตื่นขึ้นในขณะที่เขากำลังเทกาแฟจากกาให้เธอ เขายื่นแก้วกาแฟนั้นให้เธอ “คุณหลับสนิทมากจนผมไม่กล้าปลุก ผมถือวิสาสะสั่งอาหารเช้าแบบของผมให้คุณ คุณจะทานมันเลยไหม?”

ระหว่างรอคำตอบ เขารูดม่านหน้าต่างจนสุดขอบ แสงแดดเข้ามาในห้องนั้นจนสว่างไสว

“ผมได้กลิ่นของทะเลเมื่อเช้า ผมอยากรู้ว่าจากหน้าต่างตรงนี้จะมองเห็นทะเลได้หรือไม่?”

หญิงสาวผู้นั้นจิบกาแฟในแก้ว วางมันลงตรงโต๊ะข้างเตียง “ไม่มีทาง ที่นี่ห่างจากทะเลมาก”

“แต่ผมได้กลิ่นทะเล”

“กลิ่นคลื่น กลิ่นไม้เก่าคร่ำคร่าของเรือหาปลา กลิ่นของผืนทรายที่เปียกชื้น ถ้าคุณตั้งใจคุณอาจได้กลิ่นของสาหร่ายทะเลด้วยซ้ำไป”

เขานิ่งเงียบ หายใจเข้าปอดอย่างช้าๆ

“ไม่ใช่กลิ่นของทะเล” หญิงสาวกล่าว “ที่คุณได้กลิ่นนั้นคือกลิ่นจากร่างกายของฉัน”

 

เขานั่งบนเตียงเคียงข้างเธอ กลิ่นที่เขารู้สึกได้เมื่อเช้าปรากฏขึ้นให้เขาได้สัมผัสชัดเจนอีกครั้ง

“จำบทสนทนาของฉันที่จบลงเมื่อวานได้ไหม ฉันเล่าถึงอาหารนานาชนิด อาหารจำนวนมากที่แม่ทำ แต่แม่ปฏิเสธการใส่เกลือลงในนั้น และรสชาติอาหารของแม่ปราศจากรสเค็มใดๆ”

เขาพยักหน้ารับ

“ในความเป็นจริงนั้น แม้นว่าเราจะไม่ใช้เกลือปรุงอาหารก็ตาม ความเค็มหรือรสเค็มย่อมปรากฏจากสิ่งอื่นได้เสมอ ดังนั้น การที่ฉันรู้สึกได้ว่าอาหารของแม่ไม่มีรสเค็มนั้นมาจากลิ้นและการรับรสของฉัน ไม่ใช่ความผิดของแม่ ในขณะที่แม่สูญเสียความต้านทานต่อเกลือ ฉันกลับสูญเสียการรับรู้รสโดยเฉพาะรสเค็ม”

“เรื่องราวของมันไม่จบเพียงเท่านั้น” หญิงสาวถอนหายใจ ช่วงเวลาเดียวกันกับที่ฉันสูญเสียความสามารถในการรู้สึกได้ถึงรสเค็ม ร่างกายของฉันกลับมีกลิ่นของทะเล

“คุณไม่ต้องประหลาดใจ กลิ่นของทะเลที่ปรากฏจากร่างกายของฉันไม่ได้มีขึ้นในยามปกติ มันปรากฏขึ้นหลังจากการมีเพศสัมพันธ์ อย่างที่เล่า ฉันเข้ามาเรียนหนังสือในเมืองหลวง ในชั้นมัธยมปลาย ฉันมีเพศสัมพันธ์เป็นครั้งแรกกับเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่บ้านของเขา หลังจากเราร่วมรักกัน เขาเปิดหน้าต่างห้องนอน ชวนฉันไปทะเล ผมนึกถึงทะเลตลอดเวลาที่อยู่กับคุณ เขาบอกกับฉันเช่นนั้น และนั่นเป็นเหตุการณ์ที่ฉันรู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งผิดแผกแปลกประหลาดออกไปจากเดิม ฉันกลับบ้าน อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่มีกลิ่นของทะเลติดตัวฉัน เรื่องนั้นฉันแน่ใจได้ แต่แล้วในการมีเพศสัมพันธ์อีกครั้งกับเขา และบทสนทนาเป็นแบบเดิม ฉันก็แน่ใจว่ามีบางสิ่งถูกปลดปล่อยออกมาหลังจากที่ฉันร่วมรัก มีท้องทะเลขนาดใหญ่ มีมหาสมุทรขนาดใหญ่แฝงอยู่ในตัวของฉัน มันคือการเอาคืนของธรรมชาติอย่างเจ็บปวด แม่ปฏิเสธเกลือและความเค็ม ฉันไม่รับรู้รสของมัน แต่แล้วฉันกลับเป็นบุคคลที่ทำให้ทุกคนนึกถึงท้องทะเลและเกลือ กลิ่นของทะเลได้กลายเป็นสัญลักษณ์ส่วนตนของฉัน มันอยู่ติดตัวฉันไม่ต่างจากรอยสักบนร่างกายของบุคคลอื่นๆ”

เขาเอื้อมมือไปโอบกอดร่างเปลือยเปล่าของเธอ หน้าอกอ่อนละมุนของเธอสัมผัสกับต้นแขนของเขา กลิ่นของฝูงนกนางนวลที่บินจากไปพร้อมกับอาหารของมันปรากฏขึ้นในการรับรู้ของเขา

 

“คุณอยากไปทะเลไหม?” เขาถาม

หญิงสาวผู้นั้นพยักหน้า

“ทานอาหารเช้าของคุณเสีย ผมจะออกไปดูว่าเราจะมีรถเที่ยวแรกเมื่อไหร่พร้อมทั้งหาเสื้อผ้าใหม่ให้คุณ เราจะขึ้นเหนือไปยังทะเลบอลติค เราจะไปให้ถึงเมืองท่ากดั้นสค์ในวันนี้”