ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 1 - 7 พฤษภาคม 2563 |
---|---|
ผู้เขียน | เสถียร จันทิมาธร |
เผยแพร่ |
วิถีแห่งกลยุทธ์ เหมยฉางซู/เสถียร จันทิมาธร
นิทานว่าด้วย ชายหนุ่มคนหนึ่ง (43)
ในราชสำนักของแคว้นหนึ่ง มีเจ้าเมืองบรรดาศักดิ์หวังคนหนึ่งคุมกำลังทหารหาญป้องกันแนวชายแดนได้รับความโปรดปรานและไว้วางพระทัยจากองค์จักรพรรดิเสมอมา
มีอยู่ปีหนึ่งท่านหวังพาธิดามาที่นครหลวง
จวิ้นจู่น้อยถูกรั้งให้อยู่ในวังจึงได้รู้จักกับสหายตัวน้อยลูกท่านหลานเธอทั้งหลาย 1 ในนั้นเป็นบุตรโทนของแม่ทัพใหญ่ อายุมากกว่านาง 2 ปี อุปนิสัยร่าเริง เอาแต่ใจ บุคลิกสง่าผ่าเผย
ทั้งคู่มักหยอกล้อเย้าแหย่กันเป็นประจำ
องค์ไท่โฮ่วเห็นพวกเขาสนิทสนมจึงจัดการให้ทั้งสองหมั้นหมายกัน แม้จวนท่านหวังกับจวนแม่ทัพใหญ่มิได้ไปมาหาสู่ลึกซึ้งแต่อย่างไรก็ถือว่าฐานะทัดเทียม 2 ตระกูลจึงไม่มีความเห็นเป็นอื่น
มิคาด
หลังจากหมั้นหมาย 1 ปีผ่านไป แม่ทัพใหญ่ถูกดึงให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีกบฏทำให้ถึงแก่ชีวิตทั้งพ่อ-ลูก แม้ท่านหวังอยู่ไกลถึงชายแดนไม่เกี่ยวข้องกับคดีนั้น ทว่าสุดท้ายเพราะการหมั้นหมายของบุตรสาวทำให้พลอยเดือดร้อนไปด้วย
องค์จักรพรรดิทรงเริ่มบังเกิดความเคลือบแคลงในพระทัย ดังนั้น เสบียงอาหาร อาวุธยุทโธปกรณ์ล้วนมิได้จัดสรรปันส่วนเท่ากับแต่ก่อน
เวลา 2 ปีที่ขาดแคลนสิ่งต่างๆ แน่นอนย่อมส่งผลกระทบต่อการซ้อมรบ
ในห้วงเวลานั้นเองแคว้นเพื่อนบ้านพลันยกทัพรุกรานชายแดน ส่งผลให้ศึกหนึ่งปราชัย ศึกสองม้วยมรณ์ เหลือทิ้งไว้เพียงธิดาสาวที่อ่อนแอ กองทัพปราศจากผู้นำ
สถานการณ์คับขันมากขึ้นทุกที แต่กำลังหนุนก็ยังมาไม่ถึง
จวิ้นจู่น้อยวัย 17 จำต้องออกศึกทั้งชุดไว้ทุกข์ นำทัพแทนบิดา ปักหลักยืนหยัดต่อสู้ จนกระทั่งสถานการณ์ชายแดนคลี่คลาย
ใต้เท้าเซี่ย ท่านว่าจวิ้นจู่น้อยคนนี้ใช่น่าอัศจรรย์หรือไม่
แม้สถานการณ์คลี่คลายแต่ยังไม่นับว่าสงบ ศึกครั้งนั้นจวิ้นจู่ได้ประกาศศักดา ทหารม้าทั้งกองทัพล้วนสดุดี ราชสำนักหาคนที่เหมาะสมกว่านางไม่ได้จึงมอบตำแหน่งเจ้าเมือง ผู้นำกองทัพแดนใต้ให้นางเป็นการชั่วคราว
