หนุ่มเมืองจันท์ | อนาคตของ wfh

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC

วันก่อนลองทำวิจัยแบบไม่เป็นทางการเรื่องการทำงานที่บ้าน หรือ work from home ผ่านเพจของผม

เพราะหลายคนบอกว่า นี่คือหนึ่งใน newnormal หรือความปกติรูปแบบใหม่ของการทำงานหลังพ้นวิกฤตโควิด-19

ผมโพสต์คำถามนี้วันที่ 11 เมษายน หลังจาก กทม.ประกาศปิดห้าง และรัฐบาลประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินได้ประมาณ 2 สัปดาห์

บริษัทต่างๆ เริ่มให้พนักงานทำงานที่บ้านมาพักหนึ่ง

เป็นจังหวะที่เหมาะสม

ผมถามง่ายๆ 2 ข้อ

“หลังจากหลายคนได้ wfh มาได้พักหนึ่งแล้วอยากทราบว่า

1. การทำงานที่บ้านดีไหมครับ ทั้งความคล่องตัวของตัวเราเอง และประสิทธิภาพในการทำงาน มีปัญหาอะไรที่พบเจอบ้าง

2. หลังโควิด-19 ผ่านไป คิดว่าบริษัทควรจะ work from home สัปดาห์ละกี่วัน หรือไม่ควรทำ”

เป็นโพสต์ที่คึกคักมากครับ

เหมือนเป็นคำถามที่ทุกคนอยากตอบ

แป๊บเดียว 259 ความเห็น

ล้วนเป็นความเห็นที่มีประโยชน์มาก เพราะมีหลายแง่มุมที่นึกไม่ถึง

ตอนแรกผมคิดว่าส่วนใหญ่จะชอบการทำงานที่บ้าน เพราะประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง

ได้เวลาในชีวิตกลับมาฟรีๆ วันละ 1-3 ชั่วโมง

ไม่เหนื่อย ไม่เครียดกับรถติดด้วย

ไม่ต้องตื่นเช้าเพื่อรีบไปทำงานให้ทัน

ผู้หญิงก็ไม่ต้องแต่งหน้า แต่งตัว

ทุกอย่างดูดี โลกสวย น่า wfh มากๆ

แต่โลกมีหลายมุมให้มองครับ

“ข้อดี” ของการทำงานแบบ wfh มีหลายเรื่อง

เรื่อง “การเดินทาง” ทุกคนพูดเหมือนกันหมดว่าทำงานที่บ้านดีมาก

ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง

ประหยัดค่าใช้จ่ายได้เยอะทีเดียว

คนที่ทำงานด้านครีเอทีฟ หรือต้องใช้สมาธิในการทำงานจะชอบ wfh เพราะไม่ต้องคุยกับใครเหมือนที่ทำงาน

ที่สำคัญ ทุกคนได้เรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ในการทำงาน โดยเฉพาะการประชุมออนไลน์

ผู้บริหารบางคนบอกว่าการประชุมผ่าน zoom ดีมาก

กระชับ ไม่เยิ่นเย้อ

ต้องพูดทีละคน แย่งกันพูดไม่ได้เพราะจะฟังไม่รู้เรื่อง

มีคนหนึ่งบอกว่า ประชุมแบบนี้ทุกคนต้องเตรียมการประชุม

ใครไม่เตรียมมาจะรู้เลย

เช่นเดียวกับหัวหน้างานบางคนที่ไม่เตรียมตัวมา จะสั่งงานไม่ได้

ที่หนักกว่านั้นก็คือ การทำงานที่บ้าน ทำให้แยกได้ว่างานไหนจำเป็น

งานหลายหน้าที่และระบบการทำงานบางอย่างสามารถลดขั้นตอนลงได้

นั่นคือ “ข้อดี”

แต่เชื่อไหมครับว่า แทบทุกคนตอนนี้อยากเข้าออฟฟิศ

อยากเจอเพื่อนๆ

…เหงา

บรรยากาศในสำนักงานที่เคยเป็นเรื่องน่าเบื่อ หรือเป็นเรื่องปกติธรรมดา

พอทำงานอยู่ที่บ้านพักหนึ่งจะเริ่มถวิลหา “ผู้คน” และ “บรรยากาศ”

อยากไปกินข้าวกลางวันกับเพื่อน

เพิ่งรู้ว่าการเมาธ์มอยระหว่างมื้อเป็นการพักผ่อนรูปแบบหนึ่งของคนทำงาน

มีคนหนึ่งถึงขั้นบอกว่า “หลังจากนี้คนจะรักที่ทำงานมากขึ้นครับ”

“หนึ่ง” น้องที่เชี่ยวชาญเรื่อง HR สรุปภาพรวมได้ชัดเจน

“อาทิตย์แรก ทุกคนตื่นเต้นมาก

สัปดาห์ที่สอง แทบร้องขอชีวิตกับบริษัทว่ากรุณาให้ไปทำงานที่ออฟฟิศเถอะ”

การทำงานที่บ้านนั้นต้องมี “วินัย”

มีคนหนึ่งเปรียบเทียบดี

“wfh เหมือนการเรียนรามฯ การควบคุมตัวเองสำคัญ”

