มนัส สัตยารักษ์ | SAVE จิตแพทย์

แวบแรกเมื่อเห็น นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุขในทีวี ผมคิดว่าคุณหมอเป็นคนที่ผมเคยรู้จักมาก่อน แต่นึกไม่ออกว่าเคยรู้จักกันที่ไหน อย่างไร…คิดอีกทีก็ไม่น่าจะเป็นไปได้

ดูและฟังคุณหมอทางทีวีบ่อยเข้าก็มโนนึกได้ว่า หน้าตาคุณหมอมีประพิมพ์ประพายคล้ายกับเพื่อนบ้านในวัยเด็กที่เปรียบเสมือนญาติของผมคนหนึ่งคือ “บูน โก-ลก” เท่านั้นเอง

หลังจากนั้นไม่นาน คุณหมอก็มาทำหน้าที่โฆษก ศบค. หรือศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) คราทีนี้ได้เจอหน้าคุณหมอบ่อยขึ้น เห็นทีไรก็ไม่วายคิดถึงบูน

วันหนึ่งลูกผ่านมาทางที่ผมนั่งดูทีวีอยู่จึงถามลูกว่า “ช่วยดูทีซิว่าหมอคนนี้เหมือนญาติพ่อคนไหนสักคนไหม?”

ลูกหยุดดูอยู่ครู่หนึ่งแล้วเดินผ่านเลยไปโดยไม่ตอบ เพราะฟังดูเป็นคำถามที่ไร้สาระ นึกขึ้นได้ว่าลูกเขาเป็นเด็กกรุงเทพฯ ไม่ใช่เด็กหาดใหญ่ใน จะไปรู้จักเพื่อนบ้านหรือญาติของพ่อสมัยโบราณได้อย่างไร

ยังดีที่ลูกไม่ตอบว่า พ่อน่าจะเป็นคนไข้ของหมอมากกว่าจะเป็นญาตินะ

แท้ที่จริง นพ.ทวีศิลป์มีคุณลักษณะบางอย่างที่ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกเป็นมิตร และสำหรับคนที่สร้างมโนภาพได้ค่อนข้างลึกซึ้งอย่างผม ก็อาจจะเห็นเป็นญาติร่วมสายเลือดไปโดยไม่รู้ตัว

แล้ววันหนึ่ง นพ.ทวีศิลป์ก็ถูกถล่มจากหลายมุม เกือบทุกมุมมาจากเจ้าของเพจที่ผมเชื่อถือและชมชอบทั้งสิ้น

มียกเว้นเพียงท่านเดียวซึ่งผมไม่รู้จักคือ คณบดีคณะสังคมและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผมไม่เคยฟังท่านพูด และไม่เคยอ่านข้อเขียนของท่านมาก่อน

ผมตะลุยอ่านข่าวและบทความ รวมทั้งคอมเมนต์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ นพ.ทวีศิลป์ถูกถล่มเท่าที่จะหาได้และเปิดพบ ก็พอจะจับประเด็นได้ว่า เพราะ นพ.ทวีศิลป์พูดถึงเงินเยียวยา 5,000 บาท (ที่รัฐบาลกำลังจะแจก) บวกกับ “สวนครัวรั้วกินได้” ทำนองว่า จะบรรเทาความเดือดร้อนของคนตกงานและไม่มีรายได้-ไปได้สักระยะหนึ่ง

“สวนครัวรั้วกินได้” เป็นวลีที่บางฝ่ายอ้างว่าสืบเนื่องมาจากปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” ของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 9 แต่ผมคลับคล้ายคลับคลาว่า “สวนครัวรั้วกินได้” ชื่อเดียวกันนี้ ทำให้มีการร้องเรียนและฟ้องร้องกล่าวโทษนักการเมืองผู้ดำเนินการอย่างอื้อฉาวมาแล้วด้วย

ประเด็น “แจกเงิน 5,000 บาท” สร้างความโกรธเคืองต่อผู้เดือดร้อนส่วนใหญ่ เพราะรัฐบาลให้ข่าวชักเข้าชักออกระหว่าง 3 เดือนกับ 6 เดือน กระทรวงการคลังซึ่งมีหน้าที่คัดกรองผู้มีสิทธิจะได้รับ ก็สร้างความสับสนด้วยสารพัดเงื่อนไขที่ไม่สอดคล้องกับความเดือดร้อนที่เป็นอยู่

การที่ นพ.ทวีศิลป์พูดเรื่อง “สวนครัวรั้วกินได้” ที่ไม่มีจริงในหน้าแล้ง พูดในห้วงเวลาที่คนกำลังวิตกว่าไม่มีอะไรจะกิน เพื่อหวังจะปลอบใจตามประสาจิตแพทย์ จึงกลายเป็นว่าหมอไม่เข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นกับคนจน

นพ.ทวีศิลป์ถูกมองว่าพูดเพื่อช่วยรัฐบาล ซึ่งในฐานะโฆษก ศบค.ควรพูดแต่เพียงประเด็นของการป้องกันการระบาดและการรักษาพยาบาลผู้ติดเชื้อเท่านั้น ไม่ควรพูดโยงไปถึงเรื่องการเมือง

ในวันเดียวกันนั้น สื่อโซเชียลก็แบ่งเป็น 2 ฝ่าย (ตามธรรมชาติของความขัดแย้ง) ฝ่ายหนึ่งมีแฮชแท็ก “SAVE นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน” ที่ถูกถล่มรอบด้าน