ต่อมา เป็นช่วงเวลายาวนานถึง 10 ปี หลายครั้งที่ชายแดนตกอยู่ในอันตรายล้วนเป็นนางที่แบกรับภาระตามลำพัง
ทุกคนต่างมองเห็นแค่ความเกรียงไกรของจอมทัพหญิง แต่จะมีผู้ใดรับรู้ถึงรสชาติความกดดันและทุกข์ทนในใจนาง แม้กระทั่งหลายคนถึงกับไม่ทราบว่าเมื่อ 2 ปีก่อนนางได้ประสบกับสถานการณ์วิกฤตที่แทบไม่มีเรี่ยวแรงกอบกู้คืนมา
ผู้ใต้บังคับบัญชาของจวิ้นจู่ช่ำชองการรบ เชี่ยวชาญรุกรับ อานุภาพน่าเกรงขาม ทว่า กลับมีจุดอ่อนประการหนึ่ง นั่นคือศึกทางน้ำ
วิกฤตครั้งนั้น เนื่องจากประเทศเพื่อนบ้านมีผู้ทรงภูมิคนหนึ่งกำหนดแผนการรบทางน้ำที่ร้ายกาจขึ้นมา
เริ่มจากใช้แผนจู่โจมกะทันหันเพื่อช่วงชิงท่าข้ามฟากมาให้ได้ จากนั้นใช้เรือใหญ่เป็นค่าย เรือเล็กเป็นอาวุธ ทางน้ำเป็นถนน
ลำเลียงทหารบุกทะลวงขึ้นแผ่นดิน
แม้สุ่มเสี่ยง ทว่าได้ผลดีเกินคาด จวิ้นจู่หากใช้กำลังทั้งหมดโจมตีท่าข้ามฟาก ทหารข้าศึกก็จะอาศัยความชุลมุนเล็ดลอดขึ้นฝั่ง
หากโจมตีข้าศึกในน้ำ ก็เท่ากับใช้จุดอ่อนของตัวเองโจมตีจุดแข็งของศัตรู
ยามนั้นผู้ใต้บังคับบัญชาต่อให้เก่งกาจปานใดก็ยังหาวิธีทำลายข้าศึกไม่ได้ ในฐานะที่เป็นขุนทัพ ความกลัดกลุ้มร้อนรุ่มในใจของจวิ้นจู่เวลานั้นไม่ต้องคิดก็รู้
ขณะที่กำลังคับขันสุดขีดในค่ายปรากฏชายหนุ่มผู้หนึ่งขึ้น
แนะนำตัวเองว่าชำนาญการศึกทางน้ำ วิงวอนขอรับตำแหน่งในกองทัพ จวิ้นจู่สายตาแหลมคมจึงรับไว้เป็นกรณีพิเศษ
ชายหนุ่มนั้นกลับมิได้คุยโวแม้ครึ่งคำ
หลังจากวางแผนอยู่ครึ่งเดือนก็ออกรบด้วยตัวเอง เพียงครั้งเดียวก็สยบศัตรูราบคาบ
หลังจบศึก จวิ้นจู่เดิมคิดนำผลงานของเขารายงานต่อราชสำนักเพื่อขอพระราชทานบำเหน็จรางวัล ทว่าชายหนุ่มนั้นไม่ทราบด้วยเหตุอันใดกลับยืนกราน
ไม่ยอมให้จวิ้นจู่รายงานชื่อของเขาต่อเบื้องบน อาจเพราะคนนี้ไม่มีใจรับราชการ
ช่วงครึ่งปีต่อมา ชายหนุ่มผู้นั้นยังคงรั้งอยู่ในค่ายทหารของจวิ้นจู่ โดยเริ่มต้นฝึกสอนกลวิธีการรบทางน้ำเพื่อซ่อมเสริมสิ่งที่ขาดตกบกพร่อง
ชายหนุ่มมีอุปนิสัยตรงไปตรงมา บุคลิกโดดเด่น
ซ้ำมองโลกในแง่ดี มีอารมณ์ขัน หน้าตาและอายุของทั้งสองใกล้เคียง เมื่อคลุกคลีนานวันเข้าย่อมเกิดความรู้สึกที่ดีต่อกันอย่างเลี่ยงไม่ได้
เป็นแต่ไม่สบโอกาสเวลา ต่างฝ่ายต่างมิได้แสดงความรู้สึก
ช่างน่าเสียดายนัก