โดยเฉพาะเมื่อเจอเตียงนอนดูดวิญญาณ

มีน้องคนหนึ่งบอกว่า คนที่คุมตัวเองไม่ได้ เริ่มรู้ตัวว่า “ชอบความมาโซคิสนิดๆ เพราะคิดว่าการมีผู้บังคับบัญชาคอยสอดส่อง บางทีมันก็รู้สึกกระตือรือร้นกว่านะคะ 555”

แต่บางคนบอกว่า การอยู่ที่บ้านกลายเป็นว่าประชุมมากกว่าอยู่ที่บริษัท

เพราะบางบริษัทต้องจองห้องประชุม

แต่ wfh ทุกคนอยู่หน้าจอ

อยากประชุมก็บอกกล่าวกันนิดนึงแล้วประชุมเลย

หลายคนติงว่าไม่ได้คุยแบบเห็นหน้า ทำให้สื่อสารกันยากกว่าเดิม

ประสานงานไม่สะดวก

แต่ประเด็นหนึ่งที่ผู้บริหารนึกไม่ถึงก็คือ “บ้าน” ของแต่ละคนไม่ใช่ว่าพร้อมจะเปลี่ยนเป็น “ที่ทำงาน”

คนที่ “บ้านมีรั้ว” มีห้องทำงานส่วนตัว ติดเครื่องปรับอากาศ

หรืออยู่คอนโดฯ คนเดียว มีความพร้อมด้านเครื่องมือต่างๆ

จะคิดอีกแบบหนึ่ง

แต่คนจำนวนไม่น้อยที่ “บ้าน” ไม่พร้อม

อยู่กันหลายคน ไม่มีห้องส่วนตัว

มีเครื่องปรับอากาศ แต่ก็ไม่กล้าใช้ กลัวค่าไฟกระฉูด

สัญญาณอินเตอร์เน็ตก็ไม่ดี

บางคนยังใช้ “เน็ตมือถือ” อยู่เลย

คอมพิวเตอร์ยังเป็นเครื่องเก่า สเป๊กไม่แรง

โต๊ะทำงานก็ไม่พร้อม เก้าอี้ก็ไม่เหมาะกับการนั่งทำงานนานๆ

อ่านดูแล้ว บางทีเหมือนกึ่งบ่นมากกว่าทุกข์จริง

แต่บางเรื่องก็เป็น “ของจริง” ครับ

โดยเฉพาะเรื่องนี้

น้องคนหนึ่งส่งรูปการทำงานที่บ้านมาให้ดูแทนคำตอบ

เป็นรูปคุณพ่อกำลังนั่งทำงาน

มีเด็กน้อยกอดคอขี่หลังอยู่

เหมือนหนัง “ชัตเตอร์” เลยครับ

ภาพเดียวชัดเจน

ครับ ใครที่มีลูกอยู่บ้านช่วงปิดเทอม

การทำงานที่บ้าน คือวิบากกรรมครั้งใหญ่

อยากเล่นกับลูกก็อยากเล่น อยากทำงานก็อยากทำ

“ตัวงาน wfh ได้ แต่ไม่คล่องตัว ลูกพัวพัน ขอเข้าไปทำงานในออฟฟิศ ไหว้แล้วค่ะ”

ได้อารมณ์มาก 555

บางคนก็บอกตรงๆ ว่า “ทำงานที่บ้านไม่ดี”

ไม่ใช่เรื่องงาน

แต่เพราะ “เจอสามีเกือบ 24 ชั่วโมง ทะเลาะกันทุกวัน”

อีกคนเป็นพวกวิญญาณ “แม่บ้าน” เข้าสิง

พอทำงานอยู่บ้านปั๊บ

“เอะอะเห็นแดดไม่ได้ จะไปซักผ้า”

เชื่อไหมครับ มีคนเข้ามากด like แล้วบอกว่า “เป็นเหมือนกัน”

แต่อีกคนหนึ่งให้ความเห็นในฐานะ “แม่บ้าน” เต็มตัว

คือ อยู่บ้าน

พอ “สามี” work from home

“ไม่ดีเลยค่ะ เวลานอนตอนบ่ายหายไป อึดอัดชอบกล”

ชัดเจนมาก

ครับ อ่านดูแล้วเหมือนกับว่าคนส่วนใหญ่ไม่ชอบ wfh เพราะพูดแต่ “ข้อเสีย”

แต่จริงๆ ทุกคนชอบนะครับ

เพราะคำถามที่ 2 ที่ถามว่า “หลังโควิด-19 ผ่านไป คิดว่าบริษัทควรจะ work from home สัปดาห์ละกี่วัน หรือไม่ควรทำ”

ไม่มีใครตอบว่าไม่ควรทำ

แต่ไม่มีใครอยาก wfh ทุกวัน

ส่วนใหญ่ตอบว่าขอ wfh 1-2 วัน

เพราะชอบเหมือนกัน

ผมเชื่อว่านี่คือแนวทางใหม่ของการทำงานหลังโควิด-19

หลายบริษัทจะให้พนักงานทำงานที่บ้านได้สัปดาห์ละ 1-2 วัน

แต่ถ้าใครที่บ้านไม่มีความพร้อม ก็มาทำงานที่ออฟฟิศได้

คนหนึ่งที่ผมเชื่อว่าจะเลือกมาทำงานที่ออฟฟิศแน่ๆ

คือ น้อง “ชัตเตอร์” ครับ