สมุนไพรเพื่อสุขภาพ /โครงการสมุนไพรเพื่อการพึงพาตนเอง/สมุนไพรฟ้าทะลายโจรในวิกฤตโควิด-19

สมุนไพรเพื่อสุขภาพ/โครงการสมุนไพรเพื่อการพึงพาตนเอง มูลนิธิสุขภาพไทย www.thaihof.org

สมุนไพรฟ้าทะลายโจรในวิกฤตโควิด-19

 

สัจพจน์ที่ว่าในวิกฤตย่อมมีโอกาส รวมทั้งวิกฤตโควิด-19 ด้วย

เช่นเรื่องราวดีๆ ที่ญาติน้องมาเรียม พะยูนฝูงใหญ่แหวกว่ายออกมาเล็มหญ้าทะเลในหมู่เกาะลิบง จังหวัดตรัง ฉลองวันคุ้มครองโลก (EarthDay) 22 เมษายนที่ผ่านมา

แต่เรื่องราวที่ดีที่สุดของเดือนสงกรานต์ปีชวด ก็คือคนไทยตายน้อยลงในช่วง 7 วัน (ไม่) อันตราย สำหรับบางคนอาจเห็นว่าการมีชีวิตอยู่ในวิกฤตโควิด-19 น่ากลัวกว่าความตายใน 7 วันอันตรายของสงกรานต์ที่ตายแล้วก็จบกัน ไม่ต้องตายทั้งเป็นในวิกฤตเศรษฐกิจซึ่งไม่รู้จะจบเมื่อไร

ตรงนี้เป็นปัญหาน่าห่วงที่ต้องหาทางแก้กันต่อไป

เรื่องวิกฤตโรคระบาดเป็นโอกาสให้เกิดนวัตกรรมทางการแพทย์สาธารณสุขของไทยซึ่งเคยมีมาแล้วในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า พระบิดาแห่งการแพทย์แผนไทย ผู้ทรงมีพระวิสัยทัศน์อันทันสมัยว่า

“การศึกสงครามข้างญวนข้างพม่าก็เห็นจะไม่มีแล้ว จะมีอยู่ก็แต่ข้างฝรั่งให้ระวังให้ดี อย่าให้เสียทีแก่เขาได้ การงานสิ่งใดของเขาที่ดีควรจะเรียนร่ำเอาไว้ ก็เอาอย่างเขา แต่อย่าให้นับถือเลื่อมใสไปทีเดียว”

ดังนั้น เมื่อเกิดโรคฝีดาษระบาดในสยามตั้งแต่ปี 2381 เป็นต้นมา รัชกาลที่ 3 จึงทรงโปรดให้หมอหลวงแผนไทยเรียนรู้วิธีปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ (Inoculation) กับหมอบรัดเลย์ มิชชั่นนารีชาวอเมริกัน

ซึ่งมิได้ใช้หนองฝีโค แต่ใช้หนองฝีคนป่วยโรคฝีดาษเป็นวัคซีนปลูกต่อๆ กัน แบบ arm to arm

โดยใช้เทคนิคที่หมอบรัดเลย์ได้บันทึกไว้ว่า

 

“ข้าพเจ้าได้ปลูกฝีโดยใช้สะเก็ดแผลที่แห้ง แต่ก็นำไปทำให้ชุ่มด้วยน้ำฝนและใช้ปลายมีดผ่าตัดสะกิดผิวหนัง”