คอลัมนิสต์ท่านหนึ่งวิเคราะห์ว่า แม้คุณหมอจะพูดจาสุภาพด้วยท่าทีเรียบร้อย แต่ด้วยเจตนาที่มุ่งมั่นจะโน้มน้าวไม่ให้ประชาชนออกจากบ้านเดินทางไปในที่ต่างๆ รวมทั้งขออภัยคนไทยในต่างประเทศที่ขอให้อยู่ในที่ตั้งเดิมก่อน

ในการตอบคำถามแบบ “ถามนำ” ของผู้สื่อข่าวบีบีซี นพ.ทวีศิลป์ไม่ได้หลีกเลี่ยงคำว่า “คนต่างแดน” กับ “เส้นทางธรรมชาติ” และ 2 คำนี้คงจะทิ่มแทงใจบางคนที่คิดว่าเป็นคำกระแหนะกระแหน นพ.ทวีศิลป์จึงถูกถล่มรอบด้านดังกล่าวข้างต้น

อย่างไรก็ตาม ในการแถลงข่าวของ ศบค.เมื่อวันที่ 11 เมษายน นพ.ทวีศิลป์ไม่ได้ตอบโต้หรือปล่อยถ้อยคำชวนวิวาทแม้แต่น้อย…

“ขอบคุณคำแนะนำจากทุกฝ่ายที่มีถึงผม ผมรับทราบและยอมรับทุกเรื่องเพราะผมเป็นจิตแพทย์…หน้าที่ของผมบางเรื่องเชื่อมโยงไปในส่วนต่างๆ แต่ขอยืนยันว่าไม่มีเจตนาโยงไปถึงเรื่องการเมือง ตอนนี้เรามีศัตรูร่วมกันคือโควิด-19 ซึ่งต้องอยู่กับเราไปอีกหลายเดือน…ประเทศไทยต้องละทิ้งความขัดแย้ง เพื่อต่อสู้กับโควิด-19…”

ผม (ผู้เขียน) ขอขอบคุณบรรดาเหล่านักคิด นักเขียน หรือนักรบไซเบอร์ทั้งหลาย ที่ยุติความขัดแย้งกับ นพ.ทวีศิลป์ลงได้โดยเร็ว หากยังมีอารมณ์อยากวิวาทก็จงวิวาทกับรัฐบาลเถอะครับ

และแม้จะเลิกฝันถึงความปรองดองของชาติมาหลายปีแล้ว แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า “จิตแพทย์” นี่แหละคือจุดสำคัญและจำเป็นของการปรองดอง ดังนั้น เราควรที่จะ SAVE จิตแพทย์!

เมื่อกล่าวถึง “ความสับสน” ของ ศบค. เราพบว่า ศบค.เป็นศูนย์บริหารที่สร้างความสับสนมาแต่เริ่มต้นและสร้างตามมาเป็นระยะ เราไม่ทราบว่าท่านจัดวางโครงสร้าง “ศูนย์บริหาร” กันอย่างไร ก่อนจะแถลงข่าวมีการประชุมแลกเปลี่ยนและอัพเดตข้อมูลกันหรือไม่ ความเห็นที่ขัดแย้งกันได้ข้อยุติว่าอย่างไร อะไรที่ควรจะให้ประชาชนทราบ และอะไรก็ควรจะเก็บงำไว้ก่อน…ฯลฯ

ไม่เพียงแต่ระยะเวลาเยียวยา ที่ชักเข้า-ชักออกระหว่าง 3 เดือนกับ 6 เดือนเท่านั้น จำนวนผู้มีสิทธิ์ที่จะได้รับการเยียวยา เงื่อนไขที่จะใช้ในการตรวจสอบและคัดกรอง รวมถึงจำนวนเงิน ฯลฯ เหล่านี้ ควรที่จะประมวลไว้ก่อนดำเนินการหรือก่อนแถลงข่าว

ความไม่พร้อมทำให้มีภาพและบรรยากาศเลวร้าย…ขู่ฆ่าตัวตาย และเกือบทำให้เกิดการจลาจลที่กระทรวงการคลัง

ล่าสุดเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกมาปราศรัยด้วยตัวเอง ด้วยความที่พูดเข้าใจยาก หรือด้วยอคติของผู้ฟังและผู้สื่อข่าว จากที่ว่า “จ่ายเดือนเดียวก่อน” กลายเป็น “จ่ายเดือนเดียว” จนโฆษกรัฐบาลและรัฐมนตรีกระทรวงการคลังต้องตามมาอธิบายซ้ำให้ประชาชนเข้าใจ

หมดภารกิจบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 นี้แล้ว เห็นทีรัฐบาลชุดนี้จำเป็นต้องมีจิตแพทย์ไว้ประจำทำเนียบอย่างน้อยก็ชุดหนึ่ง

ป.ล.

ก๋งของบูนกับก๋งของผมเป็นเพื่อนบ้านกันที่ “หาดใหญ่ใน” (หลังที่ว่าการอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา) พ่อของบูนกับพ่อของผมเป็นเพื่อนร่วมสาบานกันแบบนักเลงโบราณ กล่าวคือ กรีดเลือดที่ท้องแขนหยดลงถ้วยเหล้าแล้วดื่ม

และเนื่องจากเรามีญาติและเพื่อนบ้านที่ชื่อ “บูน” หลายคน จึงจำเป็นต้องมี “สร้อย” กำกับเป็นการจำเพาะเจาะจง พ่อของบูนไปสร้างหลักฐานครอบครัวอยู่ที่อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ผมจึงมีเพื่อนเสมือนญาติชื่อ “บูน โก-ลก” มาตั้งแต่เด็กพอจำความได้

บูนเป็นผู้พิพากษาจนเกษียณอายุ เขาเสียชีวิตไปกว่า 20 ปีแล้ว