จดหมาย/ฉบับประจำวันที่ 1-7พฤษภาคม 2563

จดหมาย

 

0 อย่าตัดงบฯ สาธารณสุข

ตามที่การประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา

ได้เห็นชอบผลการพิจารณาโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563

ซึ่งจะนำมาจัดทำร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. … ในกรอบวงเงิน 100,395 ล้านบาท

เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหา ช่วยเหลือเยียวยา และบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

และปัญหาภัยพิบัติ ภัยแล้ง อุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นในช่วงปลายปีงบประมาณ พ.ศ.2563

รวมทั้งกรณีที่มีเหตุฉุกเฉินหรือจำเป็นอื่นนั้น

ปรากฏว่า ในรายละเอียดของงบประมาณที่จะโอนมาอยู่ในร่าง พ.ร.บ.โอนงบฯ ดังกล่าว

ได้มีมติเห็นชอบตัดงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรืองบฯ “บัตรทอง” จำนวน 2,400 ล้านบาท และงบประมาณกระทรวงสาธารณสุข 938.4 ล้านบาทนั้น

พวกเรากลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ เป็นประชาชนที่รวมตัวกันเพื่อสนับสนุนให้เกิดรัฐสวัสดิการและมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาระบบสุขภาพให้มีความยั่งยืนมาตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา

ขอคัดค้านมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว

โดยเฉพาะการตัดงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรืองบฯ บัตรทอง และงบประมาณกระทรวงสาธารณสุข

ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้

  1. งบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรืองบฯ บัตรทอง จำนวน 2,400 ล้านบาท

คือเงินในส่วนที่เรียกว่า ค่าบริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีสิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 49 ล้านคน

ถือเป็นงบฯ กองทุนรักษาพยาบาล

เป็นลักษณะรายจ่ายประจำที่เป็นไปเพื่อการจัดสวัสดิการแห่งรัฐ

หรือค่าใช้จ่ายรายหัวตามสิทธิพื้นฐานจากการบริการของรัฐที่มีผลบังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน

อันเป็นหลักการสำคัญที่จะไม่นำงบประมาณรายจ่ายส่วนนี้ไปจัดทำร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่าย

ขณะที่งบประมาณกระทรวงสาธารณสุข 938.4 ล้านบาท งบฯ ลงทุนซ่อม-สร้างอาคาร ห้องพักผู้ป่วย ห้องพักเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลในต่างจังหวัด

ไม่ใช่งบประมาณค่าใช้จ่ายในการสัมมนา การฝึกอบรม การประชาสัมพันธ์ การจ้างที่ปรึกษา ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการต่างประเทศ หรืองบฯ บริหาร

ซึ่งหากมีการดึงงบประมาณส่วนนี้ไป

ย่อมส่งผลกระทบกับโรงพยาบาลทุกแห่งทั่วประเทศและคุณภาพในการดูแลรักษาพยาบาลผู้ป่วยโดยรวม

  1. ภายใต้วิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นี้

อาจดูเหมือนว่า ประชาชนมารับการรักษาพยาบาลตามหน่วยบริการต่างๆ น้อยลง

แต่นั่นเป็นเพราะประชาชนได้รับคำแนะนำให้ชะลอการเข้ามารับการรักษาพยาบาล

อีกทั้งโรงพยาบาลต้องดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อลดความแออัดของหน่วยบริการเพื่อให้รองรับกับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีที่สุด

แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า ภาระโรค หรือภาระค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลของประชาชนจะลดน้อยลงไป

หากงบประมาณด้านรักษาพยาบาลถูกปรับลดลง

จะสร้างภาระด้านการเงิน เพิ่มภาระการบริหารจัดการภายใน

จะส่งผลต่อภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้นและประสิทธิภาพในการรักษาพยาบาลประชาชนในภาพรวมอย่างแน่นอน

ดังนั้น แม้คณะรัฐมนตรีจะเตรียมงบประมาณสนับสนุนการรักษาพยาบาลโควิด-19 ก็ไม่พึงตัดลดงบประมาณกองทุนบัตรทองและค่ารักษาพยาบาลอื่นๆ

ดังนั้น พวกเราในนามกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ ขอเรียกร้องให้คณะรัฐมนตรีทบทวนรายละเอียดดังกล่าว

และขอให้การใช้จ่ายงบประมาณต่างๆ ตาม พ.ร.บ.โอนเงินฯ และ พ.ร.ก.กู้เงินทั้ง 3 ฉบับเป็นไปอย่างเปิดเผยโปร่งใส

เป็นประโยชน์กับประชาชนอย่างแท้จริง

กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ

 

ทั้งนายกฯ

ทั้ง รมต.สธ.

ทั้งปลัด สธ.

รับปากจะทบทวน โดยไม่ตัดงบฯ บัตรทอง-สธ.

ก็รอดู ว่าเมื่อ พ.ร.บ.โอนงบฯ ออกมา

จะเป็นไปตามนั้นหรือไม่

 

0 ระยะใกล้ทางสังคม

พูดถึงเรื่องโควิด 19 ที่บอกว่า กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ

ผมเห็นพ่อ-แม่ผมสอนมาตั้งแต่เด็กๆ ที่ชัดเจน เป็นประจำ คือ

ล้างมือก่อนกินข้าว

ล้างเท้าก่อนเข้านอน

ผมยัง

ไม่เคยกินข้าวก่อนล้างมือเลยในชีวิต

เพราะเคยชินปฏิบัติเป็นประจำ

โดยเฉพาะพ่อผมอนามัยจัดมาก กว่าจะกินข้าว ท่านล้างมือนานมาก จนมือซีด

และเรื่องช้อนกลาง ท่านจะไม่เกรงใจ

ใครขืนไม่ใช้ช้อนกลางเป็นโดนดุ

จนลูกหลานทุกคนเข้าใจ

ไม่มีใครฝ่าฝืน

ผมยังสงสัยเลยว่า มีใครบ้างที่กินข้าวโดยไม่ล้างมือ

และที่ผมปฏิบัติเป็นประจำอีกอย่างคือ พยายามอยู่ใกล้ต้นไม้มากที่สุด

ตะวันรอน

อ.ลอง จ.แพร่

 

พูดถึงเรื่อง

ล้างมือ

ช้อนกลาง

แล้วมาหักมุม ลงที่ “อยู่ใกล้ต้นไม้”

อาจจะขัดแนวทาง “เว้นระยะทางสังคม”

แต่สำหรับต้นไม้แล้ว

ยิ่งใกล้ ยิ่งดี

ทำให้หลายคนจินตนาการไปถึง

ร่มรื่นในเงาไม้