เทคนิคการปลูกฝีที่อันตรายนี้หมอไทยแผนโบราณก็เคยทำได้ผลในการควบคุมโรคระบาดมาแล้ว

ดังที่หมอบรัดเลย์กล่าวชื่นชมในพระเมตตาบารมีแห่งพระมหาเจษฎาราชเจ้าว่า “วันนี้หมอหลวงชาวสยามมาพบอีก 2 ท่าน ท่านยอมลดตนเองว่าเป็นศิษย์ของข้าพเจ้าและขอให้ข้าพเจ้าเรียบเรียงตำราแพทย์หลายๆ เรื่อง…ที่ท่านมาพบข้าพเจ้าก็มาโดยพระบรมราชโองการว่าท่านเหล่านี้จะต้องกลับไปปลูกไวรัสให้แก่พระบรมวงศานุวงศ์และบริวาร…พระเจ้าอยู่หัวได้ส่งเสริมให้มีการ inoculate โดยพระราชทานทรัพย์จำนวน 20 บาทเป็นค่าวัคซีนที่เพียงพอที่จะปลูกฝีได้ 20-30 คน พระราชทานให้แก่ผู้ยากไร้ที่ไม่สามารถจะเจียดจ่ายค่าวัคซีนได้”

ทั้งยังยกย่องผลงานของแพทย์แผนไทยศิษย์ของท่านในช่วงฝึกงานว่า

“ได้ทราบมาว่ามีคนได้รับ inoculate จากหมอหลวงมาแล้วมากกว่า 1,000 คน และไม่มีผลไม่พึงประสงค์อันใดบังเกิดแก่บุคคลเหล่านั้นเลย”

 

เมื่อย้อนศึกษาบทเรียนประวัติศาสตร์แล้วเราต้องกลับมาอยู่กับปัจจุบัน เพื่อสร้างนวัตกรรมความร่วมมือระหว่างแพทย์แผนไทยกับแพทย์แผนตะวันตกเพื่อต้านโรคระบาดโควิด-19 ที่เป็นโจทย์ใหญ่ในปัจจุบัน

ช่วงนี้กลุ่มหมอภูมิปัญญาสุขภาพแผนไทยหลายกลุ่มออกมารณรงค์การใช้ยาสมุนไพรรักษาไข้หวัดใหญ่ในสถานการณ์โควิด-19

เช่น “ศูนย์เรียนรู้สมุนไพร” วัดคีรีวงก์ จ.ชุมพร นำโดยพระมหาขวัญชัย อัคคชโย พระหมอพื้นบ้านที่แจกจ่ายยาสูตรตำรับหมอพระเกจิอาจารย์โบราณแห่งอำเภอหลังสวน

และ “โครงการรวมพลังเครือข่ายแพทย์แผนไทยสู้ภัยโควิด” ที่ใช้ยาขาวในจารึกวัดโพธิ์และยาใบมะขามคั้นสุราของครูชุบ แป้นคุ้มญาติ เพื่อต้านไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่แบบให้เปล่าและมีการเก็บข้อมูลเบื้องต้นเพื่อการวิจัยต่อไปด้วย

แต่โครงการสมุนไพรต้านภัยโควิด-19 ที่โด่งดังที่สุดในเวลานี้ คือโครงการวิจัยการใช้ฟ้าทะลายโจรในผู้ป่วยโรคโควิด-19 ระดับอาการที่มีความรุนแรงน้อย ของกระทรวงสาธารณสุขโดยกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกจับมือสถาบันบำราศนราดูรของกรมควบคุมโรค ซึ่งเป็นสถาบันหลักที่กำลังรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 อยู่ในขณะนี้

อันที่จริงการวิจัยสมุนไพรฟ้าทะลายโจรต้านเชื้อไวรัสไม่ใช่เรื่องใหม่เพราะเมื่อ 30 ปีมาแล้ว มูลนิธิสุขภาพไทย โดยโครงการสมุนไพรเพื่อการพึ่งตนเอง เคยตีพิมพ์ผลสรุปงานวิจัยทางคลินิกในการใช้สารสำคัญฟ้าทะลายโจรแก้ไข้หวัดใหญ่ในประเทศจีน

