ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 1 - 7 พฤษภาคม 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | กรองกระแส |
เผยแพร่ |
กรองกระแส
สถานการณ์ฉุกเฉิน
สถานะ ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ขัดแย้ง และแตกแยก
การประกาศและบังคับใช้สถานการณ์ฉุกเฉินครั้งแรกในเดือนมีนาคม ได้รับความเห็นชอบและสนับสนุนอย่างกว้างขวางจากแทบทุกภาคส่วนของสังคม
ถือว่าเหมาะสมและสอดรับกับสภาพการแพร่ระบาดของไวรัส
เมื่อเวลาผ่านไป 1 เดือน ทุกฝ่ายมีความเห็นร่วมกันว่าสถานการณ์ดีขึ้นและสมควรจะผ่อนคลายจากสถานการณ์ฉุกเฉินมาเป็นการใช้ พ.ร.บ.โรคระบาดเพียงอย่างเดียวก็น่าจะเพียงพอ
แต่แล้วรัฐบาลกลับคงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินออกไปอีก
แม้จะมีบางส่วนเห็นชอบด้วย แต่หลายๆ ภาคส่วนเริ่มมีความรู้สึกว่ารัฐบาลกำลังใช้มาตรการฉุกเฉินเพื่อเป็นเครื่องมือในทางการเมือง
ยืดและขยายเวลาให้กับรัฐบาล ให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ปัญหาความขัดแย้ง
แตกแยกการเมือง
ต้องยอมรับว่าปัญหาที่รัฐบาล โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เผชิญอยู่เป็นปัญหาและความขัดแย้งและแตกแยกที่ดำรงอยู่มาอย่างยาวนาน
1 เป็นปัญหาพื้นฐานตั้งแต่ก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549
1 เป็นปัญหาจากความล้มเหลวในการบริหารจัดการของรัฐบาล โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นับแต่ก่อนและหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
1 เป็นปัญหาภายหลังการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 ทั้งจากภายในและภายนอก
1 เป็นปัญหาอันเกิดขึ้นภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโดยการประกาศและบังคับสถานการณ์ฉุกเฉิน
ปัญหาทั้งหมดนี้เกิดขึ้นและดำรงอยู่ในลักษณะสะสม
สะสมและสะท้อนความขัดแย้งจาก “ภายใน” และประสานเข้ากับปัญหาจาก “ภายนอก” และขยายให้ใหญ่โตขึ้นจากปัจจัยทางด้านสังคม
เมื่อใดกลายเป็นปัญหาของสังคม ปัญหาของประชาชนก็จะปะทุ ใหญ่โตและแตกหัก
ปัญหาภายใน
ปัญหารัฐบาล
การปะทุขึ้นของความขัดแย้งและแตกแยกภายในพรรคพลังประชารัฐอันรวมศูนย์อยู่ที่ตำแหน่งหัวหน้าพรรคของนายอุตตม สาวนายน คืออาการหนึ่งของโรค
โรคที่ดำรงอยู่ก่อนและภายหลังเดือนมิถุนายน 2562
เหมือนกับเป็นการรุกจากอีกหลายกลุ่มฝ่ายที่ต้องการจะลิดรอนและขจัดอำนาจกลุ่มนายอุตตม สาวนายน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ ออกไป
แต่หากดูจากเส้นทางการปล่อยข่าวก็จะอ่านออกว่าเป็นการปล่อยเพื่อป้องกันตัว
ด้านหนึ่ง ป้องกันสถานะของตนเอง ขณะเดียวกัน ด้านหนึ่ง เปิดโปงและทำลายเครือข่ายของอีกฝ่ายให้ตกอยู่ในสถานะตั้งรับ
แต่ที่สุดแล้วก็ยืนยันว่าความขัดแย้งดำรงอยู่จริงๆ ภายในพรรคพลังประชารัฐ
เมื่อใดที่การต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งภายในพรรคพลังประชารัฐได้รับการขยายและประสานเข้ากับการกดดันจากพรรคร่วมรัฐบาล
เมื่อนั้นการปรับ ครม.ครั้งใหญ่จะต้องบังเกิด
ความขัดแย้ง แตกแยก
ชี้ชะตาอนาคตรัฐบาล
ต้องยอมรับว่าปัญหาอันหนักหนาของรัฐบาลอยู่ที่ตัวของรัฐบาลเอง อาการของโรคสำแดงผ่านปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐ
อาการของโรคสำแดงผ่านปัญหาของพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย
เมื่อใดที่ไม่สามารถประนีประนอมกันได้จำเป็นต้องปรับ ครม. นั่นสะท้อนถึงความแตกแยกระส่ำระสาย
นั่นย่อมเป็นโอกาสที่ปัจจัย “ภายนอก” จะรุดเข้าไป
ไม่ว่าจะเป็นการรุกบนเวทีแห่งรัฐสภาจากพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาชาติ พรรคเพื่อชาติ พรรคพลังปวงชนไทย
ไม่ว่าจะเป็นการรุกจากพลังของคนรุ่นใหม่ผ่านกระบวนการแฟลชม็อบ
หากประสานเข้ากับความหงุดหงิดไม่พอใจและมองไม่เห็นผลงานจากประชาชนอย่างกว้างขวางใหญ่โต
ปลายหอกย่อมพุ่งเข้าใส่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา