ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 1 - 7 พฤษภาคม 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | หน้า8 |
เผยแพร่ |
ไม่เคยมีครั้งไหนในประวัติศาสตร์ไทยที่จะมีคนเดือดร้อนขนาดนี้
ภาพคนจำนวนมากมายืนต่อคิวยาวเหยียดแทบทุกจังหวัด
เพียงเพื่อรอรับแจก “ข้าวกล่อง” 1 กล่อง
หรือ “ถุงยังชีพ”
ฝนตกหรือแดดร้อนเปรี้ยงก็ยอมทนรอ
บางคนมารอตั้งแต่ตี 4 เพื่อจะได้คิวแรกของที่แจกตอน 9 โมงเช้า
เป็นภาพที่ชัดเจนว่าคนไทยเดือดร้อนจากวิกฤตไวรัสโควิดจริง
เพราะถ้าไม่เดือดร้อนจริงคงไม่มายืนตากแดดเพียงเพื่อข้าวกล่องแค่ 1 กล่อง
ทั้งนี้ วิกฤตนี้เพิ่งเริ่มต้นได้เพียง 2-3 เดือน
เหมือนเป็นคำตอบว่าช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยย่ำแย่ขนาดไหน
ก่อนที่ “โควิด” จะเป็น “ฟางเส้นสุดท้าย” ที่หล่นลงมา
ถ้าการควบคุมจำนวนคนติดเชื้อโควิดจนเหลือเพียงแค่เลขตัวเดียวต่อวัน เป็นผลงานของรัฐบาล
มาตรการ 5,000 บาท ก็เป็น “ตราบาป” ของรัฐบาลชุดนี้
ตั้งแต่การใช้วิธีการ “คัดเข้า” ที่ยุ่งยาก-ซับซ้อน
และล่าช้าอย่างยิ่ง
ทั้งที่ช่วงเวลานี้ “ความเร็ว” เป็นเรื่องสำคัญที่สุด
ถ้าข้าว 1 กล่อง คนยังยอมต่อคิวตั้งแต่ตีสี่
เงิน 5,000 บาทย่อมมี “ความหมาย” อย่างยิ่งสำหรับคนยากจน
การที่รัฐบอกว่าจะให้ แล้วไม่ให้
คนที่หวังว่าจะได้ แล้วไม่ได้
ในโลกนี้ไม่มีอะไรเจ็บปวดเท่ากับ “ความหวัง” อันน้อยนิดถูกทุบทำลาย
ไม่แปลกที่จะมีบางคนเลือกหนทาง “ฆ่าตัวตาย” เพราะความเจ็บแค้นที่ไร้ทางออก
แต่กระทรวงการคลังกลับเลือกแนวทางของ “นกกระจอกเทศ”
ซุกหน้าอยู่ใต้ดิน
ไม่เห็น ไม่ได้ยิน
แสดงว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลังเหตุการณ์ที่คนมาประท้วงที่กระทรวงการคลังจนเป็นข่าวใหญ่โต
วิธีแก้ปัญหาของ “อุตตม สาวนายน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังก็คือ ปิดประตูไม่ให้คนที่มาร้องเรียนเข้ากระทรวง
คนที่ต้องการร้องเรียนเรื่องเงินช่วยเหลือ 5,000 บาท ต้องมายืนอยู่หน้าประตูรั้วกระทรวงการคลัง
มีเจ้าหน้าที่ 2-3 คนมารับเรื่องแบบขอไปที
ทำให้ “คนจน” เป็นยิ่งกว่า “คนอนาถา”
ว่ากันว่า “ความเหลื่อมล้ำ” ในเมืองไทยวันนี้ไม่ต้องไปดูที่ไหน
ไปที่หน้ากระทรวงการคลังก็เห็นชัดเจนแล้ว
ในขณะที่ท่านรัฐมนตรีและข้าราชการทั้งหลายนั่งอยู่ในห้องแอร์ที่มาจากภาษีประชาชน
แต่คนจนที่เดือดร้อนต้องยืนตากแดด ตากฝน อยู่หน้ารั้ว
จะเข้ามาในกระทรวงเพื่อขอร่มเงาจากอาคารหรือต้นไม้บ้างก็ยังไม่ได้เลย
เหมือนเป็นคนละ “วรรณะ” กัน
ไม่รู้ว่าอยู่เมืองไทยหรืออินเดียกันแน่