พบว่าเมื่อใช้สารสำคัญหลักของฟ้าทะลายโจร 3 ชนิด คือ สารแอนโดรแกรโฟไลด์ สารนีโอแอนโดรแกรโฟไลด์ และสารดีอ๊อกซี่แอนโดร แกรโฟไลด์ เป็นยาสารสกัดเดี่ยว 3 ตำรับในการรักษาผู้ป่วย 3 กลุ่ม โดยให้ยาเม็ดที่มีสารสำคัญหนักเม็ดละ 100 มิลลิกรัม ครั้งละ 5 เม็ดทุก 6 ชั่วโมง เป็นเวลาเพียง 2 วันเท่านั้น พบผลการรักษาผู้ป่วยหาย ดังนี้

กลุ่มที่ 1 สารแอนโดรแกรโฟไลด์ 81.97%

กลุ่มที่ 2 สารนีโอแอนโดรแกรโฟไลด์ 82.35%

และกลุ่มที่ 3 สารดีอ๊อกซี่แอนโดรแกรโฟไลด์ 100%

จากผลการทดลองดังกล่าว อาจใช้ยืนยันผลการวิจัยของกระทรวงสาธารณสุขที่ใช้สารสำคัญเดี่ยวแอนโดรแกรโฟไลด์ฆ่าเชื้อโควิด-19 ในหลอดทดลองได้ผลน้อยกว่าการใช้สารสกัดหยาบที่มีสารสำคัญครบทุกตัว เนื่องจากในฟ้าทะลายโจรมีสารสำคัญหลัก 3 สารข้างต้น

เมื่อการทดลองพบว่าลำพังแค่สารแอนโดรแกรโฟไลด์ชนิดเดียวได้ผลไม่เท่าสารชนิดอื่นๆ เหมือนว่าต้องมาเป็นหมู่เหล่าจึงเอาอยู่

พูดง่ายๆ ตรงกับงานวิจัยไทยล่าสุด คือ สารสกัดหยาบมีสารครบนั้นได้ผลกว่าสารเดี่ยวๆ

แต่ที่เหมือนกันคือขนาดการรับประทานต้องใช้มากกว่าปกติถึง 5 เท่า

ข้อมูลจากหนังสือของโครงการสมุนไพรเพื่อการพึ่งตนเอง มูลนิธิสุขภาพไทย พบว่าถ้าใช้ผงยาจากใบฟ้าทะลายโจรแห้งทำยาให้ได้ผลการรักษาไข้หวัดใหญ่เทียบเท่ากับสารสกัดสารสำคัญ 5 เม็ด

ของจีนจะต้องใช้ยาฟ้าทะลายโจรลูกกลอนขนาด 100 มิลลิกรัม จำนวน 30 เม็ด หรือ 12 แคปซูล (ขนาด 250 มิลลิกรัม) วันละ 3-4 ครั้งก่อนอาหารและก่อนนอน

 

อันที่จริง มูลนิธิสุขภาพไทยยังมีข้อมูลการใช้ยาฟ้าทะลายโจรในการรักษาโรคติดเชื้อหลายชนิดได้ผลดีจนได้ฉายาว่ายาเพนิซิลลินสมุนไพร

เฉพาะโรคติดเชื้อทางเดินหายใจเองมีผลการใช้ทางคลินิกในผู้ป่วย 2,717 ราย รักษาหายถึง 2,430 ราย หรือราว 87.4%

เพลานี้ก็เริ่มเข้าเดือนหกไทยแล้ว พายุฤดูร้อนกำลังปะทะกับลมเย็นทำให้ภูมิอากาศแปรปรวนอาจเป็นเหตุให้เกิดไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ได้ง่าย มาตรการใส่หน้ากาก ล้างมือ กินร้อน ช้อนส่วนตัว ก็ช่วยป้องกันโรคไวรัสหวัดได้มาก

แต่ถ้าหากต้องการใช้สมุนไพรฟ้าทะลายโจรรักษาไข้หวัด และไข้หวัดใหญ่ อาจจะต้องปลูกเองเป็นสวนยาสมุนไพรสามัญประจำบ้าน

ซึ่งมูลนิธิสุขภาพไทยมีเคล็ดวิชาในการปลูกและการใช้เป็นยาชงรักษาสุขภาพในยามวิกฤตโควิด-19 นี้