ความสุข “อนุทิน” คนไข้โควิดลด “ยิ่งมีความกดดัน ยิ่งต้องพิสูจน์ตัวเอง” ปากเสียเพื่อหยุดแพร่เชื้อเข้าประเทศ

ในยามที่ไวรัสร้ายระบาด กลายเป็นสงครามโควิด-19 ถือว่า “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นรองแม่ทัพ ผู้นำเบอร์ 2 รองจาก “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ผู้บัญชาการสูงสุดในศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.

ทุกข้อมูลที่นำมาสู่การตัดสินใจของ ศบค.และรัฐบาล หลักสำคัญมาจาก “วอร์รูมหมอ” ในกระทรวงสาธารณสุขที่ “อนุทิน” กุมบังเหียน

ในสถานการณ์ที่การติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศติดเชื้อเหลือหลักสิบ แทนหลักร้อย “อนุทิน” กล่าวอย่างภูมิใจว่า

“ไม่มีใครดีใจเท่าผมหรอก เพราะผมเป็น รมว.สาธารณสุข การที่ควบคุมการระบาดได้ การที่ไม่ต้องเห็นคนเสียชีวิต คนเข้าห้องไอซียู ใส่ท่อช่วยหายใจ ยังไงก็หนีความรับผิดชอบไม่พ้น เมื่อมีการทำงานและทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ผมต้องขอบคุณท่านนายกฯ ขอบคุณรัฐมนตรีทุกคนใน ครม. ขอบคุณแพทย์ พยาบาล ข้าราชการในกระทรวงที่สามารถทำให้เราควบคุมสถานการณ์นี้ได้ และ สธ.จะเป็นหน่วยงานที่ประชาชนไว้วางใจ ซึ่งพิสูจน์ให้เห็น”

เขายอมรับว่ามีจุดที่ผิดพลาดด้วยคำพูดบางอย่าง

“ผมอาจปากเสียบ้างวันที่ผมไล่ฝรั่ง แล้วพูดจริงไหม ในวันที่การระบาด คนที่เข้ามาในบ้านเราควรจะต้องทำตามกฎของเขาหรือกฎของเรา นี่คือสิ่งที่ผมไปบอก ถ้าเรายื่นไมตรีไปให้โดยการแจกหน้ากากในที่สาธารณะ เจอแขกต่างประเทศไม่ใส่หน้ากากและมาจากประเทศที่ติดเชื้อมากมาย ผมเอาหน้ากากไปให้เขา เขาปัดมือผม แล้วแยกเขี้ยวใส่ผม ถ้าถามว่าเป็นเจ้าของบ้านจะให้เขาเข้าบ้านหรือเปล่า ที่ผมทำไม่ให้เกิดการแพร่เชื้อเพิ่มมากขึ้น”

ในความคิดของ “อนุทิน” ช่วงที่เกิดการระบาดสูงสุด คนยังเข้าประเทศไม่ขาดสาย จึงต้องใช้มาตรการเข้มไว้ก่อน

“จะให้ไปพูดหวานๆ หรือ แล้วสุดท้าย เห็นไหม…คนที่ผมบอกคือพวกไหน คือคนที่มาจากประเทศที่บอกว่าไม่ต้องใส่หน้ากาก เพราะถือว่าคนใส่หน้ากากอนามัยคือคนป่วย นั่นคือวัฒนธรรมของเขา

แต่วันนี้ WHO รวมถึงรัฐบาลประเทศนั้นๆ บอกว่า ถ้าออกจากบ้านโดยไม่ใส่หน้ากากอนามัยถือว่าผิดกฎหมาย แต่เรายังไม่ออกกฎนี้เลย เจ๋งไม่เจ๋งล่ะ เพราะของเราให้ความร่วมมือ”

“อนุทิน” บอกว่า ชอบทำงานที่กระทรวงสาธารณสุข ประทับใจตั้งแต่เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการในรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร แม้กระทั่ง comeback ในฐานะรัฐมนตรีว่าการที่ต้องสู้รบโควิด-19 เขายังมองแง่บวก ไม่มองแง่ร้าย

“ผมไม่ได้มองว่าโชคร้ายหรือโชคดี แต่ทำภารกิจได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่ามีความกดดันใดๆ มาก็ไม่ท้อถอย เสียกำลังใจ ยิ่งมีความกดดัน ผมก็ยิ่งต้องพิสูจน์ตัวเอง เป็นอุปนิสัยของผมตั้งแต่ไหนแต่ไร และตัวผมเอง ผม enjoy กับการทำงานที่สาธารณสุข ผมขอมา เพื่อนนักการเมืองไม่ต่ำกว่า 80% ทายถูกว่าผมอยากมากระทรวงสาธารณสุข”

“ผมชอบข้าราชการ ชอบทำงานกับทีมงานกระทรวงสาธารณสุข เข้ามาวันแรกไม่ต้องทดลองงาน มีความสุขกับการได้เห็นคนหายป่วย มีส่วนกับการผลักดันให้สุขภาพคนไทยแข็งแรง ผมอาจโรคจิตก็ได้ ที่แฮปปี้ของผมแบบนี้”

