อุรุดา โควินท์ / ทางรอดอยู่ในครัว : เหตุเพราะร้อน

“เราข้ามมื้อกลางวันไปเลยก็ได้นะ” เขาบอก

วันนี้อากาศร้อนมาก ค่าฝุ่นขึ้นไปถึงสี่ร้อยกว่า เรายังหายใจสะดวกในห้องแอร์ที่มีเครื่องฟอกอากาศ แต่เมื่อออกไปข้างนอก เราได้กลิ่นควันชัดเจนมาก ลมหายใจช่างหน่วงหนัก และฉันจะคันยิบๆ ทั้งตาและจมูก

ในฤดูร้อน ครัวกึ่งเปิดแบบต่างจังหวัดย่อมร้อน เมื่อบวกฝุ่นเข้าไป ฉันต้องใส่หน้ากากทำกับข้าว เวลาชิมอาหารค่อยถอดหน้ากาก

เขาคงเห็นว่ามันทุลักทุเลนัก จึงคิดว่า กินข้าวแค่มื้อเช้ากับมื้อเย็นก็น่าจะพอ

แต่ฉันไม่เห็นด้วย เราควรกินสามมื้อ ทั้งการทำอาหารช่วยให้ฉันผ่อนคลายจากงานเขียน และเป็นเวลาที่เราสองคนได้พักผ่อน

ไม่มีเหตุผลให้เรางดอาหาร

แม่ครัวไม่ยอม แม่ครัวยืนยันที่จะทำ

“ต้มมาม่ากินมั้ย” เขาเสนอทางเลือกที่รวดเร็ว “ใส่ไข่ด้วย” มีออปชั่นเสริม คงกลัวฉันว่ามีแต่แป้ง

“มาม่าตอนร้อนๆ อย่างนี้นะเหรอ แน่ใจน่ะ” ฉันถาม

“ก็จริง”

ฉันอดขำไม่ได้ ขืนต้มมาม่าตอนนี้ เราต้องเหงื่อท่วมตัว

นี่มันกลางเมษายน สงกรานต์ซึ่งไร้น้ำและเสียงเฮฮาจากข้างบ้าน

นับเป็นปีใหม่เมืองเงียบที่สุดของชาวเชียงราย และร้อนที่สุดด้วย เพราะฝนก็ไม่มา

ฉันไม่ได้เล่นน้ำสงกรานต์หลายปีแล้ว รวมทั้งไม่นิยมไปสังสรรค์กับใคร แต่ฉันรู้สึกดีที่ได้เห็นคนรอบตัวสนุกสนาน เฮฮา

ใครไม่ได้กลับบ้านมาทั้งปี ก็จะกลับตอนนี้ เพื่อนเก่ามักนัดเจอกัน เลี้ยงรุ่น เลี้ยงห้อง อยู่ในช่วงวันสงกรานต์ทั้งสิ้น

ปี 2563 เป็นปีที่ทุกคนต้องข่มจิตข่มใจ อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน โดยหวังว่าจะมีเรื่องดีๆ รออยู่

เราอดทนกันเพียงนี้ ฉันก็ควรทนร้อนทนฝุ่น ออกไปทำมื้อกลางวันได้

“เดี๋ยวหาอะไรง่ายๆ ไม่เกินครึ่งชั่วโมงหรอก” ฉันบอกเขา แล้วเดินไปที่ครัว

จะไปครัวต้องผ่านสระบัว ซึ่งตอนนี้แห้งจนแทบไม่เหลือน้ำ ฉันพยายามไม่มองมัน เดินผ่านไปซะ หยิบหน้ากากมาใส่ แล้วหุงข้าว

ยังไม่รู้จะทำอะไร แต่แน่ใจว่าควรกินข้าว เพราะเมื่อเช้าเรากินมันฝรั่ง

 

เปิดตู้เย็น แล้วฉันก็คิด มันแปลกอยู่เหมือนกัน ที่ฉันชอบกินข้าวมาก แต่ให้กินทุกมื้อคงไม่ไหว ต่อให้กับข้าวเปลี่ยนไปทุกมื้อก็เถอะ ฉันมักมีมันฝรั่งติดบ้าน เส้นหมี่ขาว เส้นหมี่ซั่ว เส้นพาสต้าหลายๆ แบบ และขนมปังด้วย

