HUNGRY GAME–เกมหิว (อำนาจ) / ฉบับประจำวันที่ 1-7 พฤษภาคม 2563

ขณะที่ชาวบ้านทั่วไปกำลังต่อสู้กับความหิว
หิวจากวิกฤตเศรษฐกิจ เพราะการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ปรากฏว่า ในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ก็กำลังต่อสู้กับความหิวเช่นกัน
แต่ไม่ใช่ความหิวของปากท้อง
หากเป็นความหิวในอำนาจ
มีการช่วงชิง หรือเล่น HUNGRY GAME–เกมหิว (อำนาจ) อย่างเข้มข้น

เมื่อปรากฏความเคลื่อนไหวของ”ก๊วนบ้านป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรค พปชร.
ไม่ว่า”เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี ประธาน ส.ส.พรรค พปชร.
วิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล
“เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท ที่เคยอกหักจากเก้าอี้รัฐมนตรี แต่ได้รับการดูแลอย่างดีจาก “บิ๊กป้อม”
และ สันติ พร้อมพัฒน์ ที่ว่ากันว่ากำลังมาแรง ถึงขนาดยกตึกส่วนตัวให้เป็ นที่ทำการพรรคพปชร.แห่งใหม่
จะให้เปลี่ยนตัวนายอุตตม สาวยายน หัวหน้าพรรค และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรรค
เพราะการแก้ปัญหาไวรัสโควิด-19 ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่ทันการณ์
และที่สำคัญ ไม่ดูแลเพื่อนๆ พี่ๆ ส.ส.
โดยมีหลักฐาน เป็นไลน์ ที่หลุดจากกลุ่มส.ส.ภาคกลาง ที่ระบายความรู้สึกไม่พอใจ
จน”เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น ประกาศจะช่วยพี่ๆ เพื่อนๆ ทุกคนเอง
ปรากฏว่าการช่วยนั้นไม่เพียงดูแลส.ส.เท่านั้น
หากแต่มีการ เดินเกมกดดันนายอุตตมและนายสนธิรัตน์ให้ลาออก จากผู้นำพรรค
พร้อมปรากฏชื่อผู้นำชุดใหม่ รอไว้แล้วคือ
พล.อ.ประวิตรจะดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค
นายสันติดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรค
แถมยังมีเป้าหมายต่อไปคือ การปรับ คณะรัฐมนตรี

ทันทีที่ข่าวการเคลื่อนไหว ดังกล่าว”หลุดออกมา”
นายอุตตมได้รีบยืนยันข่าวทันทีว่า มีผู้แจ้งให้ลาออกจริง
แต่”สมองไม่ได้เอาไว้คิดในเรื่องของการเมือง”
พร้อมบลัฟกลับว่า ขอช่วยเหลือประชาชนก่อน
ขณะที่ได้ปรากฏโผการปรับคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ออกมาด้วย
ประกอบด้วย พล.อ.ประวิตร ควบรองนายกฯ และรัฐมนตรีมหาดไทย
นายสันติ พร้อมพัฒน์ จะเป็นรัฐมนตรีคลังแทนนายอุตตม
โดยมีนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ซึ่งระยะหลังถูกระบุว่ามีความใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร จะโยกจากโฆษกรัฐบาลมาเป็นรัฐมนตรีช่วยคลัง
นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีตแกนนำกลุ่ม กกปส. ที่ถูกดึงมาเสริมทัพ ในขั้วอำนาจ พล.อ.ประวิตร จะได้รับโบนัส คือ ย้ายจากกระทรวงศึกษาธิการไปนั่งรัฐมนตรีพลังงาน แทนนายสนธิรัตน์
นายอนุชา นาคาศัย จะผงาดเป็นรัฐมนตรีศึกษาธิการ
ขณะที่นายสุชาติ ชมกลิ่น จะไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม แทนนายสุวิทย์ เมษินทรีย์
ไม่มีใครทราบว่า ข่าวนี้หลุดออกจากใคร
แต่ดูตามรายชื่อ แค่เปรียบเทียบระหว่าง นายอุตตมะ กับนายสันติ พร้อมพัฒน์
สังคมจะเลือกใคร
จึงไม่แปลกที่นายอุตตมประกาศไม่ลาออก
ด้วยเหตุผลของการเปรียบเทียบตัวบุคคลข้างต้นแล้ว
ด้านหนึ่ง ขั้วของนายอุตตมมั่นใจว่า เงินอัดฉีดผ่าน พ.ร.ก.เงินกู้ ร่วม 2 ล้านล้านบาท จะทำให้งานการเมืองของตัวเองแข็งแกร่งขึ้น
ยิ่งหากกู้เศรษฐกิจได้หรือทำให้ชาวบ้านพอใจในการเยียวยา
กระแสสังคมก็จะ “อุ้มชู” และหันเหไปกดดันขั้วที่ต้องการเลื่อยขาเก้าอี้เสียเอง
นอกจากนี้ เงินฟื้นฟูหลังโควิด-19 อันมหาศาล ย่อมจะสามารถผลักโครงการต่างๆ มากมาย
ซึ่งนี่จะเป็นจุดแข็งแกร่ง ที่จะดึงเอา ส.ส.ในพรรค พปชร.แห่เข้าร่วมฝ่ายตนเอง แทนที่จะไปอยู่ขั้วตรงกันข้าม