ท่ามกลางเสียงเรียกร้องของชาวบ้าน ผู้ประกอบการ SMEs จนถึงนักธุรกิจใหญ่ถึงมาตรการ “คลายล็อก” ของรัฐบาล หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ดูจะคลี่คลาย “อนุทิน” เตือนว่า ไวรัสโควิด-19 ในไทยยังไม่ถึงจุดพีก

“ยังไม่ถึงจุดพีก เราพยายามที่จะกดมันไม่ให้ไปถึงจุดพีก เราคอนโทรลมัน ประเทศไทยจึงไม่ถึงจุดพีก เพราะจุดพีกคือการติดเชื้อมหาศาล เราถึงได้กด ต้องแลกด้วยความไม่สะดวกหลายๆ อย่าง สิ่งที่เราทำทุกวันนี้คือทำให้ประเทศไทยปลอดภัย”

พิษจากการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ อิสรภาพของคนไทยถูกจำกัดในบางส่วน “อนุทิน” อยากให้มองเป็นแง่บวกถึงการใช้ชีวิตในอนาคต ชีวิตคนไทยที่จะเป็น new normal อาจกลายเป็นแรงเหวี่ยงสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจไทยกลับมาเข้มแข็ง

“ผู้คนต้องมานั่งดูว่าเราจำเป็นต้องทำขนาดนั้นหรือ เรามีอุปกรณ์สื่อสารเชื่อมต่อกันทั่วโลกเห็นหน้าชัดแจ๋ว ทำไมต้องเอาตัวเองออกจากบ้านแล้วไปเสี่ยง ประเทศไทยไปที่ไหนก็สวยงาม จำเป็นไหมต้องเดินทางไปต่างประเทศ ขนเงินออกไปเท่าไหร่ เมื่อท่องเที่ยวในเมืองไทย เมืองรองก็จะเป็นเมืองหลัก เมืองหลักก็จะเป็นเมืองซูเปอร์”

“ที่วันนี้เมืองรองไม่มีใครกล้าลงทุนเรื่องท่องเที่ยว เพราะเราไม่เที่ยว แต่ถ้านั่งรถไฟ นั่งเครื่องบินไปขี่ควาย enjoy กับการทำนา ดำนา ทำไมจะทำไม่ได้ back to basic เพราะสุดท้ายโควิดก็ทำให้ทุกคน back to basic ถ้าต่อไปใช้ชีวิตแบบนี้ได้ เราจะมี income ที่มาก แต่รายจ่ายน้อย ความมั่นคงทางเศรษฐกิจก็เกิดขึ้น”

“อนุทิน” มองว่านี่คือวิกฤตนี้ทำให้เกิดโอกาสใหม่ สร้าง new normal มาตรฐานการดำรงชีวิตแบบใหม่ ร่างกายแข็งแรง ทำให้สังคมดีขึ้น เศรษฐกิจดีขึ้น

“ประเทศที่ระบบสุขภาพแข็งแรงใครจะไม่มา คิดง่ายๆ ระหว่างเราไปป่วยเมืองนอก กับ ป่วยอยู่เมืองไทย ในฐานะคนป่วยใครได้รับการปฏิบัติที่ดีกว่า คนจีนมาป่วยโควิดในเมืองไทย 20 คนแรก รอดทุกคน มีระดับรองนายกฯ ไปเยี่ยม ไทยเมื่อเทียบกับประเทศมหาอำนาจอื่นๆ เรื่องเศรษฐกิจ เรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ เราไม่มีอะไรเทียบกับเขาเลย แต่ทำไมเรื่องสุขภาพของประชาชนที่สำคัญที่สุดในยุคนี้เราถึงเป็นผู้นำได้ ดังนั้น เราต้องมีความหวังว่า ไม่ว่ามหาอำนาจตะวันตก ตะวันออก ให้ความเชื่อถือประเทศไทยว่ามีระบบสุขภาพ สาธารณสุขที่ดี ระหว่างไปประเทศที่มีระบบสุขภาพดี กับไปประเทศที่ระบบสุขภาพไม่ดี จะไปเที่ยวที่ไหน”

เขายังเชื่อว่า ยิ่งประเทศไทยสวยงาม คนไทยสามารถรักษามลภาวะให้เป็นเหมือนช่วงนี้ได้ ประเทศไทยก็จะมีแต่คนหลั่งไหลเข้ามา การลงทุนจะเกิด นักลงทุนก็ต้องเข้ามาประเทศไทย เพราะยังมีพื้นที่มากมายมหาศาล ยังมี EEC ที่ชักชวนให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในประเทศไทย กลายเป็นประเทศที่มีความแข็งแรงในทุกๆ ด้านในอนาคตไม่ไกลจากนี้ไป ขอเพียงได้ความร่วมมือจากประชาชนเต็มที่

“สุขภาพที่ดีสำคัญกว่าการมีธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในโลก”

เขายังทิ้งท้ายถึงวิถีชิวิตแบบใหม่ในวันนี้

“เกิดมาในชีวิตไม่เคยได้นอน 3 ทุ่ม แต่ตอนนี้ทำได้”

นี่คือ “อนุทิน” กับการใช้ชีวิตแบบ new normal ในช่วงโควิด ถึงบ้าน 6 โมงเย็น เข้านอนตั้งแต่ 3 ทุ่ม

และยังต้องรับศึกกับโควิด-19 ต่อไปแบบยาวๆ นั่นเอง