สำหรับมื้อนี้ ง่ายที่สุด เร็วที่สุด จะเป็นผัดพริกหมู มีสันคอหมู ทำอะไรก็อร่อย ฉันซื้อมาครั้งละหนึ่งกิโลกรัม ตัดแบ่งเป็นสามถุง ใส่ช่องแข็งไว้ ค่อยเอาออกมาใช้ทีละถุง

หั่นหมูเป็นชิ้นสวยๆ หมักซีอิ๊วขาวมันน้ำมันงาไว้

แล้วหั่นพริกชี้ฟ้า

ต้นหอมไม่มี ไม่เป็นไร ไม่ใส่ก็ได้ ในยามข่มใจ เราไม่ควรเรื่องมาก แต่ถ้ามีกระเทียมอยู่ควรเอามาเจียวโรยหน้าสักหน่อย

หมูผัดพริกจะอร่อยขึ้นมาก ถ้ามีกระเทียมโรยหน้า กระเทียมเพิ่งแกะได้ไม่ถึงเดือน ยังเปลือกบาง เจียวยาก แต่เจียวแล้วจะอร่อยเป็นพิเศษ กระเทียมคล้ายข้าวตรงที่หลังเก็บเกี่ยวราวสามเดือน มันจะยังมียางและมีความมัน หลังจากนั้นจึงค่อยๆ หายไป

เริ่มจากเจียวกระเทียม ตำหยาบๆ ก็พอ ใส่น้ำมันลงกระทะ เอากระเทียมลงไปตอนที่น้ำมันยังไม่ร้อน ใช้ไฟอ่อน และคนไม่หยุดมือ พอกระเทียมเริ่มเหลืองค่อยเร่งไฟ นับหนึ่งถึงสิบ แล้วรีบปิดเตา เทน้ำมันออกจากกระเทียม เอากระดาษซับน้ำมันออกให้เยอะที่สุด โรยเกลือเล็กน้อย เก็บไว้ในตู้เย็นได้

ยังกรอบอีกหลายวัน

 

ฉันใช้กระทะใบเดิมทำหมูผัดพริก ใส่น้ำมันลงไปนิดหน่อย พอน้ำมันร้อน ก็ใส่หมูที่หมักไว้กับกระเทียมทุบพร้อมกัน

คนกระทั่งหมูสุก จึงใส่พริก ปรุงรสด้วยน้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว และเกลือ บางคนติดหวานก็ใส่น้ำตาลได้ แต่ไม่ควรลืมว่าน้ำมันหอยเจือรสหวานอยู่แล้ว

ผัดให้พริกสุกก็ปิดเตา โดยควบคุมไฟไม่ให้แรงไป บางคนผัดไฟแรง โดยเติมน้ำลงไปในกระทะนิดหน่อย แบบนั้นจะใช้เวลาน้อยกว่า เพราะพริกสุกเร็ว แต่ฉันชอบให้หมูผัดพริกออกมาแห้งๆ จึงเลือกใช้ไฟกลาง พลิกตะหลิวไปเรื่อยๆ จนพริกสุก

เลือกจานสีขาวที่มีลวดลายกิ่งไม้ จานใบนี้จะช่วยให้หมูผัดพริกดูแพงขึ้น

โรยกระเทียมเจียว แล้วฉันก็ยกไปตั้งบนโต๊ะ

ข้าวเพิ่งสุก ยังไม่ได้ได้ดง หมายถึงฉันใช้เวลาทำหมูผัดพริกราว 20 นาที ทนร้อนนิดหน่อย แต่ได้มื้อกลางวันที่อร่อยและประหยัด

ระหว่างรอข้าวดง ฉันดาวไข่สองฟอง ทำพริกน้ำปลาเพิ่ม แล้วโทรศัพท์เรียกเขา

 

พอเห็นอาหารบนโต๊ะ เขาก็ยิ้ม

“ดีกว่ามาม่าตั้งเยอะ” ฉันรีบดักคอ

“ต้องดีกว่าอยู่แล้ว ไม่ได้กินนานเหมือนกันนะหมูผัดพริกเนียะ”

ใช่ ไม่ได้คิดถึงมันนานมาก ฉันมักทำผัดกะเพราหรือหมูกระเทียม กรณีที่อากาศไม่ร้อนนัก

ตักหมูผัดพริกคำแรกเข้าปาก ฮืม…อร่อยมาก หมูนิ่ม หอมน้ำมันงาด้วย

นอกจากจะขอบคุณตัวเองที่ขยัน ความร้อนก็มีส่วนทำให้เมนูนี้กลับมาสู่โต๊ะอาหารของเรานะ ฉันคิด