ยิ่งกว่านั้นพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังออกมาประกาศจะไม่มีการปรับ ครม.ใดๆ ทั้งสิ้น
“ผมคนเดียวเท่านั้นที่จะเป็นผู้ตัดสินใจได้ ไม่ต้องต่อรอง ไม่ต้องเจรจา ผมเป็นนายกฯ ผมทำคนเดียว”
คำพูดดังกล่าวเท่ากับเป็นส่งสัญญาณให้เห็นชัดเจนว่า นายกฯ มีจุดยืนอย่างไร
ซึ่งนอกจากทำให้”ขั้ว” ที่เคลื่อนไหวให้เปลี่ยนแปลงในพรรค สะดุดแล้ว
พี่ใหญ่ พล.อ.ประวิตรยังต้องเหยียบเบรค สั่งให้ทุกฝ่ายยุติความขัดแย้งที่เกิดขึ้น
พร้อมประกาศไม่ขอรับตำแหน่งหัวหน้าพรรค และจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคทุกตำแหน่ง รวมไปถึงการปรับคณะรัฐมนตรี ด้วย
เพราะไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

ทำให้ศึกแย่งอำนาจในพรรค ต้องหยุดลงชั่วคราว
แต่เชื่อว่า คงไม่จบลงง่ายๆ
ขั้วที่เคลื่อนไหวก็เตรียมเดินหน้าต่อ
เกมหนึ่งที่เตรียมไว้ คือการไปล็อบบี้ให้กรรมการบริหารพรรคลาออกกึ่งหนึ่ง
ซึ่งจะทำให้ทั้งนายอุตตมและนายสนธิรัตน์หลุดจากตำแหน่งไปโดยปริยาย
แล้วจากนั้นค่อยคืบเข้ายึดอำนาจในพรรคและก้าวไปสู่จุดสำคัญคือปับคณะรัฐมนตรีในที่สุด
ซึ่งแน่นอน อีกขั้วก็คงสู้ยิบตา ไม่ยอมง่ายๆ
โดยใช้ความได้เปรียบที่กุมอำนาจอยู่ ตอบโต้
เรื่องนี้จึงคงยืดเยื้อ การต่อสู้ในพรรคจะดำรงอยู่
เพราะเรื่องของอำนาจ มันหอมหวน
ยั่วให้หิว และเล่น HUNGRY GAME อย่างดุเดือดกันต่อไป
—————